จันทราอัสดง
ทดลองอ่าน จันทราอัสดง บทที่ 6
เสื้อผ้าเขาถูกคนดึงกระชากจนยับยุ่ง บนพื้นมียันต์คุ้มครองเก่าๆ อันหนึ่ง บนยันต์คุ้มครองมีรอยเท้า เห็นได้ชัดว่าถูกคนเหยียบ
สายตาของถานไถจิ้นจับอยู่ที่ยันต์คุ้มครองอันนั้น ยามที่หลีซูซูก้าวเข้ามา เขาไม่มีท่าทีตอบสนองแม้แต่น้อย แม้กระทั่งเหลือบตามองหลีซูซูยังมิได้ทำ
“เหลียนอี๋เหนียง ในเมื่อก่อนหน้านี้พวกท่านเป็นคนสอบสวน ตอนนี้ก็สอบสวนต่อเถอะ ข้าแค่ฟังก็พอ” หลีซูซูไม่อยากสอดมือเข้ายุ่ง นางรู้ว่าตนเองอคติกับถานไถจิ้น หากเข้าไปก้าวก่าย ย่อมขาดความเที่ยงธรรม
พอนางเอ่ยเช่นนี้ ถานไถจิ้นกลับมีท่าทีตอบสนองขึ้นมา เขาเงยหน้ามองหลีซูซูอย่างเย็นชา
“ในเมื่อเป็นคำสั่งของคุณหนูสาม ข้าอนุภรรยาจะสอบสวนต่อแล้วกัน จื้อจื่อ ประการที่หนึ่ง หลายปีมานี้ทรัพย์สินในจวนไม่เคยสูญหายมาก่อน” เหลียนอี๋เหนียงมองเด็กหนุ่มในชุดขาว ความหมายในถ้อยคำชัดเจนมาก อีกทั้งถานไถจิ้นเข้ามาในจวนเพียงสามเดือน ก็มีข้าวของหายไปมากถึงเพียงนี้
“ประการที่สอง คลังสมบัติมีเพียงเจ้านายเท่านั้นที่สามารถเข้าไปใกล้ ทุกคนในจวนล้วนมีเบี้ยหวัดรายเดือน ทว่าจื้อจื่อ…” เหลียนอี๋เหนียงชะงักไป มิได้พูดให้ชัดเจน
ทุกคนกลับเข้าใจดี ถานไถจิ้นแม้จะนับเป็นเจ้านายครึ่งหนึ่งของจวนหลังนี้ แต่จวนแม่ทัพหาได้จ่ายเบี้ยหวัดรายเดือนให้เขาไม่ เชลยแคว้นศัตรูที่พ่ายศึก ให้ข้าวกินก็นับว่าดีแล้ว ซึ่งนั่นยังคงเป็นเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณหนูสามด้วย
ถานไถจิ้นเหลือบตาขึ้น “ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้เป็นคนทำ”
นิ้วมือของหลีซูซูที่ประสานกันบีบแน่น อันที่จริงตามความเห็นนาง ถ้อยคำเหล่านี้ของเหลียนอี๋เหนียงออกจะฝืดฝืนเกินไปหน่อย
ฐานะของถานไถจิ้นในจวนแห่งนี้ต้อยต่ำ เนื่องจากท่าทีที่เจ้าของร่างเดิมมีต่อเขาไม่ดีนัก ฐานะของเขาจึงไม่แตกต่างจากบ่าวรับใช้ ไปคลังเก็บสมบัติเดิมทีก็ยากอยู่แล้ว จะอาศัยการคาดเดา ตัดสินความผิดของคนผู้หนึ่งส่งเดชได้อย่างไร
อีกอย่าง หลีซูซูชำเลืองมองเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง…
เส้นผมบนหน้าผากปกปิดดวงตามืดทึมของเขา ทำให้เขาดูเหมือนสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในความมืด หม่นสลัวไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คน
หลีซูซูเชื่อว่าในอนาคตถานไถจิ้นจะฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยม แต่เรื่องการลักขโมยสิ่งของเช่นนี้ นางคิดว่าไม่ใช่เขา
ตู้อี๋เหนียงพูดเสียงแหลม “ไม่ใช่เจ้า หรือยังจะเป็นคุณชายคนอื่นๆ ในจวนเล่า จื้อจื่อ จวนแม่ทัพของพวกเราใจดีรับตัวเจ้าไว้ เจ้ากลับตอบแทนเช่นนี้น่ะหรือ หรือเป็นเพราะตั้งแต่เล็กไม่มีคนอบรมสั่งสอน ตอนนี้มือเท้าจึงไม่สะอาด”
วาจานี้เอ่ยได้ไม่น่าฟังยิ่งนัก
คุณชายสี่ในอ้อมอกของอวิ๋นอี๋เหนียงกระโดดออกจากอกมารดา วิ่งไปตรงหน้าถานไถจิ้นและเตะเขาหนึ่งที “กล้าขโมยของในจวนแม่ทัพ ข้าจะให้ท่านพ่อตีเจ้าให้ตาย!”
