จันทราอัสดง
ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 3 บทที่ 70-71
บทที่ 70
ดังคาด การตายของใต้เท้าไช่ถูกปกปิดไว้ ประกาศกับภายนอกว่าเขาเจอโจรภูเขาระหว่างเดินทางกลับบ้านเกิดไปใช้ชีวิตในบั้นปลาย ทว่าขุนนางทั้งหลายล้วนฉลาดเป็นกรด ใครๆ ก็เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หากฮ่องเต้เปลี่ยนเป็นคนอื่น อาจก่อให้เกิดความขุ่นขึ้งในหมู่ขุนนาง แต่ฮ่องเต้คือถานไถจิ้น เขาบอกจะฆ่าคนก็ฆ่าคน ไม่ปิดบังแม้แต่น้อย ไม่ต้องการชื่อเสียง ทั้งไม่ต้องการหน้าตา ไม่ว่าใครก็มิอาจรับมือกับคนประเภทนี้ได้
เอาเป็นว่า ไม่รู้ว่าใครยอมถอยเป็นคนแรก หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเป็นฝ่ายไปหาเรื่องถานไถจิ้นอีก
ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่เอิกเกริก เพียงพริบตาพลันถึงเดือนหก
ก่อนถึงงานพิธีเถลิงราชย์หนึ่งวัน หลีซูซูลองสวมชุดหงส์ ชุดหงส์สีแดงวิจิตรมีรายละเอียดซ้อนกันหลายชั้น ด้ายทองทอประกายระยับใต้แสงแดด ช่างปักสามสิบหกคนยุ่งง่วนอยู่สองเดือนเต็ม จึงจะปักชุดนี้ออกมาสำเร็จ
แม้แต่เนี่ยนมู่หนิงยังจำต้องยอมรับว่าอาภรณ์ชุดนี้งดงามเป็นพิเศษ
หลีซูซูเพิ่งจะถอดชุดออก ก็มีคนมารายงานว่าเยี่ยปิงฉางมา
“อากาศไม่เลว น้องหญิงสามจะออกไปเดินเล่นด้วยกันหรือไม่” เยี่ยปิงฉางชักชวน
นางขอบตาแดงเรื่อ ทุกคนต่างมองออกว่านางต้องร้องไห้มาแน่ๆ เหล่านางกำนัลมองหลีซูซู ครั้นหันไปมองเยี่ยปิงฉาง ดวงตาต่างฉายแววเห็นใจ
หลังจากแต่งตั้งฟูเหรินท่านนี้แล้ว ฝ่าบาทก็ไม่เคยค้างคืนกับนาง ฟูเหรินท่านนี้น่าสงสารทีเดียว
หลีซูซูหัวเราะในใจพลางกล่าว “เอาสิ”
สองคนจึงเดินวนรอบอุทยานหลวง เนี่ยนไป๋อวี่ตามติดพวกนางไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว
เยี่ยปิงฉางยิ้มขื่นเอ่ยว่า “น้องหญิงสามอาจจะคิดว่าข้ามาวันนี้เพื่อเอ่ยวาจายุแยง แต่อันที่จริงหลังจากเซวียนอ๋องจากไป ข้าก็เข้าใจแล้วว่าสุดท้ายวาสนาของข้าก็เบาบางยิ่งนัก มิอาจเทียบกับน้องหญิงสามได้”
หลีซูซูพูดตอบ “วาสนามากวาสนาน้อยล้วนขึ้นอยู่กับตนเองสั่งสมมา การฝากความหวังไว้กับผู้อื่นจะนับเป็นอะไร”
เยี่ยปิงฉางอึ้งงันไป ก่อนจะพยักหน้าตอบ “กล่าวเช่นนี้ก็มิผิด ล้วนไม่สำคัญอีกแล้ว พรุ่งนี้น้องหญิงสามก็จะได้เป็นฮองเฮาของต้าโจว ข้าอยากขอร้องน้องหญิงสามเรื่องหนึ่ง ช่วยขอพระเมตตาจากฝ่าบาทแทนข้าทีได้หรือไม่ ให้ข้าออกจากวัง ไม่ว่าจะหาเรือนข้างนอกให้ข้าอยู่ หรือส่งข้ากลับแคว้นซย่า สำหรับข้าแล้ว ล้วนเป็นพระมหากรุณาธิคุณ”
