วันต่อมาหลีซูซูเปลี่ยนมาสวมชุดวิวาห์ ทั่วทั้งสำนักเหิงหยางถูกประดับตกแต่งจนดูชื่นมื่นมงคล
กวางเซียนเก้าตัวมารออยู่ที่บรรพตฉางเจ๋อตั้งแต่เช้า
ตอนหลีซูซูถูกประคองขึ้นรถเซียน สีหน้านางเหม่อลอยชั่วขณะ
เมฆมงคลลอยผ่านข้างกายไป รถเซียนเหาะจากท้องฟ้าเหนือบรรพตฉางเจ๋อไปยังตำหนักใหญ่ของสำนักเหิงหยางอย่างช้าๆ
นางเห็นคนผู้หนึ่งยืนรอนางอยู่ตรงนั้น เป็นเยวี่ยฝูหยา
เขาเงยหน้า สายตาจับจ้องนางแน่วนิ่ง
ชั่วขณะนั้นหลีซูซูรู้สึกเหมือนว่าเขารอนางอยู่ตรงนี้มานานมากแล้ว
จังหวะที่เห็นนาง ดวงตาสีดำของเขามีรอยยิ้มกระเพื่อม พาให้หลีซูซูรู้สึกเร่าร้อนอย่างบอกไม่ถูก
เยวี่ยฝูหยาเข้ามารับนาง ชั่วขณะหนึ่งที่นิ้วมือของทั้งสองสัมผัสกัน หลีซูซูบังเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดในใจ…มือของชายหนุ่มเย็นเฉียบ
เคล็ดกระบี่ที่เยวี่ยฝูหยาฝึกฝนแข็งกร้าวและบริสุทธิ์ยิ่ง อุณหภูมิร่างกายของเขาจะเย็นถึงเพียงนี้เชียวหรือ
กระนั้นใบหน้าตรงหน้ากลับเป็นเยวี่ยฝูหยาจริงๆ
หลีซูซูบอกตนเองว่าอย่าคิดฟุ้งซ่าน ฉวีเสวียนจื่อก็อยู่ที่นี่ พิธีร่วมบำเพ็ญคู่จะเกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด
วิญญาณชีวิตของนางได้รับความเสียหายทำให้ร่างกายอ่อนแอ ฝีเท้าหยุดชะงักเล็กน้อย ทำให้เขาหยุดตาม เอ่ยเบาๆ ว่า “ระวัง”
เขาจูงมือนาง พลังวิเศษอ่อนโยนถูกถ่ายมาให้ไม่สิ้นสุด หลีซูซูพลันรู้สึกเบาสบายขึ้น
ตลอดพิธีการ หลีซูซูรู้สึกว่าความคิดของตนเองล่องลอย แต่คนข้างกายกลับขึงขังจริงจังมาก
จวบจนนิ้วมือเขาแตะลงตรงหว่างคิ้วตน เลือดหัวใจหยดลงมาในห้วงรับรู้ นางจึงเหลือบตามองเขาอย่างเหม่อลอย เขาลูบพวงแก้มนางแผ่วเบา ก้มศีรษะลง จับมือนางมาวางตรงหว่างคิ้วเขา
“หลีซูซู” เขาเอ่ยเสียงแหบ “ตาเจ้าแล้ว”
นางขบริมฝีปาก เห็นผู้คนรอบด้านกำลังมองตนอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงหยดเลือดหัวใจของตนเองลงในห้วงรับรู้ของเขาอย่างเชื่องช้า
การหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวในห้วงรับรู้ สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรแล้วให้ความรู้สึกใกล้ชิดยิ่งกว่าการสัมผัสทางร่างกายหลายเท่า
ชั่วขณะที่ห้วงรับรู้ของทั้งสองคนเชื่อมโยงกัน ความรู้สึกประหลาดเอ่อท้นขึ้นมา นางลนลานถอยหลังก้าวหนึ่ง แตะกลางหน้าผากของตนเอง พวงแก้มแดงซ่านอย่างห้ามไม่อยู่
ท่าทางเขินอายกระวนกระวายของนาง ทำให้รอยยิ้มของคนข้างกายเข้มยิ่งขึ้น
หลีซูซูไม่รู้ว่าตนเองอดทนจนพิธีการเสร็จสิ้นได้อย่างไร
นับแต่โบราณมา พิธีแต่งงานเป็นคู่บำเพ็ญยังถูกเรียกว่าพิธีรวมวิญญาณด้วย ชั่วขณะที่เลือดหัวใจของตนสัมผัสกับห้วงรับรู้ของอีกฝ่าย จะสามารถสัมผัสถึงความรักที่อีกฝ่ายมีต่อตนได้
หลีซูซูรู้สึกว่าเลือดหัวใจของตนเหมือนปลาตัวเล็กจ้อยที่กระโจนลงสู่ห้วงสมุทรกว้างใหญ่น่ากลัวในแดนนรกโดยไม่ทันตั้งตัว ความรักที่สัมผัสได้อย่างเลือนราง ทำให้นางตกใจและทำอะไรไม่ถูก
เยวี่ยฝูหยา…ทำเพื่อช่วยตนมิใช่หรือ หากบอกว่ามีความชอบอยู่เล็กน้อย หลีซูซูเชื่อ ทว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ความรักของเขาแปรเปลี่ยนเป็นแดนนรกเวิ้งว้างที่ตามติดพัวพันจนวันตาย
หลีซูซูมิได้สังเกตว่าตอนชายหนุ่มข้างกายหดมือกลับไป แววตาเจือความหม่นหมองอึมครึมเล็กน้อย
แน่นอนว่าเขาก็สัมผัสถึงความรักของหลีซูซูได้เช่นกัน
ในห้วงรับรู้มีเพียงความว่างเปล่า ขาวโพลน…ไม่มีอะไรเลย
ท่าทางชะงักงันและความเย็นชาของเขาคงอยู่เพียงชั่วขณะ ก่อนที่รอยยิ้มบริสุทธิ์จะฉายขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง
หลีซูซูกลับมาที่ตำหนักเซียน เดิมทีนางควรจะขบคิดว่าต้องอยู่ร่วมกับเยวี่ยฝูหยาอย่างไร แต่พอถึงเตียง นางก็หลับไปทันที บัดนี้วิญญาณชีวิตไม่สมบูรณ์ นางอดทนมาได้จนถึงตอนนี้นับว่าไม่ง่ายแล้ว
นางหลับไปได้ไม่นาน ชายหนุ่มในชุดวิวาห์สีแดงก็เข้ามา มีคนย่อกายคารวะด้วยท่าทางตื่นลน “เซียนจวิน เซียนจื่อหลับไปแล้วเจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มมิได้แสดงความไม่พอใจ เพียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าออกไปเถอะ ข้าจะดูแลนางเอง”
เขาเดินอ้อมฉากบังลมปักลายกระเรียนเซียน มองดวงหน้าโสภาที่หลับสนิท
สีหน้าอ่อนโยนของเขาหายไป แววตาเย็นเยียบดุจดังน้ำนิ่งในบ่อลึกที่มองไม่เห็นก้น เขาซุกหน้ากับซอกคอนาง คล้ายงูพิษที่แลบลิ้นอย่างเย็นชาและพัวพันนางไว้
ทว่าสุดท้าย แม้สีหน้าของเขาจะดุดันน่ากลัว แต่กลับมีเพียงจุมพิตแผ่วเบาประทับลงบนพวงแก้มนาง