หลีซูซูนอนหลับครั้งนี้กินเวลาหลายวัน
นางลืมตาลุกขึ้นนั่งบนเตียง ก้มมองเสื้อผ้าของตนเอง ถูกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว
ชุดวิวาห์สีแดงสดกลายเป็นชุดกระโปรงไหมสวรรค์สีม่วงอ่อน ชายกระโปรงแผ่ออกไป เจือประกายระยิบระยับ เอวแบบบางของนางมีเชือกถักประณีตห้อยอยู่ การแต่งกายเช่นนี้งดงามพิถีพิถันยิ่งกว่าการแต่งกายของตนสมัยก่อน
หลีซูซูเล่นเชือกถักพลางเดินออกไปข้างนอก นางไม่เห็นเยวี่ยฝูหยา จึงถามศิษย์ที่กวาดพื้นอยู่ในตำหนัก “เซียนจวินเล่า”
ลูกศิษย์ตอบว่า “ท่านตื่นแล้วหรือขอรับ! เซียนจวินอยู่ที่เขาด้านหลัง เขากำชับว่าถ้าท่านตื่นขึ้นมาเมื่อไร ให้ดื่มของสิ่งนี้”
ในมือหลีซูซูมีขวดที่ทำจากหยกเพิ่มมาหนึ่งใบ
นางเปิดออก กลิ่นหอมอ่อนจางลอยออกมา เป็นน้ำค้างจุ้ยหยาง ของสิ่งนี้ว่ากันว่ามีเฉพาะในเผ่าวาฬกลืนนภาในทะเลทักษิณเท่านั้น ช่วยบำรุงวิญญาณ แต่เผ่าวาฬกลืนนภาดุร้ายใจแคบเป็นที่สุด เยวี่ยฝูหยาไปเอาของสิ่งนี้มาได้อย่างไร
หลีซูซูมาที่เขาด้านหลัง ได้กลิ่นคาวโลหิตจางๆ พอสูดดมอีกทีก็ดูเหมือนจะหายไปเสียแล้ว
เยวี่ยฝูหยาเดินออกมาจากในป่า อุ้มกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง เมื่อเห็นนางแล้วเขาชะงักไป ก่อนจะยิ้มทักทาย “หลีซูซู”
หลีซูซูลูบกระต่ายน้อย “สิ่งนี้ให้ข้าหรือ”
“อืม เวลาที่ข้าไปปราบมาร มันสามารถอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้” เขาลูบผมนาง พยายามปรับน้ำเสียงแข็งกระด้างในอดีตให้อ่อนโยน “ไฉนจึงออกมาเล่า”
“ข้ามาหาเจ้า” หลีซูซูขยี้ตาอย่างง่วงงุน “ฝูหยา เจ้าไปทะเลทักษิณต่อสู้กับวาฬกลืนนภามาหรือ”
“มิได้ไป” เขาตอบนาง “ข้าจะไปก่อเรื่องที่ทะเลทักษิณได้อย่างไร น้ำค้างจุ้ยหยางเป็นสิ่งที่ได้มาโดยบังเอิญตอนฝึกวิชาข้างนอกในอดีต ข้างนอกอากาศเย็น ตอนนี้ร่างเซียนของเจ้ายังไม่แข็งแรงดี จะทำให้ไม่สบายได้ ข้าพาเจ้ากลับไปดีกว่า”
หลีซูซูมองดูเขาครู่หนึ่ง ยื่นมือออกไปพลางยิ้มพูด “แบกข้าหน่อย”
เขาโค้งริมฝีปาก คราวนี้ดูเป็นธรรมชาติขึ้นมาก รอยยิ้มแผ่ออกไปในก้นบึ้งดวงตาชั้นแล้วชั้นเล่า เขาย่อตัวลงตรงหน้าหลีซูซู
หลีซูซูเกาะหลังเขา เมื่ออยู่ใกล้กันถึงเพียงนี้ นางสูดดมข้างลำคอเขาอย่างแนบเนียน
กลิ่นคาวเลือดเจือกลิ่นหอมสดชื่นของต้นสน…คล้ายมีคล้ายไม่มี
เขากำลังโกหก เขามิเพียงไปทะเลทักษิณ ยังฆ่าวาฬกลืนนภาไปมิใช่น้อย ถึงรวบรวมน้ำค้างจุ้ยหยางขวดนั้นมาได้ ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บ จึงหลบมาอยู่ที่เขาด้านหลัง มิได้กลับตำหนักเซียนในทันที
หัวใจของหลีซูซูเกิดระลอกคลื่นประหลาด ทำให้นางรู้สึกปวดใจเล็กน้อย นางเหม่อมองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม ผ่านไปครู่ใหญ่มือจึงทาบลงบนใบหน้าเขาเบาๆ
ฝีเท้าของเขาพลันชะงัก หันหน้ามามองนาง
นางยังไม่ทันหดมือกลับไป ก็ประสานสายตากับเขาจังๆ
“เจ้าทำอะไร” เขาเอ่ยถามเสียงแหบ
หลีซูซูก็ไม่รู้เหมือนกัน นางอยากทำเช่นนี้ จึงทำเช่นนี้ ท่าทีของเขาซ้อนทับกับคนที่เดินออกมาจากป่าซิ่งบนเกาะเซียนเผิงไหลอย่างเลือนราง
นางจะตั้งใจมองให้ดี เขากลับก้มหน้าลง น้ำเสียงเจือแววหัวเราะ “ต่อให้เจ้าอยาก…ก็ต้องกลับตำหนักก่อนค่อยว่ากัน”
หลีซูซูเข้าใจความหมายของเขา จึงโต้แย้งอย่างขัดเขินปนโมโห “เหลวไหล!”
