หลีซูซูไม่เอ่ยอะไร เพียงโน้มตัวไปข้างหน้า
เส้นทางแห่งการบำเพ็ญเพียร เดิมควรปราศจากความหวาดกลัวอยู่แล้ว เจ้าของร่างเดิมกลัวองค์หญิงเก้า หลีซูซูหาได้กลัวไม่ นางใช้กิ่งไม้แทนกระบี่ รับมือกับแส้ขององค์หญิงเก้าอย่างง่ายดาย
วิชากระบี่ของนางได้เจ้าสำนักอู๋จี๋เป็นผู้ถ่ายทอด กระบี่สำนักอู๋จี๋ประกายเยียบเย็นงดงาม หนึ่งกระบี่ผ่าภูเขาฟันมหาสมุทรได้
ในร่างของเยี่ยซีอู้ไม่มีปราณวิเศษ มิอาจใช้เคล็ดกระบี่ชิงหง กระทั่งอานุภาพกระบี่หนึ่งในร้อยส่วนก็มิอาจสำแดงออกมาได้
แต่สำหรับหลีซูซู แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
กิ่งไม้วกอ้อมแส้ดุดันอย่างปราดเปรียว ประชิดไปตรงหน้าองค์หญิงเก้ากะทันหัน
เดิมทีแส้เป็นอาวุธในการต่อสู้ระยะไกลอยู่แล้ว จู่ๆ ถูกศัตรูประชิดเข้ามาใกล้เช่นนี้ องค์หญิงเก้าพลันลนลาน แขนถูกหวดเข้าให้หนึ่งที เจ็บจนนางปล่อยแส้หลุดจากมือ
อึดใจต่อมากิ่งไม้ก็ชี้ไปที่ลำคอขององค์หญิงเก้าแล้ว
ชั่วขณะนั้นเององค์หญิงเก้าถึงขั้นรู้สึกว่าสิ่งที่ชี้คอตนอยู่เป็นกระบี่คมกริบเล่มหนึ่ง นางถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเท้าสะดุดและล้มลงบนพื้น
นางกำนัลรีบเข้าไปประคองนาง “องค์หญิง!”
องค์หญิงเก้าไม่อยากจะเชื่อว่านางพ่ายแพ้ภายในสามกระบวนท่า!
หลีซูซูเก็บกิ่งไม้กลับมา “หากท่านไม่มีธุระอะไรแล้ว ข้าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮา”
องค์หญิงเก้าใบหน้าแดงก่ำ นี่เป็นไปไม่ได้ นางจะถูกกิ่งไม้ของเยี่ยซีอู้จู่โจมจนล้มลงได้อย่างไร ที่ผ่านมามีครั้งใดบ้างที่มิใช่เยี่ยซีอู้มิอาจตอบโต้แม้แต่น้อย นี่ต้องเป็นความบังเอิญแน่นอน
องค์หญิงเก้าไม่ยอมแพ้ เก็บแส้บนพื้นขึ้นมา “หยุดนะ!”
แส้ตวัดเข้ามาอย่างเจ้าเล่ห์ ชัดเจนว่าเล็งมาที่หน้าคน ชุนเถาตกใจ รีบขวางหน้าหลีซูซูไว้
หากแส้นี้หวดโดนหน้าของชุนเถา ชุนเถาจะต้องเสียโฉมทันทีแน่นอน
หลีซูซูเห็นองค์หญิงเก้าร้ายกาจเช่นนี้ โทสะก็บังเกิด นางดึงชุนเถาออกและเขวี้ยงกิ่งไม้ในมือออกไป
กิ่งไม้ถูกแส้ฟาดจนหักเป็นสองท่อน ท่อนล่างตกลงบนพื้น ท่อนบนลอยไปยังใบหน้าขององค์หญิงเก้า
องค์หญิงเก้าเบิกตากว้างทันใด
จังหวะที่กิ่งไม้กำลังจะกระแทกหน้าองค์หญิงเก้า มือเรียวยาวดุจหยกข้างหนึ่งเข้ามาสกัดกิ่งไม้ไว้
“เสด็จพี่!”
