จันทราอัสดง
ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 4 บทที่ 109-110
หลีซูซูจากไปแล้ว ถานไถจิ้นกลับยังอยู่ที่เดิม
มารฝันก็ไม่กล้าหนีไป หน้าไม้พิฆาตเทวะยังอยู่ด้านข้างจ้องจะลงมือ
ปีศาจเสือในถุงฟ้าดินของถานไถจิ้นอดเปิดถุงออกมามิได้ มันเคยเห็นอดีตของหลีซูซูกับเขา ไม่รู้จะปลอบใจเขาอย่างไร จึงชะโงกหน้าเอ่ยว่า “ฝ่าบาท ท่านเก็บหน้าไม้พิฆาตเทวะนั่นเถอะ น่ากลัวเสียจริงเชียว”
ไอดำบนหน้าไม้พิฆาตเทวะเข้มขึ้น ปีศาจเสือรีบหดตัวเข้าไปในถุง
ครู่ใหญ่ที่ถานไถจิ้นมิได้ตอบสนอง ผ่านไปเนิ่นนานเขาถึงยกมือขึ้น หน้าไม้พิฆาตเทวะหลอมรวมเข้าไปในร่าง
เขาหยิบกระบี่ฮุ่นหยวนของท่านเซียนจ้าวโยวขึ้นมา และไปจากสถานที่มืดทึบแห่งนี้
เจ้าเสือดีอกดีใจ ที่แท้มันมิใช่จะไร้ความหมายเสียทีเดียว เลียแข้งเลียขาเขามาหลายร้อยปี นี่เป็นครั้งแรกที่ฝ่าบาทฟังคำพูดของมัน
เพิ่งจะคิดเช่นนี้มันก็ถูกถานไถจิ้นหิ้วตัวออกมาจากถุงฟ้าดิน
ชายหนุ่มขอบตาแดง ริมฝีปากก็แดง เหมือนถูกคนข้างนอกรังแกอย่างแสนสาหัส กลับบ้านจึงอยากจะฆ่าคนระบายความแค้น
พอเห็นสายตาที่เขาพิจารณาตนช่างน่ากลัว เจ้าเสือพูดตัวสั่น “เนื้อเสือไม่อร่อยหรอกนะ”
เขาเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม “ข้าจะไม่เป็นมาร”
รู้แล้วรู้แล้ว ไม่เป็นมาร ข้าเชื่อท่าน อย่าทำสายตาน่าสยองถึงเพียงนั้นสิ
ถานไถจิ้นจ้องปีศาจเสือเขม็ง อาจเพราะติดตามเขามานาน ทั้งยังเข้าสู่พิภพเบื้องล่างด้วยกัน ปีศาจเสือจึงมีลักษณะไม่ค่อยเหมือนเสือ กลับดูคล้ายคลึงกับเทาเที่ยบนดวงตราชำระไขกระดูกในอาณาจักรมารอยู่หลายส่วน
จริงๆ ด้วย สิ่งที่อยู่ข้างกายเขาล้วนค่อยๆ กลายเป็นสัตว์ประหลาด
ถานไถจิ้นยัดปีศาจเสือกลับลงไปในถุงฟ้าดิน ดวงอาทิตย์ในโลกมนุษย์ทิ่มแทงดวงตาเขาจนเจ็บแสบ ดวงตะวันร้อนแรงบนท้องฟ้าแผ่ความร้อนอบอ้าว อุณหภูมิสูงจนไม่น่าเชื่อ เขามองถนนหนทางว่างเปล่าในโลกมนุษย์ มารปีศาจเผยโฉมรอบด้าน บ้านเรือนส่วนใหญ่มีไอปีศาจลอยสูง
ถานไถจิ้นใช้กระบี่ฮุ่นหยวนสังหารปีศาจตนหนึ่งที่กำลังดูดพลังจากคน
สำนักเซียวเหยาที่เคยถ่อมตนและเป็นมิตรในวันวานยังจะยอมรับเขาได้อีกหรือไม่
“สำนักเซียวเหยาไม่ยอมรับเขาอีกต่อไป” ผู้อาวุโสชิงอู๋ตีหน้าเย็นชา “เขาเป็นมาร แต่กลับแฝงตัวเข้ามาอยู่ในสำนักเซียวเหยาหลายปี ตอนนี้ศิษย์คนโตของสำนักเซียวเหยาจั้งไห่กำลังนำคนตามจับชังจิ่วหมิน”
“ใช่ พวกเราบอกแต่แรกแล้วว่าเขาไม่ปกติ วันนั้นในแดนลับชังหยวนเขาทำร้ายฝูหยากับหลีซูซู หากชังจิ่วหมินไม่ใช่ผู้บำเพ็ญมาร จะทำร้ายคนของสำนักเซียนได้อย่างไร!”
