จันทราอัสดง
ทดลองอ่าน จันทราอัสดง บทที่ 2
หลังจากนั้นฮูหยินผู้เฒ่ามองมาทางเขาอย่างปลอบประโลม “หมัวมัว* ในจวนตรวจดูแล้ว เสื้อผ้าบนตัวซีอู้ยังอยู่ครบสมบูรณ์ มิได้เกิดเรื่องที่ผิดต่อเจ้าอย่างแน่นอน”
“ท่านย่ากังวลเกินไปแล้ว ข้าย่อมต้องเชื่อใจซีอู้อยู่แล้วขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่ามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เรื่องที่คุณหนูสามถูกโจรภูเขาลักพาตัวไปถูกปกปิดไว้เช่นนี้เอง ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ายังคงสืบต่อ
ถึงอย่างไรก็มีองครักษ์สกุลเยี่ยติดตามไปคุ้มกันด้วย หลายปีมานี้ยังไม่เคยเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้มาก่อน
ไฉนโจรภูเขาจึงหมายตาคุณหนูสามของพวกเขา เรื่องนี้ไม่ว่าขบคิดอย่างไรก็ล้วนไม่ปกติ อาศัยโจรกระจอกกลุ่มนั้น ไม่มีทางที่จะพาตัวเยี่ยซีอู้ไปได้อย่างง่ายดาย
แต่ไม่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะสืบอย่างไร ก็ล้วนไม่ได้คำตอบ เรื่องนี้จึงได้แต่สรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ
หลีซูซูมาที่ริมทะเลสาบ มองปราดเดียวก็เห็นตัวต้นเหตุแห่งหายนะในวันข้างหน้า
เด็กหนุ่มอยู่บนผิวทะเลสาบที่จับตัวเป็นน้ำแข็ง ใกล้จะทนไม่ไหวเต็มที ใบหน้าเขาซีดเผือด ริมฝีปากไม่แดงสดอีกแล้ว ทั้งยังเริ่มเป็นสีคล้ำ
ด้วยรู้สึกว่ามีคนกำลังมองตน เด็กหนุ่มจึงเหลือบตาขึ้น ประสานสายตากับหลีซูซูพอดี
เด็กสาวสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่เนื้อนุ่มสีขาวบริสุทธิ์พลางเอียงคอพิจารณาเขา
สองคนสบตากันจากระยะไกลโดยมีผิวทะเลสาบคั่นกลาง
ถานไถจิ้นพลันมองเห็นว่าดวงตาของนางโค้งลงเป็นรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าพึงพอใจกับทิวทัศน์ของหิมะฤดูหนาวในจวน หรือพึงพอใจกับสภาพอเนจอนาถของเขาในทะเลสาบ
ชุนเถาที่อยู่ข้างกายหลีซูซูเห็นแล้วทนมิได้ จึงใช้ความกล้าหาญทั้งหมดที่มีในชีวิตเอ่ยปากขอความเมตตา “จื้อจื่อคุกเข่ามาสองวันแล้ว ขืนยังคุกเข่าต่อไป เกรงว่าร่างกายจะบาดเจ็บได้ จะให้เรียกจื้อจื่อขึ้นมาหรือไม่เจ้าคะ”
หลีซูซูส่ายหน้า พูดอย่างจริงจังว่า “เขาดูสดชื่นจะตาย ท่าทางน่าจะยังคุกเข่าได้อีกหลายวันหลายคืน”
ชุนเถาพูดไม่ออก “…” คุณหนูสามพูดจริงหรือไม่
แน่นอนว่าหลีซูซูจริงจัง นางลูบศีรษะชุนเถา
เจ้าไม่รู้อะไร แม่นางน้อยอย่างเจ้า หากถือกำเนิดในโลกอนาคต แค่ได้ยินชื่อเขา คงจะตกใจกลัวจนเป็นลมไปด้วยซ้ำ ไม่มีทางเห็นใจเขาหรอก
คุกเข่าให้ท่อนล่างใช้งานไม่ได้ถึงจะดี ดูซิว่าวันหน้าเขาจะกลายเป็นจอมมารอย่างไร!
