บทที่ 103
มารฝันเห็นถานไถจิ้นไม่หวั่นไหวสักนิด ก็รู้ว่าตนกำลังจะถูกหน้าไม้พิฆาตเทวะกลืนกินเข้าไป
ขณะที่มารฝันกำลังจะสิ้นหวัง ลูกแก้วลูกหนึ่งลอยมาตรงหน้ามัน
มารฝันยินดีปรีดายิ่ง “ขอบคุณจอม…”
พอเห็นแววตาแข็งทื่อของชายหนุ่มแล้ว มารฝันจึงเปลี่ยนคำพูด “ข้าจะสร้างฝันให้พวกท่านทันที”
ลูกกลอนในร่างมันถูกถานไถจิ้นควักออกไป ห้าร้อยปีมานี้ได้แต่เป็นมารที่เจียมเนื้อเจียมตัว ไม่เหลือความสามารถในการสร้างฝัน แต่บัดนี้เมื่อมีลูกแก้วหลิวหลีที่ถูกถ่ายพลังจากไข่มุกแปลงโฉมเข้าไป มันสามารถชักนำห้วงรับรู้ของพวกเขาเข้าสู่ไข่มุกแปลงโฉม มอบความฝันอันงดงามให้พวกเขาเพื่อรักษาชีวิตน้อยๆ ของตนไว้
“เข้าสู่ห้วงฝันของข้าแล้ว ท่านกับนางล้วนเป็นคนในฝัน ยามอยู่ในฝันท่านจะได้พบกับนางในอีกสถานะหนึ่ง แต่เรื่องราวจะพัฒนาไปอย่างไร ข้ามิอาจควบคุม ได้แต่บอกว่า…น่าจะเป็นฝันดีกระมัง” ตอนเอ่ยคำพูดประโยคสุดท้าย มารฝันมีท่าทีร้อนตัวอยู่บ้าง
ถานไถจิ้นแค่นเสียงในลำคอรับคำ “อืม”
เขาเพียงแต่อยากเห็นว่าหากมิได้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ นางจะ…มีใจชอบเขาสักนิดบ้างหรือไม่
เขาจะสมหวัง หรือยอมถอดใจนับแต่นี้ไป
สองคนหลับตาลง ลูกแก้วหลิวหลีสว่างวาบ กลีบดอกซิ่งโปรยปรายดุจสายพิรุณ ปรากฏอยู่ในลูกแก้วหลิวหลี
มารฝันเหลือบมองถานไถจิ้นแวบหนึ่ง มันเคยเข้าไปในฝันร้ายของถานไถจิ้นในอดีต รู้ว่าเขามีฐานะอย่างไร ย่อมเข้าใจดีว่าการถือกำเนิดอันย่ำแย่ทำให้เขามีชีวิตที่ลำบากกว่าคนอื่นๆ ตั้งแต่เยาว์วัย
หวังว่าหลังจากเปลี่ยนฐานะแล้ว…ครั้งนี้จะเป็นฝันดี
มารฝันรื้อค้นความทรงจำของถานไถจิ้น พบว่าอดีตของเขามีแต่ความเศร้าสลด มันทอดถอนใจอย่างหนักพลางหันไปมองหลีซูซู…
เช่นนั้นเริ่มจากอดีตของเจ้า นำมาถักทอเป็นความฝันก็แล้วกัน
“หลีซูซู ตื่นเถอะ!”
