บทที่ 108
การเล่นละครของชังจิ่วหมินครั้งนี้ ท่าทางเหมือนจะเล่นไปจนชั่วฟ้าดินสลาย
หลีซูซูยังมิได้ร่วมบำเพ็ญคู่กับเขาชั่วคราว ชังจิ่วหมินคิดอะไรได้ กลับอดมิได้ที่จะโค้งริมฝีปาก
นางมีความตะขิดตะขวงใจ นี่แสดงให้เห็นว่าในใจนางมิได้มีเยวี่ยฝูหยาอยู่ใช่หรือไม่
หลีซูซูรออยู่อีกหลายวัน เห็นเขายิ่งเล่นละครยิ่งสมจริง ตอนนี้ศิษย์สำนักเหิงหยางเห็นเขาเป็นศิษย์เอกที่น่าเคารพนับถือแล้วจริงๆ
หมาป่าที่มีอุบายชั่วร้ายแฝงตัวเข้ามาในฝูงแกะ แต่กลับต้องข่มสัญชาตญาณดั้งเดิม แสร้งทำตัวบริสุทธิ์เถรตรง
หลีซูซูมีใจอยากจะกลั่นแกล้งเขา ในเมื่อเจ้าอยากเล่นละคร เช่นนั้นก็ได้ ต้องอดทนให้ได้ล่ะ
ตอนกลางวันนางสั่งให้เซียนรับใช้ยกกระถางหญ้าเซียงหลัน* เข้ามา ตกกลางคืนชังจิ่วหมินกลับมา มองปราดเดียวก็เห็นในห้องมีหญ้าเซียงหลันเพิ่มมาสองกระถาง
หลีซูซูยืนอยู่ด้านข้าง รดน้ำให้พวกมัน วันนี้สีหน้านางดูไม่เลว ดูสดชื่นกว่าที่ผ่านมาไม่น้อย
เขามองดูครู่หนึ่ง ดวงตาเจือแววอ่อนโยนหลายส่วน โอบกอดนางจากข้างหลัง “วันนี้ไฉนจึงมีเรี่ยวแรงมาทำเรื่องพวกนี้เล่า”
นับตั้งแต่ทั้งสองคนแต่งงานเป็นคู่บำเพ็ญ น้อยครั้งที่จะมีช่วงเวลาที่ได้ใกล้ชิดกันเช่นนี้
ชังจิ่วหมินระมัดระวังตัวมาก เยวี่ยฝูหยานิสัยค่อนข้างทึ่มทื่อเก็บตัว ไม่มีทางเป็นฝ่ายเข้าหานางมากเกินไป ดังนั้นต่อให้เขากอดนาง ก็มิกล้ากอดแน่นจนเกินไป
หลีซูซูลอบยิ้ม รู้ว่าการที่เขาจะรักษาความเหมาะสมและมารยาทเอาไว้เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลย นางพูดขึ้น “ข้าเห็นว่าในตำหนักเซียนไม่มีสีสันอะไร จึงให้เซียนรับใช้หาต้นไม้ใบหญ้ามาเพิ่มสองสามกระถาง”
ริมฝีปากของชังจิ่วหมินไล้ผ่านลำคอนางอย่างผิวๆ สุ้มเสียงแหบพร่า “หากเจ้ารู้สึกว่าตำหนักเซียนน่าเบื่อ พรุ่งนี้พวกเรากลับฉางเจ๋อกัน”
“ไม่ต้องหรอก ฉางเจ๋อเงียบเหงาเกินไป ตำหนักเซียนดีทีเดียว”
“ตอนนี้ง่วงหรือยัง” เขาเอ่ยถาม สายตาจับอยู่ที่ลำคอขาวเนียนของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจือแววหยั่งเชิง “แต่งงานมาหลายวันแล้ว วิญญาณชีวิตของเจ้ายังไม่ได้รับการซ่อมแซมสักที”
การซ่อมแซมวิญญาณชีวิตต้องบำเพ็ญคู่ในตอนที่นางมีสติ
เรื่องนี้บอกไม่ถูกว่าใครเป็นฝ่ายได้เปรียบ สถานการณ์ของหลีซูซูตอนนี้ทำได้เพียงให้ชังจิ่วหมินถ่ายพลังให้นางเท่านั้น พลังตบะของเขาไม่มีทางก้าวหน้า มีแต่จะถดถอย
หลีซูซูหมุนตัวในอ้อมกอดเขา เขาเกือบเปลี่ยนสีหน้าแทบไม่ทัน สีหน้าชะงักค้าง ก่อนจะมองนางด้วยท่าทีขัดเขิน แววตากระจ่างใส คล้ายไม่มีความคิดชั่วร้ายแม้แต่น้อย