จวบจนเขาวางตนลงบนเตียง
หลีซูซูกุมมือเขา พูดอย่างจริงจังว่า “ข้าพูดจริงๆ นะ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย ข้าไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเจ้า เจ้าทำเพื่อข้าเช่นนี้…จะทำลายพลังตบะของเจ้าได้”
เขาย่อตัวลง จ้องตานาง กุมมือนางและเอ่ย “ข้าเต็มใจ”
หลีซูซูส่ายหน้า นางจ้องมือตนเองที่ถูกเขารวบกุมไว้ “ฝูหยา เจ้ายังจำกล่องไม้ที่ข้ามอบให้เจ้าในปีที่เจ้ากราบอาจารย์ได้หรือไม่ ข้าอยากเห็นมัน”
ชายหนุ่มร่างกายแข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ตอนอาจารย์ให้ข้าไปทำภารกิจ ข้าทำมันหล่นหาย ขออภัยด้วย”
หลีซูซูช้อนตาขึ้นมองเขาครู่ใหญ่ ขณะที่เขากำลังจะรักษาหน้ากากของความอ่อนโยนไว้ไม่อยู่ นางพลันเอ่ยปาก “ไม่เป็นไร มิใช่ของสำคัญอันใด หายไปแล้วก็ช่างเถิด”
“ต่อไปของทุกอย่างที่เจ้ามอบให้ ข้าจะไม่มีทางทำหายอีก” เขาพูดเสียงค่อย
หลีซูซูส่งเสียงอืม วางคางบนไหล่เขา “ฝูหยา ร่างกายเจ้า…มีกลิ่นหอมอะไรหรือ ข้าไม่เคยได้กลิ่นเช่นนี้จากตัวเจ้ามาก่อน”
เขาตอบเสียงเรียบ “ไปเขาด้านหลังแล้วไม่ระวังเลยติดมาน่ะ”
หลีซูซูคิดในใจ สุขุมทีเดียวนี่ ชังจิ่วหมิน
โคมวิญญาณของเยวี่ยฝูหยายังไม่มอดดับ แสดงให้เห็นว่าเยวี่ยฝูหยาตัวจริงมิได้เกิดเรื่อง เขาน่าจะถูกชังจิ่วหมินกักขังไว้
เดิมทีหลีซูซูอยากจะรอดูว่าชังจิ่วหมินจะเผยพิรุธเมื่อไร แต่นางคิดไม่ถึงว่าชังจิ่วหมินจะพยายามเลียนแบบเยวี่ยฝูหยาอยู่จริงๆ ความเคยชินในชีวิตประจำวันของเยวี่ยฝูหยา น้ำเสียงเวลาพูดจา การไปปฏิบัติภารกิจของสำนัก หรือแม้แต่วิชากระบี่ของเหิงหยาง เขามองปราดเดียวล้วนลอกเลียนแบบได้
มีครั้งหนึ่งหลีซูซูเห็นเขาที่หน้าประตูตำหนัก กำลังหลุบตาพูดคุยกับลูกศิษย์ในสำนักอย่างสุภาพ
นางรู้ว่าชังจิ่วหมินดูแคลนการทำเช่นนี้
แต่บัดนี้เขายินดีเป็นเงาของคนอีกคน เลียนแบบคนอีกคน ทุกวันตอนเช้าและพลบค่ำเขาจะจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้นางอย่างเอาใจใส่
นางคิดถึงความรักร้อนแรงในห้วงรับรู้ของเขาแล้วเหม่อลอยเล็กน้อย
จนกระทั่งตอนที่เขาหันกลับมา หลีซูซูก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตนคิดอะไรอยู่ จึงฉีกยิ้มให้เขาโดยไม่รู้ตัว
พริบตาถัดมานางเห็นดวงตาดำมืดคู่นั้นเปล่งประกาย คล้ายดวงดาวที่ทอแสง