“หลีซูซู เจ้าว่าอย่างไร”
หลีซูซูคิดไม่ถึงเช่นกันว่าเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือน จะเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกแผ่นฟ้าคว่ำปฐพีเช่นนี้
ปีศาจฮั่นป๋าซื่ออิงเปิดอาณาจักรมาร ร่วมมือกับกงเหยี่ยจี้อู๋ อาศัยกระบี่ผ่าเวหาเรียกมารปีศาจทั้งแปดทิศมารวมตัวกัน ปล่อยให้มารปีศาจทะลักเข้าไปในแดนมนุษย์ ดูดพลังและสารอาหารจากมนุษย์ธรรมดาเพื่อให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น
ทุกหนแห่งที่ปีศาจฮั่นป๋าไปเยือน พืชพรรณเฉาตาย สายธารเหือดแห้ง น้ำในบ่อระเหยสิ้น โลกมนุษย์เริ่มเกิดภัยแล้งและโรคระบาด
สำนักเซียนรีบให้ความช่วยเหลือ ส่งลูกศิษย์ออกไปนับไม่ถ้วน กระจายไปตามสถานที่ต่างๆ ไล่ล่ามารปีศาจ ขจัดโรคระบาด โดยเฉพาะลูกศิษย์ที่มีแก่นวิญญาณธาตุน้ำยุ่งจนเท้าไม่ติดพื้น
เยวี่ยฝูหยาบาดเจ็บเพิ่งหายดี ก็เริ่มวิ่งวุ่นอยู่ข้างนอกทุกวันแล้ว
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่การช่วยคนไหนเลยจะง่ายดายเหมือนฆ่าคนเล่า เสียงโอดครวญดังอยู่ทั่วทุกแห่งหนในแดนมนุษย์ เรื่องที่ถานไถจิ้นใช้หน้าไม้พิฆาตเทวะในวันนั้นแพร่ไปทั่วหกพิภพแล้ว สำนักเซียนและมนุษย์ธรรมดาเกลียดแค้นมารปีศาจ มิอาจยอมรับเขาได้
ทุกคนต่างหันมามองหลีซูซู
หลีซูซูเงียบงันครู่หนึ่งและเอ่ยว่า “เขาใช้หน้าไม้พิฆาตเทวะเพื่อช่วยข้ากับศิษย์พี่หญิง ยังมีศิษย์พี่จั้งไห่อีกคน”
ทุกคนมองนางอย่างไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะชิงอู๋ เขาตีหน้าเย็นชา กระทุ้งไม้เท้าเซียนในมือ “หลีซูซู เจ้าเป็นคนของสำนักเหิงหยาง ไฉนจึงพูดเข้าข้างมารปีศาจ”
“แต่ที่ข้าพูดเป็นความจริง ข้าไม่รู้ว่าวันหน้าเขาจะกลายเป็นมารหรือไม่ แต่ตอนนี้ข้ายังไม่เคยเห็นเขาทำร้ายมนุษย์”
ชิงอู๋สีหน้าเปลี่ยนไป หันไปมองเหยากวง “ต่อให้วันนี้มิใช่มาร เมื่อถูกหน้าไม้พิฆาตเทวะควบคุมก็ต้องกลายเป็นมารวันยังค่ำ เหยากวง เจ้าพูดซิ”
เหยากวงเหลือบมองหลีซูซูแวบหนึ่ง จากนั้นมองชิงอู๋ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้ำอึ้งว่า “อาจารย์อา ที่หลีซูซูพูดเป็นความจริง”
“พวกเจ้าสองคน!” ชิงอู๋โมโหจนควันแทบออกเจ็ดทวาร “ไปสำนึกผิดที่หุบเขาเก้าคำนึง!”
