จันทราอัสดง
ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 4 บทที่ 109-110
มารฝันมองห้วงฝันดำเนินไปอย่างปากอ้าตาค้าง ที่แท้เมื่อให้ฐานะที่ดีหน่อยกับราชันมาร แม้เส้นทางจะขรุขระไปบ้าง แต่เขายังคงมีความฝันอันงดงาม
สิ่งที่ถานไถจิ้นขาดไป ที่แท้ก็แค่เพียงจุดเริ่มต้นอย่างยุติธรรมเท่านั้น
เขาเจ้าเล่ห์อำมหิต ทว่าก็ยืนหยัดไร้ความหวาดกลัว แม้วิธีการจะต่ำช้าไปบ้าง แต่สุดท้ายกลับสามารถพลิกสถานการณ์อันย่ำแย่ให้ดีขึ้นได้
ยามนี้ลูกแก้วหลิวหลีตรงหน้าร้าวจนใกล้แตกเต็มที มารฝันรีบโฉบไปข้างกายทั้งสองคน “ราชันมาร ตื่นเถอะ หลีเซียนจื่อ ตื่นเร็วเข้า!”
พลังจากไข่มุกแปลงโฉมไม่เพียงพอ ประคองฝันมาได้ถึงตอนนี้นับว่าไม่ง่ายแล้ว ของปลอมอย่างไรก็คือของปลอม ห้วงฝันของเขากำลังจะพังทลาย
ในลูกแก้วหลิวหลี ภาพต่างๆ หยุดนิ่ง
หญิงสาวในชุดขาวนั่งอยู่บนบรรพตเซียนฉางเจ๋อ ใบอู๋ถงเป็นสีแดงเข้ม นางทอดสายตามองไปไกลตรงทิศทางของเหวร้าง เฝ้ารอเขากลับมา
ชายหนุ่มเดินออกจากเหวร้างมืดมิด พูดคุยหัวเราะกับศิษย์พี่ศิษย์น้องข้างกาย ในมือถือหอยสังข์ขอนหนึ่ง
นางมีใจให้ชังจิ่วหมินแล้ว แต่สุดท้ายพวกเขากลับไม่ได้พบกันอีก
คำว่า ‘ชั่วชีวิต’ ของนาง สุดท้ายเป็นได้เพียงน้ำหยดหนึ่งผสานลงในความทรงจำของเขา
หน้าไม้พิฆาตเทวะรับรู้ได้ว่าผู้เป็นนายกำลังจะตื่นขึ้นมา ส่งเสียงอื้ออึงข้างกายทั้งสองคน มันดูดซับพลังของปีศาจอื่นๆ ไปหมดแล้ว ยามนี้จึงแข็งแกร่งกว่าเดิม
เสียดายที่ในพื้นที่คับแคบแห่งนี้ไม่มีเลือดมนุษย์ให้มันดื่ม มิอาจเข่นฆ่าได้ อดกลั้นจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว รอเพียงให้ถานไถจิ้นฟื้นขึ้นมา และพามันออกไปเข่นฆ่าเท่านั้น
มารฝันมองทั้งสองคนอย่างประหม่าพลางคิดในใจว่า แม้หนทางแตกต่าง แต่เป้าหมายเดียวกัน ภารกิจของข้านับว่าเสร็จสิ้นแล้วกระมัง ราชันมารคงจะ…คงจะไม่ถือสาหรอก
หลีซูซูลืมตาขึ้น
ห้วงรับรู้ของนางว่างเปล่าชั่วขณะ เมื่อสติกลับคืนมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในพื้นที่คับแคบแห่งหนึ่ง รอบด้านมืดมิดเหมือนอยู่ใต้พิภพ
ฉงอวี่หมอบอยู่บนคอนางอย่างสงบนิ่ง อ้อมกอดเย็นเฉียบโอบกอดนางไว้ รอบด้านเต็มไปด้วยไอมาร
นางผุดลุกขึ้นนั่งทันใด จ้องมองมารฝันตรงมุมห้อง ตลอดจนหน้าไม้พิฆาตเทวะข้างกาย ยังมี…ชายหนุ่มอีกคนที่ลุกขึ้นนั่งช้าๆ มองนางอย่างเงียบงัน
ชุดสีขาวของเขาเปื้อนเลือด นัยน์ตาโลหิตสีแดงเปลี่ยนกลับมาเป็นปกติแล้ว
ถานไถจิ้น…ชังจิ่วหมิน…
ลมหายใจของหลีซูซูสับสน หญิงสาวในห้วงฝัน การจงใจกลั่นแกล้ง ความปวดร้าวและความยินดี นางกุมศีรษะตนเองอย่างห้ามไม่อยู่
ปลอม ล้วนเป็นของปลอมทั้งสิ้น
โลกนี้ไม่มีชังจิ่วหมิน เขาเป็นเพียงถานไถจิ้น คนที่มีกระดูกมารแต่กำเนิด กักขังนางและทอดทิ้งนาง
ก่อนพวกเขาจะเข้าสู่ความฝัน เขาก็มีหน้าไม้พิฆาตเทวะแล้ว
ที่แท้ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอดีตหรือไม่ คนบางคนก็ถูกลิขิตให้อยู่กับความมืดมิดตั้งแต่เกิด โกวอวี้เสียสละตนเอง เพียงเพื่อหยุดยั้งมิให้เขาก้าวเดินมาถึงจุดนี้ ทว่าบัดนี้เขายังคงก้าวเดินมาบนทางสายนี้
