จันทราอัสดง
ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 4 บทที่ 111-112
ลูกศรมารสีนิลแหวกฝ่าชั้นเมฆ พุ่งมากลางอากาศพร้อมเสียงแหลม เล็งมายังกงเหยี่ยจี้อู๋ เขารีบใช้กระบี่ผ่าเวหาสกัดไว้ ลูกศรของหน้าไม้พิฆาตเทวะปะทะกับกระบี่ผ่าเวหา ส่งผลให้เสียงภูตผีครวญคร่ำลอยออกมาจากตัวกระบี่อย่างเลือนราง
กงเหยี่ยจี้อู๋ถอยหลังก้าวหนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้น เห็นชายหนุ่มในชุดขาวพาเสือตัวหนึ่งเดินเข้ามาภายใต้จันทร์เสี้ยว นัยน์ตาเยียบเย็นของกงเหยี่ยจี้อู๋ฉายแววไม่ยินยอม สั่งผู้บำเพ็ญมารที่เข่นฆ่าผู้คนอยู่รอบด้านว่า “ไป!”
ถานไถจิ้นหยุดยืนห่างออกไป มิได้เข้าไปประคองจ้าวโยวบนพื้น
ชายหนุ่มถือหน้าไม้พิฆาตเทวะ ตลอดทางที่เดินมาร่างกายเปื้อนเลือดของมารปีศาจนับไม่ถ้วน เทียบกับกงเหยี่ยจี้อู๋ เขาผมดำตาแดง ดูเหมือนมารปีศาจมากยิ่งกว่า
พอเห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาของจ้าวโยวแล้ว หัวใจของถานไถจิ้นเย็นเยียบไปหมด
คนผู้นี้เคยเก็บเขาขึ้นมาจากคงคาผีครวญ คว้านเนื้อเน่าออกไปให้เขาทีละนิด ดึงผีร้ายที่เกาะติดจิตวิญญาณของเขาออก
จ้าวโยวถือตำราสอนเด็ก บอกเขาเหมือนกำลังสอนเด็กน้อยแรกเกิดว่า “มนุษย์แต่ดั้งเดิม พื้นจิตใจนั้นดีงาม”
เขาสอนให้ตนดึงปราณเข้าสู่ร่างกาย สอนตนบังคับกระบี่ สอนให้ตนรักใคร่ปรองดองกับศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักเซียวเหยา
ถานไถจิ้นกำหมัดแน่น ดวงตาที่หลุบลงหนักอึ้งหม่นหมอง
เขาหันหลังเตรียมตัวจะจากไป เสียงของจ้าวโยวดังขึ้นข้างหลัง “จิ่วหมิน ไฉนเจ้าจึงกลายเป็นเช่นนี้” เสียงของผู้ชราไม่มีความรังเกียจเดียดฉันท์ มีเพียงความเจ็บปวดสงสารอย่างล้นเหลือ
“บอกให้จั้งไห่ดูแลเจ้าให้ดี เจ้าคนผู้นี้กลับไม่เอาไหน ไม่รู้หายหัวไปอยู่ที่ใด” จ้าวโยวถอนหายใจ “เจออาจารย์แล้ว ยังจะหนีไปไหนอีก”
ถานไถจิ้นไม่ขยับ ปีศาจเสือใช้หัวดันเขาไปข้างหน้า
ถานไถจิ้นประคองจ้าวโยวที่อยู่บนพื้นขึ้นมาเงียบๆ “อาจารย์”
จ้าวโยวมองหน้าไม้สีนิลในมือถานไถจิ้น นิ่วหน้าถามว่า “สามารถเอาชนะกระบี่ผ่าเวหาได้ นี่คือ?”
“หน้าไม้พิฆาตเทวะ”
“เอามาจากที่ใด”
“ก่อนที่ท่านจะพาข้ากลับสำนักเซียวเหยา มันก็หลอมรวมอยู่ในร่างกายของข้าแล้ว” ถานไถจิ้นตอบ
ตอนนั้นถานไถจิ้นถูกผีร้ายกัดแทะจนเหลือแต่โครงกระดูก หากไม่เพราะหน้าไม้พิฆาตเทวะในคงคาผีครวญหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขา เขาอยู่ในคงคาผีครวญหลายร้อยปีเช่นนั้น จิตวิญญาณคงแตกซ่านไปนานแล้ว ไม่มีโอกาสได้พบจ้าวโยว
จ้าวโยวถอนหายใจหนักๆ หลอมรวมเข้ากับกระดูกและโลหิต แสดงให้เห็นว่าเขาควบคุมหน้าไม้พิฆาตเทวะได้โดยสมบูรณ์ หน้าไม้พิฆาตเทวะมิอาจถอนออกมาจากตัวเขาได้ นี่เป็นสถานการณ์ที่ต่างจากกงเหยี่ยจี้อู๋ที่ยังไม่อาจบงการกระบี่ผ่าเวหาอย่างสิ้นเชิง
“อาจารย์รู้แต่แรกแล้วว่าเจ้าไม่ธรรมดา” ผู้มีพรสวรรค์ที่เพิ่งหัดดึงปราณเข้าสู่ร่างได้ก็สามารถสร้างฐานได้ทันทีเช่นนี้ ย่อมมีที่มาไม่ธรรมดา
ถานไถจิ้นพลันเหลือบตาขึ้น ขมวดคิ้วถามว่า “ท่านเป็นอะไรไป”
จ้าวโยวกระแอมกระไอพลางพูด “พยุงข้าไปพักใต้ต้นไม้”
จ้าวโยวเอียงศีรษะ เผยให้เห็นลำคอ
เห็นเพียงร่างกายเขามีรอยมารกระจายเป็นวงกว้าง เหมือนกิ่งก้านของต้นไม้แห้งเหี่ยวที่ตัดกันไปมา จ้าวโยวใกล้จะกลายเป็นมารแล้ว!