นางมองถานไถจิ้นแวบหนึ่ง มิได้เอ่ยอะไรทั้งสิ้นก็หันหลังสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
พอเห็นแผ่นหลังของเด็กสาวหายลับไปบนระเบียงทางเดินยาวใต้หลังคา ถานไถจิ้นก็เม้มปากแน่น ดึงสายตากลับมา
หลีซูซูไปเรือนฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งตื่นจากการนอนกลางวัน เนื่องจากศรัทธาในพุทธะ ในห้องจึงมีกลิ่นจันทน์ขาวลอยอวล
ตอนหลีซูซูเข้าไป ในห้องยังมีหญิงสาววัยกำดัดในชุดเขียวยืนอยู่ผู้หนึ่ง
เดิมแม่นางชุดเขียวบีบนวดไหล่ให้ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ ครั้นเห็นหลีซูซูเข้ามาก็หยุดมือ
หลีซูซูจำแนกคนไม่ได้ จึงมิได้ส่งเสียง แม่นางผู้นั้นกลับเป็นฝ่ายผงกศีรษะให้นางพลางร้องเรียกเสียงแผ่ว “น้องหญิงสาม”
ที่แท้เป็นคุณหนูรองที่เกิดจากอนุของสกุลเยี่ย เยี่ยหลันอิน
หลีซูซูพยักหน้าเอ่ยทักทายว่า “พี่หญิงรอง”
เยี่ยหลันอินไม่คิดว่าหลีซูซูจะทักตอบ นางรู้สึกประหลาดใจ จึงชำเลืองมองหลีซูซูแวบหนึ่งอย่างประหม่า และยอบกายคารวะฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านย่า ไว้พรุ่งนี้หลันอินค่อยมาไหว้พระเป็นเพื่อนท่านใหม่”
ฮูหยินผู้เฒ่าตบมือนางเบาๆ และพยักหน้า
หลีซูซูกระจ่างแจ้งในที่สุด เจ้าของร่างเดิมเป็นจอมเผด็จการน้อยในบ้านสกุลเยี่ย เมื่อนางมา เยี่ยหลันอินก็ต้องหลีกทางให้
แค่ตนเรียกเยี่ยหลันอินคำหนึ่งว่า ‘พี่หญิงรอง’ ก็ล้วนทำให้ผู้อื่นประหวั่นลนลาน จิตใจกระวนกระวาย
ปกติเจ้าของร่างเดิมน่ากลัวถึงเพียงใดกันแน่นะ
พอเยี่ยหลันอินจากไป ใบหน้าเข้มงวดของฮูหยินผู้เฒ่าก็ฉายแววโอบอ้อมอารีขึ้นไม่น้อย “ยายหนูสาม มาให้ย่าดูหน่อย ร่างกายดีขึ้นแล้วหรือยัง”
หลีซูซูเดินเข้าไปหาพร้อมตอบว่า “ขอบคุณท่านย่าที่เป็นห่วง ร่างกายของซีอู้ไม่เป็นไรแล้ว หลายวันนี้ทำให้ท่านย่าเป็นกังวลแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าจิ้มหน้าผากนางอย่างชิดใกล้ “ย่าอายุมากแล้ว มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ปี เจ้าเด็กคนนี้ ช่วยทำให้ย่าเป็นห่วงน้อยลงหน่อยเถิด”
หลีซูซูบีบนวดไหล่ให้ฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านย่าร่างกายแข็งแรง คนไม่รู้ยังนึกว่าเป็นท่านแม่ของข้าเสียอีก ท่านต้องอยู่ปกป้องซีอู้ตลอดไป”
“ปากไม่มีหูรูด พูดเหลวไหลอะไรกัน” ฮูหยินผู้เฒ่าแสร้งทำทีตำหนิ แต่รอยยิ้มในดวงตาปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด
ภรรยาเอกของแม่ทัพใหญ่เยี่ยนั้นหลังจากให้กำเนิดเจ้าของร่างเดิมก็เสียชีวิต แม่ทัพใหญ่เยี่ยมิได้แต่งภรรยาใหม่ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงอุ้มเจ้าของร่างเดิมมาเลี้ยงดูข้างกายจนเติบใหญ่
เด็กที่ตนเองเลี้ยงมากับมือ กล่าวได้ว่าอมไว้ในปากยังกลัวละลายจริงแท้ นางจึงลำเอียงอย่างยิ่ง
