ไฉ่ซวงเห็นนางจากไปโดยไม่พูดอะไรต่อก็รีบเอ่ยว่า “เจ้าจะไม่ถามหน่อยหรือว่าพี่จิ่วหมินไปที่ใด”
หลีซูซูหันกลับมา ยิ้มมองนางพลางส่ายหน้า “ไม่ถาม เจ้าอย่าได้บอกเป็นอันขาด”
ไฉ่ซวงหน้าตึง ทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดนาง “เขาไปโลกมนุษย์ ไปเสาะหาน้ำตามนุษย์เงือก* ให้ข้า ในแดนมนุษย์หากแต่งงานล้วนมีธรรมเนียมการมอบสินสอด น้ำตามนุษย์เงือกเก้าสิบเก้าหยดสามารถทำให้คนอ่อนเยาว์ตลอดกาล ร่างกายแข็งแรงปลอดภัย”
หลีซูซูพูด “การคุยกับเจ้าช่างลำบากแท้ เอาอย่างนี้ เจ้ายังจะพูดอะไรอีก รีบพูดมาให้จบ”
ไฉ่ซวงทำท่าน่าสงสาร มองนางด้วยแววตาตำหนิ
หลีซูซูเอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วพลันเอ่ยว่า “เจ้ากลัวข้า?”
ไฉ่ซวงสีหน้าแข็งทื่อ
หลีซูซูยิ้มอย่างเข้าใจ “เจ้าจะกลัวข้าด้วยเหตุใด กลัวว่าข้าจะถีบเจ้าตกบ่อโยวปิงเหมือนครั้งก่อน หรือกลัวว่า…พี่จิ่วหมินของเจ้าจะชอบข้า”
ไฉ่ซวงปากสั่นระริก “เจ้าอย่าพูดเหลวไหล! หากเขาชอบเจ้าจริง ย่อมไม่รับปากประมุขตงอี้ว่าจะแต่งงานกับข้า”
“ที่แท้เดาไม่ผิด เป็นอย่างหลังนี่เอง” หลีซูซูลูบคาง เลียนแบบศิษย์พี่หญิงผู้หนึ่งในสำนักเหิงหยาง บิดเอวเดินนวยนาด ทำท่ายั่วยวนเหมือนสตรีที่ชั่วร้าย เดินเข้าไปใกล้ไฉ่ซวง
ไฉ่ซวงตกใจจนถอยหลังก้าวหนึ่ง “เจ้าจะทำอะไร”
หลีซูซูพูด “จะบอกเจ้าว่าหากไร้ความสามารถก็อย่ามาหาเรื่องผู้อื่น หาไม่แล้วเจ้าจะมีชะตากรรมเช่นนี้”
นางคลายมือ หินหยกชิ้นหนึ่งสลายเป็นผุยผงในฝ่ามือนาง
ไฉ่ซวงยังมิอาจดึงสติกลับมาจากความตื่นตกใจ หลีซูซูก็เดินจากไปไกลแล้ว
หลังเดินออกมาไกลแล้ว รอยยิ้มมุมปากของหลีซูซูหายไป นางเตะก้อนหินเล็กๆ บนทางปูหินจนกระเด็น
จุดหลิงไถอุ่นเล็กน้อย ในจุดที่นางมองไม่เห็น มรรคาไร้รักหมุนวนอย่างเงียบๆ นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองจึงไม่มีความสุข หรือว่าเป็นเพราะไฉ่ซวงจงใจหาเรื่องนาง เช่นนั้นไปแก้แค้นนางเสียก็จะหายใช่หรือไม่
ดอกซิ่งในแดนเผิงไหลไม่มีวันเหี่ยวเฉา ตกกลางคืนหลีซูซูเปิดกระบุงไม้ไผ่ คางคกฝูงหนึ่งเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ
“ไปขู่นางสักหน่อย”
คางคกแต่ละตัวหน้าตาดุดัน รับภารกิจแล้วกระโดดเข้าไปในตำหนักของไฉ่ซวง
ไม่นานเสียงกรีดร้องแหลมก็ดังมาจากข้างใน
มองผ่านหน้าต่าง หลีซูซูเห็นไฉ่ซวงตะโกนเสียงดังเหมือนคนบ้า ดูน่ากลัวกว่าคางคกบนพื้นมาก ไม่เหลือท่าทีอ่อนแอน่าสงสารเหมือนเมื่อตอนกลางวันสักนิด ในที่สุดหลีซูซูก็รู้สึกสบายใจขึ้น
นางปัดมือ เตรียมตัวจากไป
เงาคนสายหนึ่งมองนางอย่างเย็นชา
“ชังจิ่วหมิน?”
ผู้มายกมือขึ้น คางคกที่เสกขึ้นเหล่านั้นสลายกลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตา เขาพูดขึ้นว่า “เจ้าก็มีสิทธิ์แตะต้องนางอย่างนั้นรึ”
หลีซูซูอึ้งงันไป ยามที่นางกำลังจะเอ่ยคำพูด เขากลับลงมือกะทันหัน หลีซูซูถูกธงสามผืนที่โบกสะบัดล้อมไว้ มันหมุนวนอย่างรวดเร็ว แสงสีฟ้าพันธนาการนาง วิญญาณเทพของหลีซูซูเจ็บปวดและล้มลงกับพื้น
ธงผืนที่ควบคุมวิญญาณชีวิตเริ่มดูดกลืนจิตวิญญาณนาง
หลีซูซูมองผ่านธงสามผืน เห็นแววตาเย็นชาเจือไอสังหารของชังจิ่วหมิน
ถึงอย่างไรนางก็ยังอ่อนเยาว์ หลีซูซูอยากหนีออกไป แต่กลับไร้เรี่ยวแรงจะโต้ตอบ จวบจนรัศมีสีขาวตรงหว่างคิ้ววาบขึ้น ธงสามผืนขาดกระจุย นางกระอักเลือดคำหนึ่งออกมาและหมดสติไป
ภาพสุดท้ายก่อนสลบไปนางเหมือนจะได้ยินเสียงของเหยากวง “หลีซูซู!”
คนที่หน้าตาเหมือน ‘ชังจิ่วหมิน’ เดินจากไปไกล โฉมหน้าค่อยๆ เปลี่ยนแปลง กลายเป็นประมุขตงอี้!
ประมุขตงอี้สีหน้าย่ำแย่ “ถึงขั้นทิ้งของไว้ปกป้องนาง”
มารฝันมองลูกแก้วหลิวหลีตรงหน้าที่เกิดรอยร้าว ทำหน้าประหนึ่งบิดามารดาเสียก็มิปาน “ไข่มุกแปลงโฉมหมดพลังแล้ว ความฝันอันงดงามมิอาจประคองไว้ได้อีกต่อไป นับจากนี้ไปห้วงฝันจะปรุงแต่งด้วยตัวของมันเอง เขามีชะตาโดดเดี่ยวเดียวดาย ราชันมารฟื้นขึ้นมาแล้วคงไม่ฆ่าข้ากระมัง”