มีคนกำลังเรียกหลีซูซู นางลืมตาขึ้น
ดอกซิ่งตกลงบนหัวไหล่นาง ปูเป็นชั้นหนาชั้นหนึ่ง นางพบว่าตนเองอยู่ในป่าซิ่งแห่งหนึ่ง เซียนจื่อในอาภรณ์สีฟ้าครามกำลังมองนางอย่างเป็นห่วงเป็นใย
เป็นเหยากวงนั่นเอง
หลีซูซูผุดลุกขึ้นนั่งในป่าซิ่งทันที นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร นางมิใช่ควร…ควรอย่างไรกันนะ
“ควรย้อนกลับไปเมื่อห้าร้อยปีก่อน ถอนกระดูกมารของพญามาร” นางพึมพำเบาๆ
เหยากวงจิ้มหน้าผากนาง ทั้งฉุนทั้งขัน “เจ้านี่นะ บอกแล้วว่าอ่านนิยายในโลกมนุษย์พวกนั้นให้น้อยลงหน่อย สงครามใหญ่ระหว่างเทพกับมารผ่านไปหลายหมื่นปีแล้ว ตำนานที่แต่งขึ้นพวกนั้น ใครจะรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ยังจะว่าตนเองย้อนกลับไปเมื่อห้าร้อยปีก่อน เจ้าเข้าไปในเกาะเซียนเผิงไหลให้ได้ก่อนเถอะ”
เมื่อถูกเหยากวงขัดจังหวะ คำพูดยุ่งเหยิงในหัวสมองก็พลันเลือนราง หลีซูซูลุกขึ้นยืนพร้อมปัดกลีบดอกไม้ตามตัว
“เมื่อครู่นี้คิดอะไรอยู่หรือ” เหยากวงจูงมือนาง มุ่งหน้าไปยังเกาะเซียนเผิงไหล
ฝูงกระเรียนบินอยู่บนท้องฟ้า ให้ความรู้สึกสงบงดงาม
หลีซูซูกดขมับตนเอง “ไม่มีอะไร” ข้าเป็นอะไรไปนะ
“รู้หรือไม่ว่าตนเองต้องทำอะไร” เหยากวงถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ระวังเถอะ กราบอาจารย์ไม่ได้ เจ้าสำนักจะลงโทษเจ้า”
พอเหยากวงพูดเช่นนี้ หลีซูซูก็นึกขึ้นได้ในที่สุด
มองภาพอันคุ้นเคยตรงหน้า นิ้วมือนางไล้ผ่านขนนกกระเรียนเซียน รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
นางมาเกาะเซียนเผิงไหลเพื่อเรียนรู้เคล็ดกระบี่ชิงหงกับท่านเซียนหรงขุยผู้เป็นประมุขของเกาะ
หากจะกล่าวถึงพิภพเซียนทั้งหมด เคล็ดกระบี่ชิงหงของเผิงไหลโด่งดังที่สุด หนึ่งกระบี่ผ่าขุนเขาได้ หนึ่งกระบี่แยกมหาสมุทรได้ ฉวีเสวียนจื่อรักใคร่บุตรสาว แต่กลับพบว่าเพลงกระบี่ของสำนักเหิงหยางไม่เหมาะกับหลีซูซู ดังนั้นจึงให้นางมาเรียนรู้วิชาที่เกาะเซียนเผิงไหล
รถเซียนที่ลากโดยนกหลวนบรรทุกหลีซูซู ไม่ง่ายเลยกว่าจะเดินทางจากสำนักเหิงหยางมาถึงเผิงไหล หลีซูซูยังไม่ทันได้เข้าประตูเซียนของเผิงไหล ก็เห็นบุรุษในชุดขาวผู้หนึ่งยกมือขึ้น ทำท่าจะสังหารชายหนุ่มอีกคนที่หมอบอยู่บนพื้น
คนบนพื้นน่าสงสารโดยแท้ ทั่วร่างมีแต่เลือด ทั้งยังสวมชุดของศิษย์สำนักเผิงไหล ส่วนบุรุษในชุดขาวที่ยืนอยู่สีหน้าไม่สะทกสะท้าน กำลังจะลงมือถอนแก่นวิญญาณของเขาออกมา
หลีซูซูเห็นคนบนพื้นมีปราณเซียนบริสุทธิ์ ผู้ลงมือที่สีหน้าไร้อารมณ์กลับมีไอมารจางๆ วนเวียนอยู่ทั่วตัว
นางคิดในใจ ช่างเป็นผู้บำเพ็ญมารที่ขวัญกล้ายิ่งนัก ถึงขั้นกล้าทำร้ายศิษย์สำนักเผิงไหลที่หน้าประตูของเกาะเซียนเผิงไหล
ดวงตาของหลีซูซูเปล่งประกายเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา นางดีดนิ้วหนึ่งที จังหวะที่บุรุษในชุดขาวถอนแก่นวิญญาณ คนบนพื้นพลันกลายเป็นวิหคน้อยที่ส่งเสียงร้องจิ๊บๆ
บุรุษในชุดขาวชะงัก มองวิหคน้อยบนพื้นอย่างไม่พอใจ จากนั้นเงยหน้ามองมาที่รถเซียนของหลีซูซูอย่างเย็นชา
“อาวุธลับ!” หลีซูซูเขวี้ยงขนวิหคสีแดงหลายอันออกไป
บุรุษในชุดขาวได้ยินเสียงนางก็ตวัดกระบี่ฟันขนวิหคจนขาดสะบั้น