หลีซูซูคิดในใจ เจ้าอยากให้ข้าตอบตกลงหรือว่าปฏิเสธกันนะ
นางกลั้นยิ้ม คิดถึงละครฉากเด็ดที่กำลังจะเกิดขึ้น นางจึงให้ความร่วมมือกับเขา มองเขาหน้าแดงและพยักหน้าเบาๆ
สีหน้าของชังจิ่วหมินเย็นชาไปชั่วขณะ มือรวบเข้าด้วยกันแน่นทันใด
หลีซูซูเห็นสีหน้าเขาก็เดาได้ว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ ไม่พ้นคิดว่าตนยินดีบำเพ็ญคู่กับเยวี่ยฝูหยา
นางพอจะเข้าใจแล้ว หากในหัวของคนผู้นี้มีแต่เรื่องต่ำช้า เขาต้องไม่โกรธแน่นอน ยังจะแอบดีใจด้วยซ้ำ
แต่เมื่อตนพยักหน้า เขากลับโมโห ชั่วขณะหนึ่งที่เขาแทบลืมไปว่าตนเองสวมบทเป็นเยวี่ยฝูหยาอยู่ เกือบจะฉีกหน้ากากออก มือบีบแน่นจนนางรู้สึกเจ็บเอว
หลีซูซูแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว มองเขาด้วยความฉงน “ฝูหยา?”
โทสะถูกเขากดข่มลงไป เขาพูดว่า “ขออภัย”
หลีซูซูสาบานได้ว่านางได้ยินเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจากน้ำเสียงของเขา ทั้งที่ไฟโทสะจะกลบสติสัมปชัญญะอยู่แล้ว ยังต้องแสร้งทำเป็นสุขุมเยือกเย็น
ภายใต้สายตาของหลีซูซูที่จ้องมองอยู่ เขาถึงขั้นเค้นรอยยิ้มออกมา ทว่านัยน์ตาดำสนิทกลับไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย หลีซูซูจงใจหลุบตาลง จะปลดสายคาดเอวของเขา
เขานิ่งเงียบไม่ขยับ ดวงตาจ้องกระหม่อมนางเขม็ง
“เจ้าชอบเยวี่ย…ข้าหรือไม่” เขาเชยคางของหลีซูซูขึ้นมา “มองข้า”
หลีซูซูอยากเตือนสติเขาสักคำว่า ‘เจ้ากำลังเล่นละครเป็นเยวี่ยฝูหยาอยู่ มิใช่คู่แค้นที่คิดจะสังหารข้า’ นางพลันอยากรู้เหลือเกินว่าคนผู้นี้จะอดทนได้ถึงเมื่อไร
ภายใต้สายตาคาดคั้นของเขา นางขบริมฝีปากตอบว่า “ก็ต้องชอบอยู่แล้ว ฝูหยา เจ้าเป็นอะไรไป สีหน้าย่ำแย่ถึงเพียงนี้ ข้าชอบเจ้า…เจ้าไม่ดีใจหรือ”
เขาหลับตาลง ลืมตาขึ้นอีกครั้งก็คลี่ยิ้มให้นาง “ดีใจสิ จะไม่…ไม่ดีใจได้อย่างไร”
เขาดึงตัวนางเข้ามา เพียงชั่วพริบตาเสื้อตัวนอกที่เขาสวมใส่ให้หลีซูซูอย่างพิถีพิถันในตอนเช้าก็ขาดกระจุยในฝ่ามือเขา
หลีซูซูรู้ว่าเขาโมโหแล้ว เดาว่าตอนนี้คงอยากบีบคอนางให้ตาย พอเห็นเขาโมโห หลีซูซูก็ยิ่งอยากหัวเราะ
ตอนที่เขาทาบกายลงมา หลีซูซูรู้ว่าตอนนี้ไม่ได้ ขืนให้เขาทำจริงๆ เวลาเช่นนี้เขาคงเคี่ยวกรำนางปางตายแน่นอน
นิ้วมือนางขยับนิดๆ เซียนรับใช้ผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาจากข้างนอก
“อวี้หลิงเซียนจื่อ อวี้หลิงเซียนจื่อ…” เซียนรับใช้วิ่งเข้ามาแล้ว ถึงได้เห็นสภาพของสองคนในเวลานี้ก็รีบก้มหน้าลง ใบหน้าแดงก่ำ