จันทราอัสดง
ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 3 บทที่ 67-69
วันต่อมาหลังจากหลีซูซูได้รับผ้าคลุมศีรษะ เรื่องที่ถานไถจิ้นจะแต่งตั้งหลีซูซูเป็นฮองเฮา ไม่รู้เหตุใดจึงแพร่เข้าไปในราชสำนัก
หากคนที่ถานไถจิ้นจะแต่งตั้งเป็นฮองเฮาเป็นคนอื่น ขุนนางใหญ่ทั้งหลายไม่กล้ายุ่งเรื่องภายในครอบครัวของเขาแน่ ทว่าคนที่เขาเลือกกลับเป็นหลีซูซู
แม่ทัพใหญ่เยี่ยเซี่ยวของแคว้นศัตรูกดข่มแคว้นโจวมาเกือบยี่สิบปีจนหายใจไม่ออก บัดนี้ฝ่าบาทกลับจะแต่งบุตรีของโจรแซ่เยี่ยเป็นฮองเฮา!
ขุนนางฝ่ายบุ๋นต่างคิดไปไกล หากวันใดวันหนึ่งข้างหน้าหญิงสกุลเยี่ยผู้นั้นเกิดความมักใหญ่ใฝ่สูง ให้กำเนิดพระโอรสสายตรง ต้าโจวย่อมเหมือนตกอยู่ในกำมือของสกุลเยี่ยทางอ้อม
เหล่าขุนนางใหญ่ตัดสินใจกราบทูลทัดทานทันที
ไม่พูดถึงเรื่องอื่น ข้างนอกองค์ชายแปดยังจ้องจะลงมืออยู่! ฝ่าบาทแต่งบุตรีของโจรแซ่เยี่ยเป็นฮองเฮา มิใช่สูญเสียการสนับสนุนจากราษฎรไปทั้งหมดหรือ
มิเพียงพวกเขา แม้กระทั่งหยางจี้ที่เชื่อฟังถานไถจิ้นเสมอมายังรู้สึกว่าไม่ดีนัก
หยางจี้ว่า “หากฝ่าบาทโปรดปรานคุณหนูสามสกุลเยี่ย สามารถแต่งตั้งนางเป็นเหม่ยเหรินได้ หากพอพระทัยจริงๆ แต่งตั้งเป็นฟูเหรินก็ได้เช่นกัน ทว่าตำแหน่งฮองเฮาหากมอบให้บุตรีของเยี่ยเซี่ยว ในสายตาของปวงชน การกระทำของฝ่าบาทย่อมไม่แตกต่างอันใดกับการขายแว่นแคว้น”
ถานไถจิ้นฟังแล้วโต้แย้งโดยสัญชาตญาณทันที “ใครบอกเจ้าว่าเราชอบนาง!”
หยางจี้อึ้งงัน ประเด็นสำคัญใช่เรื่องนี้ที่ใดเล่า ท่านหลงประเด็นแล้วฝ่าบาท
สองคนจ้องตากันครู่หนึ่ง ถานไถจิ้นพูดเสียงเบาว่า “นางต้องการเพียงตำแหน่งฮองเฮา”
อ้อ ต้องการสิ่งใดท่านก็ให้สิ่งนั้น ยังจะบอกว่าไม่ชอบนาง?
หยางจี้ทัดทานอย่างไร้เรี่ยวแรง “ใต้เท้าเจี่ยงกับขุนนางเก่าแก่อีกหลายคนยังคุกเข่าอยู่ข้างนอก ฝ่าบาท ขุนนางเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่สนับสนุนท่านขึ้นครองราชย์ คงมิอาจปล่อยให้พวกเขาถวายฎีกาตาย* จริงๆ กระมัง”
แววตาของถานไถจิ้นมีแต่ความเหยียดหยัน
หยางจี้ถอนหายใจ รู้สึกจนปัญญายิ่ง ในความคิดเขาการแต่งตั้งหลีซูซูเป็นฮองเฮาเป็นเรื่องที่มีแต่โทษไม่มีประโยชน์สักนิด ผู้คนทั่วหล้าไม่เห็นด้วย หากถานไถจิ้นจะทำเช่นนี้ให้ได้ ย่อมมีแต่จะทำให้เหล่าขุนนางผิดหวัง
เรื่องนี้หาข้อสรุปไม่ได้เป็นเวลาหลายวัน แม้กระทั่งเยี่ยปิงฉางที่อยู่ในตำหนักในยังรู้เรื่อง
มีใต้เท้าแซ่ไช่ผู้หนึ่ง เพื่อเรียกร้องให้ถานไถจิ้นเปลี่ยนใจ ถึงขั้นโขกศีรษะกับราชรถของเขา
คนในวังแอบซุบซิบกัน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มเดาว่าคราวนี้ฝ่าบาทคงจะไม่แต่งตั้งฮองเฮาแล้ว
ตอนนี้เยี่ยปิงฉางเป็นเพียงผู้เดียวในตำหนักในที่มียศศักดิ์ นางอุ่นน้ำแกงด้วยตนเองและยกไปให้ถานไถจิ้น
นางเดินผ่านวังเฉาฮวาที่มวลบุปผาบานสะพรั่ง ยังไปไม่ถึงตำหนักหน้าของถานไถจิ้น ก็พบกับเว่ยสี่ที่เดินมาด้วยฝีเท้าเร่งร้อนเสียก่อน
