บทที่ 110
สำนึกผิดแล้ว?
หลีซูซูมองเขา
ไม่ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด
การอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เรื่องนี้ใครจะผิดเล่า เขาเกิดมาเป็นราชันของพิภพมาร แต่กลับต้องเร้นกายหลายหมื่นปี ใต้หล้ามีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มีกระดูกมารแต่กำเนิด
เขาเกิดมาไม่รู้ว่าศักดิ์ศรีและความดีงามคือสิ่งใด ใจคิดแต่อยากมีชีวิตรอด ปรารถนาพลังและอำนาจ
ความผิดพลาดเพียงอย่างเดียวคือ นางเกิดมาเป็นเซียน แต่เขาเกิดมาเป็นมาร
แม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่ในห้วงฝันนางหวั่นไหว ห้าร้อยปีก่อนนางก็เคยหวั่นไหว เพราะหวั่นไหว ในใจถึงได้โกรธแค้น
หลีซูซูรู้สึกโมโหตนเองอยู่บ้าง ทั้งที่บำเพ็ญมรรคาไร้รักแล้ว ทั้งที่ผ่านมาห้าร้อยปีแล้ว…
หลีซูซูมองหน้าไม้พิฆาตเทวะที่มีไอสังหารเข้มข้น สายตาเลื่อนกลับไปยังถานไถจิ้นอย่างเชื่องช้า
แม้ไม่มีเนตรมารแล้ว ไอมารบนตัวเขายังคงเข้มข้นมาก แค่เห็นเขาในสภาพนี้ ใครก็ไม่มีทางเห็นเขาเป็นผู้บำเพ็ญเซียนผู้หนึ่งได้
“ฉงอวี่”
ฉงอวี่ปรากฏในมือนาง นางกัดฟันมองเขา
หน้าไม้พิฆาตเทวะรับรู้ถึงไอสังหาร รอบด้านเกิดไอดุดันรุนแรง ชายหนุ่มกลับไม่ขยับเขยื้อน มิได้หยิบหน้าไม้พิฆาตเทวะขึ้นมา หากมิได้เห็นเขาเอาชนะกงเหยี่ยจี้อู๋ก่อนหน้านี้ หลีซูซูเห็นสีหน้ายามนี้ของเขาแล้ว ถึงขั้นคิดว่าเขาเป็นมนุษย์ธรรมดาผู้หนึ่งที่อ่อนแอและน่าสงสาร
นางหันหลังทันใด ถือฉงอวี่เดินจากไป
หลีซูซูวิ่งออกไปไกล ก่อนจะนั่งยองๆ ข้างต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างโมโหตนเอง
ฉงอวี่แปรเปลี่ยนเป็นมือเรียวยาวขาวกระจ่างข้างหนึ่ง ลูบศีรษะนางพลางปลอบโยน “หลีซูซู อย่าตำหนิตนเองเลย ฉงอวี่รู้ว่าเจ้าไม่ฆ่ามารร้ายตนนั้นเพราะเอาชนะเขาไม่ได้ จึงต้องหนีออกมา ไม่เป็นไรหรอก ฉงอวี่สังเกตดูแล้ว เจ้าเป็นเด็กที่มีศักยภาพผู้หนึ่ง วันใดวันหนึ่งข้างหน้าเจ้าจะต้องสั่งสอนเขาจนเรียกหาบิดาร้องหามารดาได้แน่นอน”
เดิมทีหลีซูซูยังคงเศร้าใจ ทว่าพอฟังมันพูดแล้วเกือบจะหัวเราะออกมา “พูดเหลวไหลอะไรของเจ้า”
นางคิดว่าตนเองจะมีน้ำตา เมื่อยกมือขึ้นแตะดวงตาโดยไม่รู้ตัว กลับพบว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น หลีซูซูลดมือลงช้าๆ
เป็นเพราะมรรคาไร้รักอย่างนั้นหรือ
ก่อนที่พวกเขาจะหมดสติไปโลกมนุษย์ยังอยู่ในช่วงฤดูร้อน ทว่าตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
ผ่านมานานถึงเพียงนี้เชียวหรือ
หลีซูซูหัวใจจมดิ่ง ข้างนอกจะต้องเกิดเรื่องแน่ๆ
ซื่ออิงกับกงเหยี่ยจี้อู๋ยังอยู่ เวลานี้เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหว กงเหยี่ยจี้อู๋มีกระบี่ผ่าเวหา นี่เป็นข่าวร้ายของพิภพเซียน ตอนนี้ถานไถจิ้นยังมีหน้าไม้พิฆาตเทวะอีก แม้เขายังมิได้เป็นพวกเดียวกับซื่ออิง แต่เรื่องในอนาคตใครก็บอกไม่ได้
ถือเสียว่าฉงอวี่พูดถูก นางมิใช่ไม่ลงมือ แต่ถึงจะลงมือ ตอนนี้ก็มิอาจเอาชนะถานไถจิ้นที่มีหน้าไม้พิฆาตเทวะได้
หลีซูซูเลิกคิดฟุ้งซ่าน มองพิณคงโหวฉงอวี่ที่แปรเปลี่ยนเป็นมือข้างหนึ่ง “เจ้าเปลี่ยนรูปได้หรือ”
เสียงไร้เดียงสาเหมือนเด็กน้อยตอบว่า “เรื่องนั้นจะยากอันใด หลีซูซูลืมไปแล้วหรือ ฉงอวี่เป็นวัตถุเทพนะ”
“ไหนลองเปลี่ยนรูปเป็นกระบี่เล่มหนึ่งซิ”
ฉงอวี่ไม่รอช้า เปลี่ยนตนเองเป็นกระบี่สีฟ้าเล่มหนึ่งทันที มันชอบความหรูหรางดงาม บนตัวกระบี่จึงมีรัศมีสีฟ้าไหลเวียนอยู่ด้วย
“เพียงแต่เมื่ออยู่ในรูปทรงอื่นจะไม่ร้ายกาจเท่าคงโหวที่เป็นร่างดั้งเดิมเท่านั้น”
หลีซูซูกำฉงอวี่ที่เปลี่ยนรูปเป็นกระบี่ มีความมั่นใจมากขึ้นหลายส่วน
สถานการณ์ยังไม่นับว่าเลวร้ายจนเกินไป อย่างน้อยโลกนี้ยังเหลือวัตถุเทพชิ้นสุดท้ายอย่างพิณคงโหวฉงอวี่
มันอยู่ในแดนลับชังหยวนหมื่นปี ไม่ค่อยประสีประสา แต่พลังกลับแข็งแกร่งยิ่ง เพียงแต่ตอนนี้นางยังไม่อาจสำแดงพลังของมันออกมาได้อย่างเต็มที่เท่านั้น
นางหันไปมองยังทิศทางของถานไถจิ้นอีกครั้ง ใจรู้ดีว่าจะรอช้าอีกไม่ได้ จึงบังคับกระบี่เหาะกลับสำนักเหิงหยางทันที