จันทราอัสดง
ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 4 บทที่ 105-106
อีกทางหนึ่ง ชังจิ่วหมินร่างกายเต็มไปด้วยแผลนับไม่ถ้วน โลกมนุษย์มีสายฝนตกลงมาอย่างหนัก
เขาหลับตา ข้างกายมีน้ำตามนุษย์เงือกเก้าสิบเก้าหยด ดุจดังไข่มุกเม็ดแล้วเม็ดเล่า
ระหว่างทางกลับแดนเผิงไหล ดวงตาเขาเจือรอยยิ้มน้อยๆ
ทว่าตามหาจนทั่วรอบหนึ่ง เซียนจื่อน้อยกลับบอกเขาว่า “หลายวันก่อนหลีเซียนจื่อออกไปข้างนอกและไม่ได้กลับมาอีกเลย”
รอยยิ้มในดวงตาเขาจางไป ลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นในใจ
ประมุขตงอี้มองน้ำตามนุษย์เงือกกล่องใหญ่ที่เปล่งประกายเจิดจรัส หยิบเม็ดหนึ่งขึ้นมา “เจ้าหามาได้จริงๆ น่าเสียดาย ยายหนูผู้นั้นออกจากแดนเผิงไหลไปแล้ว”
ชังจิ่วหมินหน้าบึ้งตึง “ท่านมิใช่รับปากข้าว่า…”
“ใช่ ข้ารับปากเจ้า หากเจ้าเสาะหาน้ำตามนุษย์เงือกจากเผ่าเงือกที่สูญพันธุ์ไปแล้วได้ครบเก้าสิบเก้าเม็ด ข้าจะส่งไฉ่ซวงกลับโลกมนุษย์ ให้นางเป็นมนุษย์ธรรมดาและไม่สนใจนางอีก”
เขาโยนน้ำตามนุษย์เงือกกลับลงในกล่อง “จากนั้นไปสำนักเหิงหยาง สู่ขอบุตรีของฉวีเสวียนจื่อให้กับเจ้า น่าเสียดาย หมินเอ๋อร์ นางไม่เชื่อใจเจ้า คิดว่าเจ้าจะแต่งไฉ่ซวง จึงกลับสำนักเหิงหยางไปพร้อมกับเหยากวงแล้ว”
ชังจิ่วหมินแค่นยิ้มหยัน รอยแผลเล็กๆ บนใบหน้าทำให้เขาดูขาวซีดเย็นชากว่าเดิม
“คำพูดของท่านข้าไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว นางไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ข้าจะไปพูดเอง!” กล่าวจบเขาก็บังคับกระบี่เหาะไปสำนักเหิงหยาง
“หยุดนะ!” ประมุขตงอี้ที่อยู่ข้างหลังเอ่ยปากอย่างเดือดดาล “เจ้าคนอกตัญญู เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตอนเจ้าอายุร้อยปีคนในเผ่าทำนายดวงชะตาเจ้าไว้อย่างไร! หากไม่ผ่านด่านเคราะห์ ร่างจะสลายกลายเป็นเถ้าธุลี บิดาส่งเจ้ามาแดนเผิงไหลก็หวังให้เจ้าผ่านด่านเคราะห์นี้ไปให้ได้ แล้วดูซิว่าเจ้าทำอะไร!”
ประมุขตงอี้เขวี้ยงหยกชิ้นหนึ่งออกมา
“กิเลสก่อให้เกิดมารในใจ เจ้าในตอนนี้แม้แต่ไอมารยังมิอาจขจัดได้ นางจะทำให้เจ้าตาย!”
