เจ๋อตวนเห็นว่าเรื่องของตนทำให้หลีเซียนจื่อเดือดร้อน ย่อมรู้สึกไม่สบายใจ จึงรีบเอ่ยว่า “เป็นความผิดของเจ๋อตวน ศิษย์จะกลับไปเตรียมตัวสำหรับการทดสอบเดี๋ยวนี้ขอรับ” กล่าวจบเขาก็คารวะชังจิ่วหมิน ไม่กล้าหันกลับมามองหลีซูซูอีกและจากไปอย่างร้อนรน
หลีซูซูเดินตามชังจิ่วหมินไป “ท่านโมโหอะไรของท่าน”
เขามองต้นซิ่งเต็มป่า แววตาเฉยชา ยังคงเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจนาง
หลีซูซูเอามือไพล่หลัง เดินตามเขา เลียนแบบท่าทางของเขา เอ่ยวิจารณ์อย่างเย็นชาว่า “ศิษย์สำนักเผิงไหลช่างโชคร้ายจริงๆ มีศิษย์พี่ใหญ่ที่ดุถึงเพียงนี้ ขอแนะให้ไปเรียนรู้จากศิษย์พี่ใหญ่ของข้าว่าสิ่งใดที่เรียกว่าวิญญูชนเถรตรงสุภาพ ย่อมเป็นที่เคารพรักของปวงชน”
ชังจิ่วหมินหยุดเดิน แค่นหัวเราะพลางหันมามองนาง “เหตุใดข้าจึงโมโหน่ะหรือ”
เขาสืบเท้าออกมาก้าวหนึ่ง หลีซูซูมองสบดวงตาสีดำที่กำลังบ่มเพาะลมพายุแล้ว ถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว นางรู้สึกประหม่าเล็กน้อยโดยไม่มีสาเหตุ
ชังจิ่วหมินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ๋อตวนเป็นลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของเผิงไหลตลอดร้อยปีมานี้ หลีเซียนจื่อตนเองไม่ฝึกฝนวิชา ก็อย่าได้ไปก่อกวนเขาเลย”
“ข้าไม่ได้ก่อกวนเขา” นางแหงนหน้าพูด “ท่านอย่ามาใส่ร้ายข้า”
เขามองดวงหน้างดงามดั่งผลท้อผลหลี่ที่สุกงอมของนาง ไม่เอ่ยอะไรอีกก็หันหลังจากไป
นับจากวันนั้นเป็นต้นมานางก็ไม่เห็นชังจิ่วหมินอีก
หลีซูซูคิดในใจ สารเลวนิสัยเสีย เริ่มสอนเคล็ดกระบี่ชิงหงให้ข้าแล้วมิใช่หรือ ไฉนเพิ่งจะเริ่มต้นก็ไม่สนใจข้าเสียแล้ว
หากไม่เพราะก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่สระล้างกระบี่ชังจิ่วหมินเคยพูดว่าจะรับมือกับไฉ่ซวงด้วยวิธีที่อาวุธมิต้องเปื้อนเลือด หลีซูซูยังคิดว่าเขาจงใจละเลยนางเพราะไฉ่ซวงน้องสาวบุญธรรมของเขา
หลายวันนี้ผลครามบนเกาะเซียนเผิงไหลสุกแล้ว ทุกวันตอนเช้าในที่พักของหลีซูซูจะมีผลครามสดใหม่ปรากฏอยู่หลายผล นางคิดว่าเป็นของที่เซียนจื่อน้อยในแดนเผิงไหลเตรียมไว้ให้นาง จึงมิได้ใส่ใจมากนัก
วันนี้การทดสอบของเผิงไหลจะตัดสินว่าใครเป็นผู้ชนะ นางใช้ปากคาบผลคราม วิ่งออกไปดูการประลองอย่างเบิกบาน
โลกบำเพ็ญเพียรยกย่องผู้มีความสามารถ เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ
ได้ยินว่าเจ๋อตวนผ่านการทดสอบอย่างราบรื่นมาโดยตลอด วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทดสอบ หลีซูซูจึงตัดสินใจไปดูสักหน่อย
พอนางปรากฏตัว เจ๋อตวนก็เห็นนางท่ามกลางกลุ่มคนทันที
ศิษย์สำนักเผิงไหลล้วนสวมชุดสีครามพลิ้วไหว เรือนผมสีดำครอบด้วยเกี้ยวหยก ศิษย์หญิงประดับผมด้วยปิ่นหยกแกะสลัก หลีซูซูมิใช่ศิษย์สำนักเผิงไหล นางสวมชุดสีแดง ประหนึ่งดอกท้อบนกิ่งที่ผลิบานในเดือนสาม เอวห้อยกระพรวนเงินงดงาม ต่างจากการแต่งกายของเผิงไหลโดยรวมอย่างสิ้นเชิง
