โลกมนุษย์แห้งแล้ง ผืนแผ่นดินแตกระแหง
หลีซูซูประคองคนผู้หนึ่งที่ริมฝีปากแห้งแตกขึ้นมาพลางหันกลับไปเรียก “ฝูหยา”
เยวี่ยฝูหยาถือชามมา เขามีแก่นวิญญาณธาตุน้ำ เสกน้ำได้อย่างง่ายดาย
เหยากวงมองโลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยภัยพิบัติ “สภาพเช่นนี้ เมื่อใดจึงจะจบสิ้น”
“วันที่สงครามใหญ่ระหว่างเซียนกับมารยุติลง” หลีซูซูพูด
เหยากวงแววตาหม่นหมอง
หลีซูซูรู้ว่าสภาพจิตใจของเหยากวงย่ำแย่ กงเหยี่ยจี้อู๋กลายเป็นมาร ช่วงเวลานี้สูญเสียสติสัมปชัญญะ สังหารผู้บำเพ็ญเพียรไปมากมาย หากไม่มีใครสามารถช่วยกงเหยี่ยจี้อู๋กลับมาได้ มิใช่เขาฆ่าพวกตน ก็คือพวกตนเป็นฝ่ายฆ่าเขา
เหยากวงกำลังจะพูดอะไร พลันมีคนวิ่งเข้ามา “ท่านเซียนช่วยชีวิตด้วย มารปีศาจมาฆ่าคนแล้ว!”
หลายคนรีบมองไป คิดไม่ถึงว่าจะเห็นจั้งไห่และศิษย์สำนักเซียวเหยากลุ่มหนึ่ง
จั้งไห่ยิ้มเก้อ “ไม่พบกันนานเลย”
ชายหนุ่มหลบอยู่หลังเยวี่ยฝูหยา ชี้ไปที่จั้งไห่พลางพูด “พวกเขานี่ล่ะ พวกเขาเป็นปีศาจ”
หลีซูซูเอ่ยปาก “เจ้าไม่ต้องกลัว พวกเขาเป็นคนของสำนักเซียนเช่นกัน”
ชายหนุ่มมองหลีซูซู จากนั้นมองจั้งไห่ เลือกที่จะเชื่อคำพูดนาง เขาพูดอย่างลังเล… “ท่านเซียนโปรดอภัยที่พวกเราเข้าใจผิด มิใช่พวกเราจงใจจะเข้าใจผิดท่านเซียน แต่ก่อนหน้านี้มีพี่ชายท่านหนึ่งแต่งกายเหมือนพวกท่านทุกประการ บนเสื้อผ้าก็มีลวดลายเช่นนี้” ชายหนุ่มชี้ไปที่ลายมัจฉาบนชุดของจั้งไห่ “เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง เข้ามาในตำบลและฆ่าคนไปไม่น้อย”
สวมชุดสำนักเซียวเหยา?
“ใช่แล้ว อาวุธของเขาเป็นหน้าไม้คันหนึ่ง รูปร่างสูงมาก หน้าตาหล่อเหลา แต่จิตใจกลับโหดเหี้ยมอำมหิต” ชายหนุ่มกัดฟัน เห็นได้ชัดว่าทั้งเกลียดทั้งกลัว
หลายคนสบตากัน ต่างเข้าใจว่ามนุษย์ผู้นี้กำลังพูดถึงใคร
จั้งไห่กุมกำปั้น เอ่ยกับพวกหลีซูซู “ทำให้สหายเซียนขบขันแล้ว ลูกศิษย์เนรคุณทรยศสำนักเซียวเหยา สร้างหายนะแก่มวลมนุษย์ เป็นความผิดของสำนักเซียวเหยา”
จั้งไห่หัวเราะเสียงขื่น คำพูดเช่นนี้เขามิใช่ได้ยินจากคนในท้องที่นี้เพียงแห่งเดียว ต่อให้เชื่อใจศิษย์น้องเล็กมากเพียงใด ความเชื่อมั่นในใจก็ค่อยๆ สั่นคลอนทีละนิด
เขาเที่ยวสังหารผู้คนไปทั่ว ดูดพลังจากมนุษย์จริงหรือไม่
หลีซูซูพลันเอ่ยขึ้น “ศิษย์พี่จั้งไห่ ในเมื่อแต่ก่อนท่านเชื่อใจเขา ครั้งนี้มิสู้ลองหาตัวเขาให้พบแล้วถามเขาดูก่อนค่อยปักใจเชื่อ”
จั้งไห่ตะลึงงัน เหยากวงก็ตะลึงงันเช่นกัน
เหยากวงกระซิบเสียงค่อย “หลีซูซู ตอนนี้เวลาพูดถึงเขา เจ้าไม่เหมือนแต่ก่อนเสียแล้ว”
หลีซูซูหลุบตาตอบว่า “ไม่มีสิ่งใดแตกต่าง”
คิดถึงชังจิ่วหมินในห้วงฝันที่สง่าผ่าเผย เป็นที่เคารพเลื่อมใสของผู้คน เปรียบเทียบกับถานไถจิ้นที่ไม่รู้ไปหลบซ่อนอยู่ในซอกมุมใด ถูกหกพิภพไล่ล่าประหนึ่งเงามืดที่ชั่วร้าย นางก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย
เพียงเพราะเขาไม่มีฐานะที่โดดเด่นเพียบพร้อมเท่านั้น
หรือว่าชะตาของดาวหายนะเดียวดายถูกลิขิตไว้แล้วจริงๆ ว่าต้องถูกทุกคนทอดทิ้งและรังเกียจ ทั้งที่จั้งไห่เคยปกป้องเขาถึงเพียงนั้นแท้ๆ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 30 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.