อวิ๋นอี๋เหนียงรีบอุ้มคุณชายสี่กลับมา “จั๋วเอ๋อร์ ห้ามพูดจาเหลวไหล!”
หางตาของถานไถจิ้นผุดสีแดงฉานนิดๆ เขาพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ข้าบอกแล้วว่าไม่ใช่ข้า”
เนื่องจากความตรงไปตรงมาของตู้อี๋เหนียงและคุณชายสี่ ภาพการสอบสวนอย่างสันติจึงถูกทำลายไม่มีชิ้นดี
หลีซูซูอึดอัดว้าวุ่นใจอย่างไร้สาเหตุ นางอ้าปากอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่หัวสมองกลับผุดใบหน้าเจ็บปวดรวดร้าวของท่านพ่อ
ท่านเซียนในอาภรณ์สีฟ้าครามพูดว่า “หลายปีมานี้ ผู้สูงศักดิ์ในโลกบำเพ็ญเซียนของพวกเราจิตวิญญาณแตกดับไปนับไม่ถ้วน รวมถึงศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าด้วย พวกเขาตายเพื่อสำนักด้วยน้ำมือของสิ่งชั่วร้ายตนนั้น หลีซูซู เจ้าเป็นความหวังสุดท้ายของโลกบำเพ็ญเพียร เดินทางย้อนไปห้าร้อยปีก่อนครานี้ ห้ามใจอ่อนเป็นอันขาด”
หลีซูซูปรับลมหายใจให้สงบ บอกตนเองซ้ำๆ ว่าถานไถจิ้นหาใช่คนดีอะไร จึงระงับความวู่วามของตนเองเอาไว้ได้
เหลียนอี๋เหนียงแบมือ เผยให้เห็นต่างหูหยกขาววิจิตรประณีตข้างหนึ่ง “เช่นนั้นจื้อจื่อจะอธิบายที่มาของต่างหูข้างนี้ที่พกติดตัวอย่างไร”
ถานไถจิ้นมองต่างหูในมือของเหลียนอี๋เหนียง เม้มปากแน่น
หลีซูซูมองต่างหูข้างนั้นเช่นกัน
เหลียนอี๋เหนียงเอ่ย “ปี้หลิ่ว เจ้ามาดูที ต่างหูข้างนี้ใช่ของคุณหนูสามหรือไม่ หากเป็นของคุณหนูสาม ย่อมเป็นพวกข้าที่เสียมารยาทแล้ว”
ย่อมไม่มีทางเป็นของข้าอยู่แล้ว หลีซูซูคิดในใจ เจ้าของร่างเดิมเกลียดชังถานไถจิ้นยังแทบไม่ทัน แล้วจะมอบของใช้ของสตรีให้เขาได้อย่างไร
หลีซูซูรู้ดี คนอื่นๆ ก็รู้ดีเช่นกัน
หลีซูซูนึกอะไรได้ จึงมองไปยังถานไถจิ้น
นางคิดว่านางรู้แล้วว่านี่เป็นของของใคร
ถานไถจิ้นถึงขั้นเก็บซ่อนไว้กับตัว ความคิดเล็กๆ น้อยๆ อันน่าเวทนาและมืดมนนี้ มิอาจบอกกับผู้ใดได้จริงๆ
ปี้หลิ่วเดินเข้ามาดู “เหลียนอี๋เหนียง ต่างหูข้างนี้มิใช่ของคุณหนูบ่าวเจ้าค่ะ”
“จื้อจื่อจะชี้แจงอย่างไร”
ถานไถจิ้นแววตามืดทะมึน ไม่เอ่ยอะไร หากว่าก่อนหน้านี้ในดวงตาเขายังมีความโกรธแค้นอยู่บ้าง ยามนี้ในดวงตาก็มีเพียงน้ำนิ่งบ่อหนึ่งเท่านั้น
เหลียนอี๋เหนียงย่อกายให้หลีซูซู “คุณหนูสามก็เห็นแล้ว จื้อจื่อไม่ยินดีจะอธิบาย”
เยี่ยหลันอินเอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นขึ้ง “องค์ชายจื้อจื่อ ปกติหลันอินไม่เคยล่วงเกินท่าน ท่านจะคืนของที่อี๋เหนียงตระเตรียมไว้ให้หลันอินกลับมาได้หรือไม่” นั่นเป็นสินเจ้าสาวของข้านะ!