บัดนี้คนในสำนักเซียนเมื่อพูดถึงมารปีศาจ ใครบ้างที่ไม่เคียดแค้นจนอยากจะฆ่า ในจำนวนนั้นชิงอู๋ซึ่งเป็นผู้อาวุโสคุมกฎชิงชังมารปีศาจเป็นที่สุด แต่ในเวลาเช่นนี้หลีซูซูกับเหยากวงยังจะกล้าออกหน้าพูดแทนถานไถจิ้น!
หุบเขาเก้าคำนึงมีแต่ลูกศิษย์ที่กระทำผิดเท่านั้นที่ไป
ฉับพลันผู้อาวุโสชิงเชียนรีบพูด “เด็กสองคนเพียงแต่แสดงความคิดเห็นของตนเองเท่านั้น หาได้เข้าข้างมารร้ายไม่ บัดนี้ลูกศิษย์สำนักเซียนยุ่งจนมิอาจปลีกตัว ให้พวกนางไปหุบเขาเก้าคำนึง มิสู้ส่งพวกนางไปโลกมนุษย์สักครั้ง ดูความทุกข์เข็ญของผู้คนก็ดี เสกน้ำไปช่วยเหลือคนก็ช่าง ถึงอย่างไรก็มีความหมายกว่าการไปหุบเขาเก้าคำนึงแน่ๆ เจ้าสำนัก ท่านว่าใช่หรือไม่”
ฉวีเสวียนจื่อที่ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นผงกศีรษะ “ชิงเชียนกล่าวถูกต้อง ให้หลีซูซูกับเหยากวง รวมถึงฝูหยาไปโลกมนุษย์ด้วยกัน”
ฉวีเสวียนจื่อเอ่ยปากแล้ว ชิงอู๋มุ่นคิ้ว โค้งกายแล้วไม่พูดอะไรอีก
แน่นอนว่าหลีซูซูไม่มีทางฝ่าฝืนคำสั่งของฉวีเสวียนจื่อ
รอจนคนอื่นๆ จากไปเกือบหมดแล้ว ฉวีเสวียนจื่อพูดขึ้น “หลีซูซู ตามข้ามา”
“ตั้งแต่เจ้าออกจากแดนลับชังหยวน บิดาก็ยังไม่ได้คุยกับเจ้าดีๆ เลย” ฉวีเสวียนจื่อว่า “ผู้อาวุโสชิงอู๋เกลียดความชั่วร้ายประหนึ่งชิงชังศัตรู เจ้าอย่าได้เก็บมาใส่ใจ”
หลีซูซูส่ายหน้า “ข้าทราบเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ท่านทะลวงผ่านแล้วหรือ”
ฉวีเสวียนจื่อหยิบศิลาหยั่งพลังก้อนหนึ่งออกมา ศิลาหยั่งพลังเปล่งประกายสีฟ้า แต่กลับกำลังค่อยๆ อับแสง
หลีซูซูหันไปมองเขาทันทีพลางถามว่า “ไฉนจึงเป็นเช่นนี้”
ฉวีเสวียนจื่อยิ้มพูด “หลีซูซู ผู้บำเพ็ญเพียรทุกคน หากมิอาจเป็นเทพ ย่อมต้องเดินมาถึงจุดนี้ ข้าติดอยู่ในขั้นผ่านด่านเคราะห์มาร้อยปีแล้ว แต่กลับมิอาจทะลวงผ่านได้ ข้ารู้มานานแล้วว่าต้องมีวันนี้ ข้าทำใจได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องเสียใจไป”
หากยังทะลวงผ่านไม่ได้ ไม่พ้นร้อยปีเขาย่อมต้องแตกดับ