ขันทีเฒ่าใบหน้าซีดขาว เห็นเยี่ยปิงฉางแล้ว ใช้เวลาครู่ใหญ่จึงปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้ ก่อนจะคารวะเยี่ยปิงฉาง
เยี่ยปิงฉางมองปราดเดียวก็เห็นคราบโลหิตบนตัวของเว่ยสี่ที่ยังไม่แห้งไป
“คารวะฟูเหริน บ่าวเฒ่ามีเรื่องเร่งด่วน ต้องขอตัวก่อน” เว่ยสี่วิ่งไปหลายก้าว ก่อนจะหันกลับมาเตือนด้วยความหวังดี “วันนี้ที่ตำหนักของฝ่าบาท…ไม่เหมาะที่ฟูเหรินจะไปเยือน ฟูเหรินกลับวังไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”
เยี่ยปิงฉางตอบ “ขอบคุณเว่ยกงกงที่เตือนข้า”
เว่ยสี่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รีบมุ่งหน้าต่อไป
เยี่ยปิงฉางสังเกตเห็นว่าสถานที่ที่เว่ยสี่ไปก็คือวังเฝ่ยชุ่ย
ฝีเท้านางชะงัก มิได้ฟังคำเตือนของเว่ยสี่ ยังคงก้าวเดินไปข้างหน้าต่อ
ด้านหน้าตำหนักอันยิ่งใหญ่โอ่โถง เลือดสดๆ ไหลคดเคี้ยวออกมา หัวคนกลิ้งหลุนๆ มาหยุดข้างชายกระโปรงของเยี่ยปิงฉาง
เสี่ยวฮุ่ยที่อยู่ข้างหลังหวีดร้องเสียงหลง
เยี่ยปิงฉางหน้าซีดเซียวเล็กน้อย
องครักษ์เยี่ยอิ่งข้างหลังปิดปากเสี่ยวฮุ่ยเอาไว้พลางเอ่ยเสียงเย็นว่า “ฟูเหริน ล่วงเกินแล้ว ตอนนี้ฝ่าบาทติดธุระอยู่ ไม่สะดวกจะพบฟูเหริน ขอเชิญฟูเหรินกลับไปก่อนเถอะ”
เยี่ยปิงฉางรีบพยักหน้าทันใด
องครักษ์เยี่ยอิ่งจึงยอมปล่อยมือจากเสี่ยวฮุ่ย
เสี่ยวฮุ่ยแข้งขาสั่นไปหมด นางยืนชิดติดกับเยี่ยปิงฉาง
เยี่ยปิงฉางไม่กล้ามองอีก นางรีบพาเสี่ยวฮุ่ยหันหลังจากไปทันที
ตอนที่หลีซูซูถูกเว่ยสี่ตามตัวมา องครักษ์เยี่ยอิ่งกำลังทำความสะอาดคราบเลือดบนพื้น
อาทิตย์อัสดงแดงดุจโลหิต ฮ่องเต้ในอาภรณ์สีนิลประทับอยู่บนยกพื้นสูงที่มีขั้นบันไดทอดลงมา มือถือกระบี่เล่มหนึ่ง มองดวงตะวันสีแดงเพลิงตรงขอบฟ้าอย่างเหม่อลอย รอบกายมีไอเย็นเยียบแผ่อวล นิ้วมือกำด้ามกระบี่แน่น
นางกำนัลและขันทีรอบด้านถูกไล่ออกไป
รอบบริเวณทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว แต่กลิ่นคาวโลหิตเข้มข้นกลับมิอาจสลายไปได้
หลีซูซูเหลือบมองกระบี่ในมือถานไถจิ้น เขาเองก็เงยหน้า มองเห็นนางเช่นกัน
สองคนสบตากันครู่หนึ่ง หลีซูซูย่อตัวลงตรงหน้าเขา พูดเสียงค่อยว่า “เจ้าฆ่าคน”
เขามองนางครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มนาง
“เราทำไปก็เพื่อเจ้า” เขาคลายมือปล่อยกระบี่ ความเย็นชาหม่นหมองในดวงตาสลายไป ไม่รู้คิดถึงสิ่งใด จึงหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ย “เจ้าอยากเป็นฮองเฮา ไช่เหล่า* บอกว่าเว้นแต่เขาตาย เราจึงฆ่าเขาเสีย”
หลีซูซูพลันพูดอะไรไม่ออก นางรู้สึกเหมือนมีก้างติดคอ ทางหนึ่งรู้สึกคลื่นเหียน ครั้นมองสบดวงตาเรียบนิ่งของเขาแล้ว นางกลับสั่นสะท้านทั้งที่ไม่หนาว
ถานไถจิ้นเอานิ้วแตะริมฝีปากเป็นการบอกให้นางเงียบพร้อมเอ่ยอย่างสุขุม “วางใจ จะไม่มีใครรู้ว่าเราฆ่าคน ไช่เหล่าถึงวัยเกษียณและกลับบ้านเกิดแล้ว เขาตายภายใต้ดาบของโจรภูเขา”