พวกนางถึงขั้นยัดเยียดความผิดอันน่าอัปยศข้อหนึ่งให้กับถานไถจิ้นอย่างง่ายดายเช่นนี้
หลีซูซูรู้สึกว่าเรื่องนี้เหลวไหลเกินไปแล้ว
ถานไถจิ้นเองก็เข้าใจอะไรบางอย่าง จึงยิ้มหยันเอ่ยว่า “ไม่มีสิ่งใดจะกล่าว แล้วแต่พวกท่านจะจัดการ”
หลีซูซูเห็นเขาเผยรอยยิ้มเหยียดหยันออกมาเป็นครั้งแรก แผ่นหลังของเขายืดตรง ยิ้มเสร็จริมฝีปากก็เม้มเป็นเส้นตรงเย็นชา
เหลียนอี๋เหนียงเอ่ยอย่างลำบากใจ “หากบ่าวรับใช้ในจวนขโมยของสำคัญล้ำค่าไป ต้องตีมือสองข้างให้หักและขับออกจากจวน”
อวิ๋นอี๋เหนียงขมวดคิ้ว อดร้องขอความเมตตาเสียงค่อยมิได้ “เหลียนอี๋เหนียง ฐานะของจื้อจื่อ ถึงอย่างไรก็ไม่เหมือนคนทั่วไป จะเอาบ่าวรับใช้มาเปรียบกับเขาได้อย่างไร”
เหลียนอี๋เหนียงพูด “อวิ๋นอี๋เหนียงเข้าใจผิดแล้ว ข้าอนุภรรยามิได้หมายความเช่นนี้ จื้อจื่อย่อมไม่เหมือนบ่าวรับใช้แน่นอน แต่ในเมื่อกระทำความผิด ไม่ว่าเป็นใครล้วนสมควรลงโทษ คุณหนูสาม ท่านคิดว่าให้จื้อจื่อคืนข้าวของกลับมา จากนั้นค่อยลงโทษเล็กน้อยเป็นอย่างไร”
เป็นอย่างไร ไม่เห็นเป็นอย่างไร! คนพวกนี้บ้าไปแล้วหรือ จะตัดสินง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร!
หลีซูซูทนไม่ไหวแล้วจริงๆ นางยืนอยู่ฝ่ายของโลกบำเพ็ญเซียน ไม่ควรพูดแทนจอมมารในอนาคต
ขอเพียงเขายังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าเขาจะมีสภาพอเนจอนาถเพียงใด นางแค่ยิ้มดูเรื่องสนุกก็พอ
กระนั้น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี แม้จะเติบโตแล้ว แต่นางยังคงเป็นหลีซูซู วิหคศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยที่เปี่ยมด้วยความอยากรู้อยากเห็น หว่างคิ้วแต้มแต่งด้วยขนสีแดง ลืมตาขึ้นมาดูโลกในสระสวรรค์อันบริสุทธิ์ที่สุดและหลุบตามองสรรพชีวิต
นางสามารถถือกระบี่สังหารเขาอย่างเปิดเผย ถึงขั้นที่ว่าในอนาคตอาจบดขยี้วิญญาณเทพของเขาให้แหลกลาญอย่างไม่ปรานี แต่นางไม่อาจทำเหมือนคนอื่นๆ ดูหมิ่นดูแคลนเขาเพื่อความสนุก นางมิอาจแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ทำเหมือนสองตาถูกบดบัง ทั้งที่ยังลืมตาอยู่ชัดๆ
หลีซูซูลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยเสียงใส “ข้าไม่เห็นด้วย ในเมื่อเขาเป็นคนของข้า เช่นนั้นเรื่องนี้ข้าจะตรวจสอบเอง จะต้องให้คำชี้แจงกับอี๋เหนียงทุกท่านและพี่หญิงรองอย่างแน่นอน”
เหลียนอี๋เหนียงตะลึงพรึงเพริด เมื่อครู่นี้สอบสวนเสร็จไปแล้วมิใช่หรือ
หลีซูซูตีหน้าขรึมพร้อมมองคนอื่นๆ “อย่างไร ไม่เห็นด้วย? หรือว่าไม่ไว้ใจข้า”
เหลียนอี๋เหนียงรีบยิ้มตอบ “มิกล้า พวกเราย่อมเชื่อใจคุณหนูสามอยู่แล้ว”
หลีซูซูหยิบยันต์คุ้มครองบนพื้นขึ้นมา เดินไปตรงหน้าถานไถจิ้นและยัดใส่มือเขา “ของเก็บให้ดี ขืนปล่อยให้คนแย่งออกมาเหยียบย่ำอีก แม้แต่ข้ายังรู้สึกอายแทน เจ้าบอกว่ามิใช่เจ้า ทางที่ดีก็ขอให้ไม่ใช่เจ้าแล้วกัน! หาไม่แล้วหากข้าสืบพบ…”
เขาช้อนตาดำสนิทจ้องมองนาง
“ข้าจะตีเจ้าให้พิการด้วยตนเอง!” นางหอบหายใจ ถลึงตาใส่เขา พยายามทำให้ตนเองดูดุดันน่ากลัว
ความสว่างไสวในดวงตานาง ยังเหนือกว่าหิมะน้ำแข็งเดือนสิบสองข้างนอก
ถานไถจิ้นมองหญิงสาวตรงหน้าที่ทั้งดุดันทั้งโมโหพลางกำยันต์คุ้มครองสกปรกในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 4 ต.ค. 65 เวลา 12.00 น.