เจ๋อตวนใบหน้าแดงเรื่อ พยักหน้าให้นางจากที่ไกลๆ
เดิมทีหลีซูซูไม่ได้มาดูเขาโดยเฉพาะ แต่พอเห็นเจ๋อตวนมีมารยาทเช่นนี้ นางจึงโบกมือตอบ ทำท่าให้กำลังใจเขา
สายตาเย็นเยียบเลื่อนมาที่นาง หลีซูซูเหลือบตามอง เห็นชังจิ่วหมินที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธาน
ไม่นานการประลองก็เริ่มต้นขึ้น เป็นเช่นที่ชังจิ่วหมินว่า เจ๋อตวนเป็นศิษย์ใหม่ที่โดดเด่นที่สุดของเผิงไหลในช่วงร้อยปีมานี้จริงๆ เขาเอาชนะผู้อาวุโสได้ไม่น้อย กระบี่เซียนทอประกายวับวาว
ผู้ชนะในตอนสุดท้ายก็คือเจ๋อตวน
ศิษย์สำนักเผิงไหลด้านข้างที่มีท่าทางตื่นเต้นพูดว่า “อย่างนี้ศิษย์พี่เจ๋อตวนมิใช่ต้องต่อสู้กับอาจารย์อาจิ่วหมินหรือ”
ผู้ชนะสามารถท้าทายเจ้ากระบี่คนก่อนได้ ชังจิ่วหมินเป็นเจ้ากระบี่มาร้อยปีแล้ว สิ่งที่ศิษย์สำนักเผิงไหลตั้งตารอมากที่สุดในการทดสอบครั้งนี้ก็คือภาพนี้
อาจารย์อาที่ไม่ยิ้มแย้ม นิสัยแปลกประหลาด ปะทะกับเจ๋อตวน จะต้องน่าตื่นตามากแน่ๆ
ก่อนหน้านี้ท่านเซียนหรงขุยถึงขั้นบอกว่าผู้ใดชนะลูกศิษย์เขาชังจิ่วหมินได้ แม้ว่าเขาจะไม่รับศิษย์อีกแล้ว แต่ก็จะถ่ายทอดเคล็ดกระบี่ชิงหงให้คนผู้นั้นทั้งหมด ทุกคนต่างรู้ว่าหรงขุยทำเช่นนี้เพื่อฝึกฝนลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของตน ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ร้อยปีที่ผ่านมาใครๆ ต่างก็อยากเอาชนะชังจิ่วหมิน
เคล็ดกระบี่ชิงหงน่าดึงดูดใจเพียงใด มิต้องกราบเขาเป็นอาจารย์ ก็สามารถเรียนรู้เพลงกระบี่ขั้นสูงสุดของหกพิภพได้อย่างนั้นหรือ
หลีซูซูครุ่นคิดในใจ บนลานประลองชังจิ่วหมินกับเจ๋อตวนประมือกันแล้ว
เจ๋อตวนโค้งคารวะ ชังจิ่วหมินไม่แสดงท่าทีใดๆ คนข้างล่างชินกับท่าทีไม่เห็นใครในสายตาของเขาแล้ว จึงไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์อะไร
ทว่าเจ๋อตวนออกกระบวนท่ากระบี่ไปหลายสิบท่าแล้ว กระบี่ของชังจิ่วหมินกลับเพียงป้องกัน มิได้ป้อนกระบวนท่าให้เขาเลย
“อาจารย์อาจิ่วหมินยังคงรักษาธรรมเนียมเดิม ต่อให้เจ๋อตวนก่อน…เอ๋?” ทุกครั้งเมื่อมีการทดสอบ เขาจะต่อให้ลูกศิษย์ห้าสิบกระบวนท่า วันนี้กลับต่อให้เจ๋อตวนถึงแปดสิบกระบวนท่า
กระบี่ของชังจิ่วหมินเหมือนตัวเขา เย็นชาลึกล้ำรับมือยาก ทั้งยังเรียบง่ายรุนแรง ยุติการต่อสู้อย่างรวดเร็ว
กระนั้นกระบวนท่ากระบี่ที่เขาใช้ในวันนี้กลับงดงามปราดเปรียว ตัวกระบี่คล้ายกำลังร่ายกลอน ปราณวิเศษสีขาวไหลวน แทบจะสร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคน
“อาจารย์อาจิ่วหมิน…” ศิษย์หญิงมองบุรุษบนลานประลอง อ้าปากเอ่ยวาจาตะกุกตะกัก ใบหน้าแดงเรื่อ
ไฉนนางจึงไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าบุคคลที่น่ากลัวและไม่น่าคบหาอย่างชังจิ่วหมินรูปงามถึงเพียงนี้