เมื่อชังจิ่วหมินเห็นหยกชิ้นนั้น ก็รู้ว่าประมุขตงอี้รู้ทุกอย่างแล้ว
เขาหยิบหยกที่มีไอมารแฝงอยู่ขึ้นมา ดวงตาดำสนิทมองไปยังประมุขตงอี้ “มีชีวิตอยู่แล้วอย่างไร สลายกลายเป็นเถ้าธุลีแล้วอย่างไร นับแต่นี้ไปท่านถือว่าข้าตายไปแล้วเถอะ” กล่าวจบ ชังจิ่วหมินซัดพลังเซียนออกไป พลังขุมนั้นตกลงบนตัวของคนที่แอบฟังอยู่นอกตำหนัก
ไฉ่ซวงกระอักเลือดคำหนึ่ง พลังที่ประมุขตงอี้ถ่ายให้นางถูกทำลายสิ้นด้วยฝ่ามือนี้ รูปโฉมของนางเริ่มแก่ชรา ไฉ่ซวงรู้สึกว่าพลังชีวิตกำลังไหลออกไป “ท่านพ่อบุญธรรมช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย…”
ประมุขตงอี้ที่ในอดีตรักและเอ็นดูนางมีสีหน้าผิดหวังอย่างยิ่ง
“ไฉ่ซวง เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้” อวดเก่งคิดว่าตนฉลาด พัวพันกับเว่ยสวินไม่เลิก ทั้งยังชั่วร้ายมากขึ้นทุกที ให้เจ้าบ่มเพาะความรู้สึกกับจิ่วหมินตั้งแต่เล็ก เจ้ากลับมิอาจครอบครองพื้นที่ในใจเขาได้ก่อนที่เขาจะเกิดมารในใจ ก่อนที่เขาจะพบด่านเคราะห์แห่งความรัก
หากมีวิธีแม้เพียงเล็กน้อยที่จะช่วยชังจิ่วหมินได้ เขาคงไม่ถึงขั้นต้องลงมือสร้างกรรมด้วยตนเอง ไปสังหารบุตรสาวของเจ้าสำนักเหิงหยางผู้นั้น
ประมุขตงอี้ถอนหายใจ โบกมือรักษาชีวิตของไฉ่ซวงไว้และส่งนางกลับแดนมนุษย์ สถานที่ที่นางควรอยู่
ข้าหวังเพียงเจ้าจะสามารถยอมรับความแตกต่างนี้ได้ จากเซียนจื่อกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาที่แก่ชราใกล้ตาย
เหยากวงเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “หลีซูซูเป็นอย่างไรบ้าง”
ฉวีเสวียนจื่อส่ายหน้า สีหน้าหนักอึ้ง
เหยากวงใกล้จะหลั่งน้ำตาเต็มที “เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ไม่ได้ดูแลศิษย์น้องหญิงให้ดี”
ฉวีเสวียนจื่อตบไหล่นาง “มิใช่ความผิดเจ้า คนที่ทำร้ายหลีซูซูมิอาจดูแคลนได้”
แม้เป็นฉวีเสวียนจื่อก็ไม่กล้ารับรองว่าพลังตบะของตนจะสูงกว่าอีกฝ่าย คนผู้นั้นตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเอาชีวิตของหลีซูซู หลีซูซูรอดมาได้นับว่าโชคดีมาก
สำนักเหิงหยางใช้อาคมหวนคืน ย้อนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลีซูซูอีกครั้ง
เหยากวงเดือดดาล “ชังจิ่วหมิน! เหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้!”