“วันนั้นข้าไปสำนักไท่ซวี ไม่คิดว่าจะได้พบปีศาจฮั่นป๋าบรรพกาล ข้ารู้ตัวว่ามิใช่คู่ต่อสู้ของนาง จึงซ่อนตัวและหาวิธีตามนางกลับไปยังอาณาจักรมาร จากนั้นได้พบความลับอย่างหนึ่งโดยบังเอิญ”
ระหว่างที่จ้าวโยวพูด รอยมารลามมาถึงหลังมือเขา สีหน้าเขาสงบนิ่ง เหมือนพระพุทธรูปที่เมตตาอารีองค์หนึ่ง
“ในอาณาจักรมารมีข่ายอาคมอยู่”
“ข่ายอาคมหวนคืนเก้าโคจร?”
“ถูกต้อง แต่มิใช่เช่นนั้นเสียทีเดียว” จ้าวโยวเอ่ย “เป็นมรรคาร่วมโศกของหมื่นปีก่อนที่ยังไม่ทันได้เปิดใช้งานเพราะสงครามใหญ่ระหว่างเทพกับมาร”
“มรรคาร่วมโศก…” ถานไถจิ้นกำหน้าไม้พิฆาตเทวะในมือแน่น
สมัยที่เรียนรู้เรื่องจิตบำเพ็ญ จ้าวโยวเคยสอนเขาว่ามหามรรคาร่วมทุกข์และร่วมโศกไปกับสรรพสิ่ง ก่อเกิดและเกื้อหนุนกัน
ไม่น่าเชื่อว่าภายใต้อาณาจักรมารจะมีมหามรรคาอีกประเภทหนึ่ง เผ่ามารคิดจะทำสิ่งใดกันแน่
จ้าวโยวค่อยๆ เล่าให้เขาฟัง “หมื่นปีก่อนพญามารแข็งแกร่งไร้ผู้เทียบเทียม เขาเปี่ยมด้วยความทะเยอทะยาน อยากเปลี่ยนหกพิภพให้มีแต่มารปีศาจโดยมีเขาเป็นผู้นำ ดังนั้นเขาจึงสร้างมรรคาร่วมโศกขึ้นในอาณาจักรมาร หมายจะเปิดมรรคาร่วมโศก ทำให้ตนเองเป็นผู้บงการมรรคาสวรรค์
เขาเข่นฆ่าเทพอย่างคลุ้มคลั่ง เมื่อเทพแตกดับ จะหลงเหลือบางสิ่งไว้ในโลกนี้ วิญญาณเทพบรรพกาลสมัยบุกเบิกฟ้าดิน เมื่อดวงจิตแตกสลายไปจะทิ้งหยาดน้ำตาดับวิญญาณไว้ ถูกพญามารนำมาหลอมเป็นไข่มุกสี่เม็ด ได้แก่ไข่มุกแปลงโฉม ไข่มุกเบิกตะวัน ไข่มุกโลภะ และไข่มุกรวมชีวิต
พญามารถ่ายพลังวิเศษกว่าครึ่งของตนเข้าไปในมรรคาร่วมโศก สุดท้ายตอนหลอมไข่มุกเทวะทั้งสี่กลับเกิดข้อผิดพลาด เขาถูกเจ้าแห่งปีศาจบรรพกาลข้างกายขโมยไข่มุกแปลงโฉมและไข่มุกรวมชีวิตไป พญามารล้มเหลว กระดูกมารสูญสลาย”
แววตาของจ้าวโยวค่อยๆ แตกซ่าน เขากุมมือถานไถจิ้น “ทว่ามรรคาร่วมโศกยังอยู่ ปีศาจฮั่นป๋าฟื้นขึ้นมาแล้ว วัตถุมารก็ยังอยู่ ซื่ออิงคิดจะอาศัยไอมารเปิดมรรคาร่วมโศก เปลี่ยนปราณวิเศษทั่วหล้าให้กลายเป็นไอมาร ทำให้หกพิภพกลายเป็นมารปีศาจทั้งหมด!”