ธรรมะกับอธรรมเดิมทีก็อยู่ร่วมกันไม่ได้อยู่แล้ว
“หลีซูซู”
“เจ้าอย่ามาแตะต้องข้า!” หลีซูซูถอยหลังทันใด “เจ้าหลอกข้า เจ้าเอาห้วงฝันมาหลอกข้า”
รอยยิ้มบนริมฝีปากของถานไถจิ้นจางลง “เจ้าคิดเช่นนี้หรือ”
ยามที่เขาไม่ยิ้ม กลิ่นอายทั่วร่างทั้งหนักอึ้งและน่ากลัว แตกต่างกับชังจิ่วหมินในห้วงฝันที่เกิดมาเพียบพร้อมโดดเด่นโดยสิ้นเชิง
หน้าไม้มารอยู่ตรงหน้าเขา เขาเอียงศีรษะ ท่าทางบริสุทธิ์จริงใจกลับคล้ายชังจิ่วหมินในความฝันอยู่บ้าง “เจ้าฟังข้าพูดก่อน ข้าจดจำคำพูดเมื่อห้าร้อยปีก่อนของเจ้าได้ ข้าจะไม่เป็นมาร หากเจ้าไม่ชอบหน้าไม้พิฆาตเทวะ ข้าจะผนึกมันไว้ตลอดกาล แค่ผนึกมันไว้ตลอดกาลก็ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าบอกมิใช่หรือว่ารอข้ากลับมา ต่อจากนี้ไปจะดีต่อข้า”
เสียงเขาเบาหวิวพึมพำว่า “ข้าจะตั้งใจบำเพ็ญเซียน วันหน้ากลายเป็นเทพ ข้าไม่โกหกเจ้า อย่างน้อยเจ้าก็อย่าโกหกข้าอีกเลยนะ”
หลีซูซูส่ายหน้าเอ่ยว่า “นั่นล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น”
“หลอกลวง?” เขาถามเสียงเย็น ก่อนจะหัวเราะออกมา “หลีซูซู เจ้าลองถามใจตนเองดู เจ้าไม่รู้ความรู้สึกของข้าหรือ”
เขาถึงกับถามว่า ‘เจ้าไม่รู้ความรู้สึกของข้าหรือ’
หลีซูซูช้อนตาขึ้น ความโกรธแค้นในใจยามนี้สลายหายไปหมดแล้ว นางเอ่ย “ข้ารู้เพียงว่าข้าเคยอ้อนวอนอย่างยากลำบาก แต่เจ้ากลับเอาบุปผาอมตะไปประจบเอาใจเยี่ยปิงฉาง เหมันต์ในโลกมนุษย์หนาวเหน็บถึงเพียงนั้น มืดมนถึงเพียงนั้น แต่เจ้ายังคงเลือกเยี่ยปิงฉาง หากข้ามิใช่หลีซูซู ข้าคงจิตวิญญาณแตกซ่านไปนานแล้ว เจ้าเป็นคนบอกข้าเองว่าเจ้าชอบนางมากเพียงใด สามารถพลิกคว่ำปฐพีเพื่อนาง ไม่สนว่านางจะเป็นภรรยาคนอื่นแล้ว บัดนี้เจ้ากลับมาถามข้าว่าไม่รู้หรือ ข้าไม่รู้ ไยข้าต้องรู้ด้วย”
“จนถึงตอนนี้” นางข่มแววสะอื้นในน้ำเสียง “เจ้ายังคงหลอกข้า ถานไถจิ้น ทุกคนในโลกนี้ล้วนเป็นเพียงหมากในกำมือเจ้าหรือไร”
ตอนเจ้าบอกว่าชอบเยี่ยปิงฉาง เจ้าทุ่มเทความคิดความพยายามทั้งหมด แต่ตอนบอกว่าชอบข้า เจ้ากลับใช้ห้วงฝันมาสร้างสภาพแวดล้อมจอมปลอมพวกนั้นขึ้นมา
นัยน์ตาดำขลับของเขาทอประกายน้ำ
ริมฝีปากที่สั่นระริกอยู่นานพยายามเค้นรอยยิ้มและเอ่ยว่า “ข้าสำนึกผิดแล้ว หลีซูซู แต่ว่าข้าไม่มีหนทาง”
เขาทำทุกอย่างแล้ว นางเคยบอกว่าอยากให้เขาเป็นเทพ ปกปักรักษาใต้หล้า ดังนั้นเขาจึงคลานออกมาจากคงคาผีครวญ อยู่ในสำนักเซียวเหยาเรียนรู้ว่าจะเดินทางสายธรรมะอย่างไร เขาเก็บงำความต่ำช้าของตนเอง เลียนแบบผู้อื่นเคารพรักอาจารย์ ให้เกียรติศิษย์ร่วมสำนัก
หากเขาพอมีหนทาง เกิดมามีใยรัก มีมารดาคอยอบรมสั่งสอน ได้กินอิ่มนอนอุ่น คงไม่ต้องเดินมาถึงจุดนี้ หากเขาพอจะมีโอกาสได้อยู่ร่วมกับนางอย่างถูกต้องเปิดเผย เขาไยต้องใช้ห้วงฝันจอมปลอมมาหลอกตนเอง ไยต้องยอมลดศักดิ์ศรี ยินดีเป็นเงาของผู้อื่น เพื่อจะได้เป็นกระถางยาให้นางบำรุงวิญญาณเล่า