หลีซูซูเดาไม่ผิด เขากำลังขจัดไอมารในร่างกายอยู่จริงๆ เพราะการลอบโจมตีของหลีซูซูครั้งนั้น ทำให้สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนผีซ้ำด้ำพลอย
จังหวะที่เห็นเสือน้อย เดิมทีเขาคิดจะเอ่ยคำว่า ‘ไสหัวออกไป’ อย่างเย็นชา คิดไม่ถึงว่าเมื่อมองไปตรงหว่างคิ้วของมัน สีหน้าเขากลับแปลกไป
เห็นเพียงบนขนเสือกระจุกเล็กๆ ของมัน มีสีแดงดุจชาดงดงามแต้มอยู่จุดหนึ่ง
เขาหรี่ตาลง มองนางด้วยสายตาที่คาดเดาความนัยไม่ออก
หลีซูซูส่งสัญญาณให้เขามองสิ่งที่ตนเอามา ชังจิ่วหมินยกมือขึ้น เดิมทีหลีซูซูคิดว่าเขาจะหยิบขวดยา สุดท้ายเขากลับหิ้วหลังคอนางขึ้นมาอย่างเย็นชา
อุ้งเท้านุ่มนิ่มทั้งสี่ของเสือน้อยตะกุยไปมากลางอากาศ
ทำบ้าอะไรของเขา!
ชายหนุ่มมิได้มองขวดยาถอนพิษที่อยู่บนพื้น น้ำเสียงเจือแววขบขันน่ากลัว “เตาหลอมโอสถยังขาดตัวนำโอสถอยู่อย่างหนึ่ง เดิมทีคิดจะเลี้ยงเจ้าไว้อีกสองสามวัน ใครจะคิดว่าเจ้ากลับเอาตัวมาประเคนถึงที่เอง”
มืออีกข้างของเขาโบกวูบ ฝาเตาหลอมโอสถในตำหนักเปิดออก เขาหิ้วตัวหลีซูซู ทำท่าจะหย่อนลงในอัคคีแท้
เปลวเพลิงร้อนแรงเกือบจะเผาก้นน้อยๆ ของเจ้าเสือแล้ว นางเกาะเกี่ยวตัวอยู่บนนิ้วของเขา มองเขาด้วยแววตาอ้อนวอนน่าสงสาร
ชังจิ่วหมินเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของนาง ในที่สุดความขุ่นขึ้งในใจก็บรรเทาลงไปไม่น้อย หลังหัวเราะเสร็จ สีหน้าเขาเปี่ยมด้วยเจตนาร้าย จะปล่อยมือแล้วจริงๆ ถึงอย่างไร…ร่างเซียนก็ไม่ทำให้นางตายในทันทีทันใดหรอก
เขาปล่อยมือ ยังถือโอกาสนี้ปิดฝาเตาหลอมโอสถด้วย
ชังจิ่วหมินเดินกลับไปข้างตั่ง นั่งขัดสมาธิเข้าฌานต่อ
หนึ่งเค่อผ่านไป สองเค่อผ่านไป เนิ่นนานผ่านไป…
ในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้นอย่างอดมิได้พลางมุ่นคิ้วมองไปยังเตาหลอมโอสถ
แม้กระทั่งเสียงก็ไม่มี มิใช่ว่าตายไปแล้วจริงๆ กระมัง จะอย่างไรก็เป็นบุตรีของเจ้าสำนักเหิงหยาง เขาอบรมนาง สั่งสอนนาง รังเกียจนางล้วนไม่เป็นไร แต่หากเกิดเรื่องกับนาง เผิงไหลย่อมปัดความรับผิดชอบไม่ได้แน่
หลังลังเลอยู่นาน เขายกนิ้วสองนิ้วขึ้นมา ฝาเตาหลอมโอสถลอยขึ้น ตัวเตาหลอมโอสถเลื่อนเข้ามาหาเขา
เดิมทีเขาคิดจะหิ้วตัวคนข้างในออกมา แต่เมื่อมองไป ข้างในมีเพียงเสือที่ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ครานี้แม้จะเป็นชังจิ่วหมินที่นิ่งสงบสุขุม จิตใจลึกล้ำยากคาดเดาก็อดรู้สึกร้อนรนขึ้นมามิได้ เขาหยิบ ‘ก้อนถ่านขนาดเล็ก’ ออกมาจากกองเพลิงด้วยสีหน้าแข็งทื่อ
“ฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
มันไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย
โทสะสลายหายไปหมดแล้ว ความตื่นตระหนกกลบความขุ่นขึ้งจนสิ้น คิดถึงหญิงสาวในป่าซิ่งของเผิงไหลผู้มีคิ้วตาหมดจดงดงามผู้นั้นแล้ว ชังจิ่วหมินก็เม้มริมฝีปากแน่น
เขายกมือขึ้น จิ้มไปตรงหว่างคิ้วของก้อนถ่าน หมายจะถ่ายปราณเซียนเข้าไปลองดู
ชั่วเวลาต่อมา เสียงใสกังวานกลับดังขึ้นข้างหูเขา
“ท่านยกโทษให้ข้าแล้วหรือ”
เขาหันขวับกลับไปทันใด หญิงสาวผู้นั้นปรากฏตัวข้างกายเขาตั้งแต่เมื่อใดก็สุดรู้ ทั้งยังเอียงศีรษะ ใบหน้าแย้มยิ้มปานบุปผาขณะจ้องมองเขา
โดยไม่ทันตั้งตัว เขาปะทะกับนัยน์ตาดุจธารสารทงดงามของนาง
หญิงสาวถอยหลังสองก้าว สองมือประสานกัน วางตรงหน้าผากอย่างจริงใจและโน้มตัวกราบลงไป
“หลีซูซูขอขมาเซียนจวิน เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิด ถ้าเซียนจวินหายโกรธแล้ว โปรดอภัยให้ข้าด้วยเถอะ”
ชังจิ่วหมินเบนสายตาออกไป พลันเข้าใจว่านี่เป็นละครที่หญิงสาวซุกซนนิสัยเสียผู้นี้สร้างขึ้นมา เขาคิดว่าตนเองมองนางอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วเสียอีก ไม่คิดว่ารอยแต้มสีชาดจะเป็น ‘พิรุธ’ ที่นางจงใจแสดงออกมา
ความตั้งใจดั้งเดิมของนางคือทำให้เขาจดจำนางได้และแก้แค้นนางให้หนำใจ
ชังจิ่วหมินบีบนิ้วมือเข้าด้วยกันจนเกิดเสียงดังกร๊อบๆ ก้อนถ่านในฝ่ามือแหลกละเอียด
“หลีซูซู!” เจ้าร้ายกาจยิ่งนัก!