เจ้าแห่งปีศาจบรรพกาล?
ถานไถจิ้นคิดถึงแดนปีศาจหว่างรกร้างว่างเปล่าผืนนั้น บุรุษที่เฝ้ารอหลีซูซู…บิดาบังเกิดเกล้าของเฟิ่งหวงน้อย
ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง
เมื่อใดที่มรรคาร่วมโศกทำงาน บางทีอาจมีคนเพียงหนึ่งส่วนที่รอดชีวิตและกลายเป็นมารปีศาจ คนที่เหลือล้วนต้องตายภายใต้การปะทะกันระหว่างไอเซียนและไอมาร เหมือนเช่นตอนนี้ที่ซื่ออิงฝังลูกกลอนมารลงในร่างกายของคนจากพิภพเซียน
เจ้าแห่งปีศาจบรรพกาลบังเกิดความรัก จึงหยุดยั้งการเปิดมรรคาร่วมโศกในตอนสุดท้าย หกพิภพจึงได้อยู่อย่างสงบสุขมาตลอดหมื่นปี
น่าเสียดายที่เรื่องในอดีตเหล่านี้ล้วนถูกกลบฝังอยู่ท่ามกลางเถ้าธุลีแห่งประวัติศาสตร์
“ไข่มุกแปลงโฉมและไข่มุกโลภะ ตอนนี้ล้วนอยู่ในมือของซื่ออิงแล้ว” จ้าวโยวพูด “ข้าเอาไข่มุกเบิกตะวันมา ยังไม่ทันหนีไปไหนไกล ซื่ออิงก็รู้ตัวเสียก่อน”
ดังนั้นเขาจึงถูกทำร้าย หว่างคิ้วยังมีเลือดของปีศาจฮั่นป๋าหยดหนึ่ง ปีศาจฮั่นป๋าเป็นบรรพชนของผีดิบ เมื่อจ้าวโยวตายย่อมต้องรับใช้ซื่ออิง
ไม่ง่ายเลยกว่าจ้าวโยวจะอดทนจนกลับถึงแดนมนุษย์ ประจวบเหมาะเห็นผู้คนในเมืองเจาเหอกำลังถูกกวาดล้างสังหาร กงเหยี่ยจี้อู๋มาแย่งชิงไข่มุกรวมชีวิตซึ่งเป็นไข่มุกเม็ดสุดท้าย
จ้าวโยวหยิบไข่มุกที่มีประกายสีเหลืองไหลวนออกมาจากอกเสื้อ วางลงบนฝ่ามือถานไถจิ้น
“ได้พบเจ้าก่อนตาย อาจารย์ดีใจมาก” จ้าวโยวยิ้มพูด “โลกมนุษย์มีคำกล่าวว่าเลี้ยงเด็กไว้เพื่อเป็นที่พึ่งพิงยามชรา ข้ามีลูกศิษย์สองคน ก่อนตายได้พบเจ้าก็ไม่มีอะไรน่าเสียดายแล้ว เอาไข่มุกเบิกตะวันไปแล้ว เจ้าย่อมรู้ว่าควรทำเช่นไร”
ถานไถจิ้นพูด “ท่านจะต้องไม่ตาย ข้าจะพาท่านกลับสำนักเซียวเหยาเดี๋ยวนี้ จ้าวโยว…อาจารย์ร่างกายข้าเต็มไปด้วยไอมาร เป็นเซียนที่ก้าวออกจากวิถีเซียนแล้ว แต่ท่านกลับมอบไข่มุกเบิกตะวันให้ข้า หากท่านมีใจห่วงใยสรรพชีวิตจริง ก็จงอดทนจนกว่าจะพบจั้งไห่และมอบไข่มุกให้เขาด้วยตัวท่านเอง!”
“จิ่วหมิน ยังจำได้หรือไม่ว่าเหตุใดอาจารย์จึงตั้งชื่อนี้ให้กับเจ้า” จ้าวโยวคลี่ยิ้มอ่อนโยน “จิ่วหมิน หมายถึงใต้หล้าอันกว้างใหญ่ เก้าชั้นฟ้าอันสูงสุด”
เจ้าเกิดมาไม่เป็นมงคล ชะตาว้าเหว่เดียวดาย แต่ไม่มีใครเป็นโครงกระดูกที่ผุเปื่อยอยู่ในความมืดมิดตลอดไป เจ้าอยู่ในคงคาผีครวญห้าร้อยปี หากไม่เพราะความรักในใจยังคงอยู่ จะยืนหยัดมาจนถึงบัดนี้ได้อย่างไร
ความรักของเจ้ายังอยู่ เจ้าไม่มีวันตกต่ำกลายเป็นมาร
“จิ่วหมิน โลกมนุษย์เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว อาจารย์อยากขอสิ่งหนึ่งจากเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายได้หรือไม่”