หลีซูซูมองเขาด้วยสีหน้าย่ำแย่ “เหตุใดเจ้าจึงให้เว่ยสี่กงกงไปตามข้ามา”
ถานไถจิ้นยิ้มน้อยๆ “พวกเขาล้วนไม่ยอมให้เราแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮา เราต้องการให้เจ้าเห็นว่าเราทำเพื่อเจ้าอย่างไรบ้าง”
หางตาของชายหนุ่มเจือคาวโลหิต เมื่อรอยยิ้มสลายไป สองมือของเขาก็โอบไหล่หลีซูซู ดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด
โกวอวี้พูดอย่างขุ่นเคือง “เขาเป็นอะไรของเขา คนทั่วไปชอบใครผู้หนึ่ง มิใช่ต้องพยายามทำดีกับนาง คิดเผื่อนางทุกเรื่องหรือ”
ถานไถจิ้นทำเช่นนี้ เป็นการเพิ่มแรงกดดันในใจให้เจ้านายน้อยของมันชัดๆ เขาฆ่าคนแล้ว ยังต้องการให้นางรู้ว่าเขาฆ่าคนก็เพื่อนาง ช่างวิปริตอะไรเช่นนี้!
ในอ้อมกอดเขามีแต่กลิ่นคาวโลหิตเยียบเย็นคล้ายสนิมเหล็ก หลีซูซูเบือนหน้าหนี รู้สึกอยากจะวางหน้าเขาลงบนพื้นและเหยียบให้จมดิน
เขาพูดขึ้น “เยี่ยซีอู้”
“อะไร” หลีซูซูเอ่ยปากอย่างหงุดหงิด
“แต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮาไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย ยังสร้างปัญหาให้เราตั้งมากมาย”
“ข้าบังคับเจ้าหรือไร”
“ดังนั้น ถ้านับจากนี้ไปเจ้าไม่ดีต่อเรา” เขาพูดเองเออเอง กระซิบเบาๆ ข้างหูนาง น้ำเสียงทั้งทุ้มต่ำและเยียบเย็น ประหนึ่งงูพิษที่พยายามจะรัดตัวนางไว้ “เราไม่มีทางละเว้นเจ้า”
นางเงยหน้าขึ้น เห็นความรู้สึกเคว้งคว้างที่ถูกซุกซ่อนไว้เป็นอย่างดีภายใต้สีหน้าเย็นชาของชายหนุ่ม
บางทีตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการเดินก้าวนี้ถูกต้องหรือไม่
ละทิ้งสงคราม ละทิ้งความตั้งใจในการแสวงหาอำนาจที่มีมาโดยตลอด เขามองเห็นว่าเบื้องหน้าเป็นหลุมลึก รู้ว่าหากเดินเข้าไปอาจจะหกล้มจนหัวร้างข้างแตกได้ สูญสิ้นทุกสิ่งได้ แต่เขายังคงเดินเข้าไป
หลีซูซูปล่อยมือ ก่อนจะตอบรับว่า “อืม” แผ่วเบา
แผงอกที่อยู่ข้างหูส่งเสียงเต้นตุบๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างสงบ หากมิใช่เพราะรู้ว่าพญามารไม่มีใยรักมาตั้งแต่เกิด นางคงรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้ช่างเหลวไหลจนดูเหมือนเรื่องตลก
* ดอกตู้เจวียน หรือดอกนกแขกเต้า เป็นชื่อไม้ดอกในสกุลกุหลาบพันปี (Rhododendron) วงศ์กุหลาบป่า ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสิบดอกไม้งามของจีนและได้ชื่อว่าเป็นซีซือในหมู่ดอกไม้
* ฎีกาตาย หมายถึงการที่ขุนนางล่วงเกินฮ่องเต้เพื่อให้ความคิดเห็นของตนเองเป็นที่ยอมรับ เช่น อาจใช้ความตายของตนเองเข้าแลกเพื่อถวายฎีกาหรือหยุดยั้งนโยบายบางอย่าง
* ‘เหล่า’ ถูกนำมาต่อท้ายแซ่ของคนจีนสมัยโบราณเพื่อใช้เป็นคำเรียกขานผู้สูงวัยอย่างสุภาพ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 12 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.