ข่าวร้ายที่ประดังประเดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลีซูซูทุกข์ใจเหลือเกิน ฉวีเสวียนจื่อลูบผมนาง “ลูกพ่อ พ่อดีใจมากที่วันนี้เจ้ายังคงเป็นเจ้า โกวอวี้เคยสอนเจ้าว่าไม่ว่ามารร้ายหรือเทพเซียนล้วนก้าวเดินมาจากหงฮวงทั้งสิ้น เคยผ่านเคราะห์สวรรค์มาเหมือนกัน มีเทพเซียนที่เลว ก็ย่อมต้องมีมารปีศาจที่ดี”
“เจ้าบอกว่าถานไถจิ้นมิได้ฆ่าคน บิดาเชื่อเจ้า” ฉวีเสวียนจื่อถอนหายใจ “ทว่าหลีซูซู ชิงอู๋มีคำพูดหนึ่งที่กล่าวถูกต้อง คนที่เคยใช้หน้าไม้พิฆาตเทวะ สุดท้ายก็ต้องก้าวสู่วิถีมารอย่างช้าๆ ใจมุ่งแต่เข่นฆ่าสังหาร”
วิถีมารสามารถฉกชิงพลังจากคนอื่นมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเอง เร็วกว่าการฝึกบำเพ็ญอย่างยากลำบากของผู้บำเพ็ญเพียรมาก เป็นทางลัดที่หลายคนยากจะปฏิเสธ
“ฟังเหยากวงบอกว่าเจ้ามีวัตถุเซียนชิ้นหนึ่งที่ร้ายกาจมาก” ฉวีเสวียนจื่อมองพิณคงโหวฉงอวี่ เดาได้ว่าใครเป็นคนทิ้งมันไว้ให้หลีซูซู เขายิ้มเอ่ย “ตอนนี้เจ้าอาจจะยังใช้งานมันได้ไม่เต็มที่ แต่เมื่อเจ้าตัดสินใจแน่วแน่ ผสานมรรคาไร้รักเข้ากับญาณหยั่งรู้โดยสมบูรณ์ เจ้าย่อมสามารถควบคุมมันได้”
“ข้าต้องทำอย่างไรจึงจะผสานมรรคาไร้รักเข้ากับญาณหยั่งรู้ได้”
ฉวีเสวียนจื่อโคลงศีรษะ “ใครก็มิอาจสอนเจ้าได้ ความรักและศรัทธาเป็นสิ่งที่มิอาจตัดทิ้งได้โดยง่าย รอให้ถึงวันที่เจ้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ ย่อมตระหนักได้เอง”
เมื่อเห็นฉวีเสวียนจื่อจะจากไป หลีซูซูพลันร้องเรียกเขา “ท่านพ่อ”
นางเม้มปาก “ประมุขตงอี้…มีบุตรหรือไม่”
ฉวีเสวียนจื่อดูเหมือนคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ นางจะถามคำถามนี้ เขาเงียบงันชั่วครู่ “เคยมี เด็กคนนั้นความสามารถโดดเด่น เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และสติปัญญา น่าเสียดายที่ภายหลังตายไป”
มารฝันสร้างฝันโดยมีข้อมูลอ้างอิงจริงๆ หลีซูซูคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเดิมทีโลกนี้จะมีบุคคลเช่นนั้นอยู่ด้วย หากถานไถจิ้นมิได้เกิดมาเป็นตัวประหลาดในวังหลวงแคว้นโจว แต่เป็นบุตรชายของประมุขตงอี้ บางทีเรื่องราวอาจเป็นอีกแบบหนึ่ง