ที่เจ้าของร่างเดิมยโสโอหังถึงเพียงนี้ ความรักใคร่จากท่านย่ามีส่วนอย่างมาก เจ้าของร่างเดิมก็เฉลียวฉลาด ปกติแม้จะร้ายกาจเพียงใด แต่กลับรู้จักประจบเอาใจผู้สูงวัยเป็นอย่างดี
แคว้นซย่าส่งเสริมหลักความกตัญญู แม่ทัพใหญ่เยี่ยเป็นบุตรกตัญญูที่เลื่องชื่อ ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเยี่ยเห็นเยี่ยซีอู้เหมือนแก้วตาดวงใจ พลอยทำให้แม่ทัพใหญ่เยี่ยรักใคร่เอ็นดูบุตรีสายตรงเพียงหนึ่งเดียวผู้นี้ตามไปด้วย
“เรื่องในวัดย่าสั่งให้พวกบ่าวไพร่ปิดปากแล้ว เจ้าเองก็อย่าเที่ยวพูดส่งเดช ชื่อเสียงของสตรีเป็นสิ่งสำคัญ”
หลีซูซูพยักหน้า “ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”
ในสกุลเยี่ย ฮูหยินผู้เฒ่ารักเจ้าของร่างเดิมจริงๆ คิดถึงความปรารถนาของเจ้าของร่างเดิม วันข้างหน้าหลีซูซูจะพยายามดีต่อฮูหยินผู้เฒ่า
เงียบไปครู่หนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าพูดต่อว่า “เจ้าเองก็ต้องรู้จักคิดบ้าง ไปปลอบโยนจื้อจื่อหน่อย เกิดเรื่องเช่นนี้กับภรรยา ในใจเขาย่อมเลี่ยงมิได้ที่จะมีความกังขา”
หลีซูซูคิดถึงเด็กหนุ่มที่ถูกลงโทษให้คุกเข่าอยู่บนทะเลสาบน้ำแข็ง ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ยอมเป็นสามีภรรยากับจอมมารในวัยเยาว์เด็ดขาด กินอิ่มไม่มีอะไรทำน่ะซี ถึงจะได้ไปปลอบโยนเขา
ทว่ายามอยู่ต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า นางมิอาจพูดเช่นนี้ ได้แต่ผงกศีรษะอย่างว่าง่าย “ซีอู้ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้ายิ้ม
“ท่านย่า หาตัวอิ๋นเชี่ยวพบหรือยังเจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าแววตาวูบไหว ก่อนยิ้มตอบ “เด็กคนนั้นน่ะหรือ ตามตัวกลับมาได้แล้ว ไม่ได้บาดเจ็บอะไร ย่าส่งนางไปที่หมู่บ้านเกษตรแล้วละ อิ๋นเชี่ยวถึงวัยออกเรือนตั้งนานแล้ว ครั้งนี้นางปกป้องเจ้านายอย่างกล้าหาญ ย่อมมิอาจปล่อยให้นางเสียเวลาอยู่ในจวนอีกต่อไป”
ฮูหยินผู้เฒ่าทอดถอนในใจ เรื่องระคายหูพวกนี้ ทางที่ดีชั่วชีวิตนี้อย่าให้ซีอู้ต้องรับรู้เลย
หลีซูซูอยู่ข้างหลังฮูหยินผู้เฒ่า จึงมองไม่เห็นสีหน้าของผู้ชรา นางฟังแล้วโล่งอก “เช่นนั้นก็ดี”
“เรื่องงานเลี้ยงในวังก่อนหน้านี้ย่ายังไม่ได้ว่าเจ้าเลย พี่หญิงใหญ่ของเจ้าออกเรือนไปแล้ว เจ้าจะไปหาเรื่องนางอีกด้วยเหตุใด นี่ยังจะตกลงไปในน้ำกับนางอีก ย่ารู้ว่าแต่ก่อนเจ้าชมชอบองค์ชายหก แต่ตอนนี้พี่หญิงใหญ่ของเจ้าเป็นชายารองขององค์ชายหกแล้ว เจ้าเองก็แต่งให้ถานไถจิ้นแล้ว เชื่อย่าเถอะนะ ต่อไปอยู่ห่างจากองค์ชายหกให้มากหน่อย”
หลีซูซูเกือบจะสำลักน้ำลาย
ใช่ เจ้าของร่างเดิมนอกจากนิสัยเสียแล้ว ปัญหาร้ายแรงที่สุดคือนางชอบบุรุษของพี่สาวตนเองอย่างองค์ชายหก