“ธงสามวิญญาณ มิใช่ชังจิ่วหมิน” ฉวีเสวียนจื่อเห็นภาพนี้แล้ว ในใจรู้ว่าเป็นใคร แม้มิใช่ชังจิ่วหมิน แต่ก็เป็นผู้มีพลังแข็งแกร่งของแดนตงซู่
“เจ้าสำนัก” มีคนเข้ามารายงาน “ศิษย์สำนักเผิงไหลชังจิ่วหมินมาขอพบอวี้หลิงเซียนจื่อขอรับ”
คนบนเตียงขนตาไหวระริก ฉวีเสวียนจื่อลอบทอดถอนใจ ประคองหลีซูซูขึ้นมา “เอาอย่างไร เจ้าอยากพบเขาหรือไม่”
หลีซูซูลืมตา ริมฝีปากขาวซีด นางส่ายหน้าเอ่ย “บอกให้เขากลับไปเถอะ ตอนนี้ข้าไม่อยากพบใครทั้งนั้น”
ฉวีเสวียนจื่อตอบ “ได้”
หิมะบนบรรพตฉางเจ๋อโปรยปราย
หลีซูซูบางครั้งหลับลึก บางครั้งได้สติ เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมา วิหคศักดิ์สิทธิ์กระโดดอยู่ตรงหน้าต่าง เหยากวงมาเยี่ยมนาง
เหยากวงมีสีหน้าละล้าละลัง เหมือนจะพูดอะไรแต่ไม่พูดเสียที
“มีอะไรหรือ” หลีซูซูเอ่ยถาม
เหยากวงตอบนาง “ไม่มีอะไร”
“ศิษย์พี่หญิง ท่านเก็บไม่อยู่ก็พูดออกมาเถอะ”
เหยากวงยิ้มเก้อ พูดอย่างอึกอักว่า “วิญญาณชีวิตของเจ้าได้รับความเสียหาย หากไม่ซ่อมแซมวิญญาณชีวิต อายุขัยจะได้รับผลกระทบ พลังตบะก็ยากจะพัฒนาต่อไปได้”
หลีซูซูไม่แปลกใจ นางรับคำเบาๆ ว่า “อืม” มิได้เศร้าโศกและมิได้ตกใจ
เหยากวงมองนาง “แต่มีวิธีหนึ่งสามารถช่วยเจ้าได้”
“วิธีใดหรือ”
“ก็คือ…โอ๊ย ก็เรื่องนั้นอย่างไรเล่า!” เหยากวงหน้าแดงเรื่อ “โลกนี้แบ่งเป็นหยินหยาง สอดประสานร่วมบำเพ็ญคู่ เรื่องทำนองนี้น่ะ” นางพูดอย่างคลุมเครือ เห็นได้ชัดว่าเรื่องเช่นนี้ยังบ้าระห่ำกว่าการบำเพ็ญคู่เสียอีก
หลีซูซูคาดเดาได้รางๆ
สมัยก่อนผู้บำเพ็ญวิชานอกรีตของสำนักเหอฮวนมีการเอาหยินไปเสริมหยาง ใช้สตรีเป็นกระถางยาเพื่อบำรุงร่างกาย เพิ่มพลังตบะของตนเอง แต่วิธีที่เหยากวงพูดถึง เห็นได้ชัดว่า…คือการทำตรงกันข้าม หากระถางยามาให้หลีซูซู
เหยากวงพูดเสียงค่อย “ช่วงนี้ฝูหยาดูแลเจ้าอยู่ตลอด เจ้าสำนักคิดว่าทำให้เจ้าหายดีโดยเร็วเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”
นางยังไม่ทันจะพูดต่อ หลีซูซูก็ส่ายหน้า “ข้าไม่เห็นด้วย”
เหยากวงอ้าปากพลางถอนหายใจ
หิมะนอกหน้าต่างทำให้วิหคศักดิ์สิทธิ์ตกใจบินหนีไป ยังมีอีกเรื่องที่เหยากวงไม่ได้บอกหลีซูซู นอกสำนักเซียน ศิษย์สำนักเผิงไหลผู้นั้นยังมิได้จากไปเลย
ทุกคนในสำนักเหิงหยางต่างรู้ว่าพวกเขาแดนตงซู่ทำร้ายหลีซูซู จึงหาสารพัดวิธีไปกลั่นแกล้งเขาทุกวัน ร่างกายเขาเต็มไปด้วยบาดแผล ไม่ตอบโต้และไม่จากไปไหน
ดูไปก็น่าสงสารมากทีเดียว
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 26 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.