หลีซูซูเพ่งสายตามองไป บุรุษสวมเกี้ยวหยกที่นัยน์ตาสุกสกาวราวดวงดาวในฤดูหนาวกำกิ่งไม้ไว้ เขาสวมชุดคลุมยาวสีฟ้าอ่อน ไหล่กว้างเอวสอบ แขนเสื้อปักลายเมฆา ยามนี้กำลังขมวดคิ้วมองหลีซูซู
หลีซูซูตะลึงงัน พึมพำอย่างเหลือเชื่อ “ศิษย์พี่ใหญ่…”
บุคคลตรงหน้า รูปโฉมเหมือนศิษย์พี่ใหญ่ของนางกงเหยี่ยจี้อู๋ทุกประการ เพียงแต่ร่างกายของศิษย์พี่ใหญ่มีกลิ่นอายความเมตตาเยี่ยงผู้บำเพ็ญเพียรเพิ่มมาหลายส่วน ส่วนบุรุษตรงหน้ากลับดูหล่อเหลายิ่งกว่า
“ไม่ทราบว่าน้องเก้าไปล่วงเกินคุณหนูสามสกุลเยี่ยที่ใดหรือ คุณหนูสามถึงต้องลงมือรุนแรงถึงเพียงนี้” เซียวหลิ่นเอ่ยถามเสียงเย็น
หลีซูซูได้ยินเสียงเขาแล้ว ในใจทั้งหวานทั้งขมขื่น ถึงขั้นเกิดความรู้สึกน้อยอกน้อยใจมากมายเหลือเกิน น้ำตาใกล้จะกลั้นไม่อยู่เต็มที
ทว่านี่หาใช่อารมณ์ของหลีซูซู สำหรับนาง ศิษย์พี่ใหญ่จิตใจกว้างขวางอ่อนโยน นางเคารพนับถือเขาเหมือนเคารพนับถือพี่ชายผู้หนึ่ง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่นางจะเกิดความรู้สึกน่าละอายอยากโผเข้าสู่อ้อมกอดเขาเช่นนี้
เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเจ้าของร่างเดิมที่หลงเหลืออยู่กำลังแผลงฤทธิ์
นางเข้าใจในทันที บุคคลตรงหน้าก็คือองค์ชายหกเซียวหลิ่นที่เยี่ยซีอู้รักจะเป็นจะตาย
ส่วนศิษย์พี่ใหญ่ของหลีซูซู ได้ต่อสู้เพื่อสรรพชีวิตในใต้หล้าจนตัวตายในศึกครั้งใหญ่ระหว่างเซียนกับมารเมื่อนานแสนนานมาแล้ว ว่ากันว่าจอมมารเป็นคนลงมือฆ่าเขาด้วยตนเอง
หลังจากนั้น คนรักของเขาเหยากวงเซียนจื่อ* ก็ตายตามไปด้วย
พอเห็นหลีซูซูจ้องเซียวหลิ่นตาค้าง องค์หญิงเก้าก็กระโดดเหยงทันที “เสด็จพี่ ยังดีที่ท่านมาทันเวลา หาไม่แล้วใบหน้าของเจาอวี้ต้องถูกสตรีผู้นี้ทำลายแน่!” องค์หญิงเก้ากุมข้อมือที่ถูกแส้หวดจนบวมอย่างคับแค้นใจยิ่งนัก
เซียวหลิ่นเอ่ยถาม “คุณหนูสามสกุลเยี่ยมีอะไรจะพูดหรือไม่”
แววตาเขาเย็นชาเล็กน้อย หลีซูซูถูกเขาจ้องจนรู้สึกเศร้าใจ
ก้าวข้ามกาลเวลามาหลายปี ได้พบคนรู้จักอีกครั้ง ทว่าศิษย์พี่ใหญ่ที่แต่ก่อนรักใคร่เอ็นดูนาง บัดนี้กลับเป็นพี่ชายของคนอื่น
เขาปกป้องเด็กสาวอีกคนหนึ่ง และเผชิญหน้ากับนางอย่างเย็นชา
* สุคนธ์สิ้นหยกสลาย หมายถึงตาย ใช้กับสตรีโดยเฉพาะหญิงงาม
* แผลงมาจาก ‘ความรู้มากไม่ทับร่าง’ หมายถึงความรู้และทักษะต่างๆ ยิ่งมีมากยิ่งดี ไม่มีทางเป็นภาระแก่ตนเอง หม้อเยอะไม่ทับร่างในที่นี้ หมายถึงไม่ถือสาหากจะต้องแบกรับความผิดหรือเคราะห์ร้ายที่ตนไม่ได้เป็นผู้ก่อเพิ่มขึ้น
* ปกติสุนัขมีหน้าที่เฝ้าบ้าน ส่วนแมวคอยไล่จับหนู สำนวนสุนัขไล่จับหนู หมายถึงการยุ่งเรื่องชาวบ้านหรือเรื่องที่มิใช่กิจธุระของตน
* มะพลับนิ่ม อุปมาถึงคนที่อ่อนแอไร้อำนาจ ต้องตกเป็นเบี้ยล่างถูกคนอื่นข่มเหงรังแก
* เซียนจื่อ เป็นคำที่ใช้เรียกเซียนสตรี
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 1 ต.ค. 65 เวลา 12.00 น.