นางมองหลีซูซูอย่างวิงวอนพลางกุมมือหลีซูซูไว้
หลีซูซูดึงมือตนเองกลับมา “เจาหวาฟูเหรินอยากขอความเมตตา สามารถไปขอเองได้ เกรงว่าข้าคงมิอาจช่วยเหลืออะไร”
คนงามหลั่งน้ำตา สำหรับหลีซูซูแล้วไม่ส่งผลใดๆ แม้แต่น้อย นางดึงมือเยี่ยปิงฉางออก “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวกลับวังก่อน”
เยี่ยปิงฉางมองเงาหลังของนาง หดมือกลับมา สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์
โกวอวี้พูดด้วยความฉงน “นางคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ เป็นไปไม่ได้กระมังว่าจะอยากออกจากวังหลวงแคว้นโจวจริงๆ”
หลีซูซูแบมือออก
โกวอวี้อุทานอย่างแปลกใจ “เอ๋? นี่คือสิ่งใด เยี่ยปิงฉางยัดใส่มือท่านเมื่อครู่นี้หรือ”
เห็นเพียงในมือของหลีซูซูมีอัญมณีสีเขียวอ่อนเม็ดหนึ่ง
หลีซูซูพูด “นี่เป็นอัญมณีของท่านย่า”
ครั้งนั้นตอนสกุลเยี่ยถูกเนรเทศ สมบัติในบ้านถูกริบไปหมด ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเยี่ยซ่อนอัญมณีเม็ดนี้ไว้เพียงอย่างเดียว
นี่เป็นของชิ้นแรกที่ท่านปู่มอบให้ท่านย่าสมัยสาวๆ ก่อนหน้านี้ตอนหลีซูซูแบกฮูหยินผู้เฒ่าเดินเท้าไปหลิ่วโจว ทุกๆ ค่ำคืนอันหนาวเหน็บฮูหยินผู้เฒ่าจะเล่าเรื่องในอดีตให้นางฟัง
อัญมณีที่ท่านย่าหวงแหนถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมาอยู่ในมือเยี่ยปิงฉางได้
หลีซูซูเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ
โกวอวี้พูด “ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ ฮูหยินผู้เฒ่าเยี่ยอยู่กับถานไถจิ้นตลอด ย่อมไม่เกิดเรื่องอะไรอยู่แล้ว เยี่ยปิงฉางก็เหมือนกับท่าน อยู่ในวังหลวงตลอดเวลา เป็นไปไม่ได้ที่นางจะทำอะไรฮูหยินผู้เฒ่า เมื่อสองวันก่อนท่านยังได้รับจดหมายแจ้งว่าปลอดภัยจากฮูหยินผู้เฒ่าอยู่เลยมิใช่หรือ”
พูดถึงจดหมาย ชั่วขณะที่เห็นอัญมณี หลีซูซูก็เกิดความสงสัยในใจ นางรีบหยิบจดหมายที่ท่านย่าเขียนถึงตนเป็นระยะออกมาเทียบกันโดยละเอียด บนจดหมายหลายฉบับเหล่านั้น ลายมือเหมือนกันทุกประการ
หลีซูซูหัวใจจมดิ่ง ต่อให้เป็นคนผู้เดียวกันเขียน ก็มิอาจเขียนตัวอักษรแต่ละตัวในจดหมายทุกฉบับให้เหมือนกันทุกประการได้
นางกำจดหมายและอัญมณีแน่น พลันแน่ใจในเรื่องหนึ่งว่า…เกิดเรื่องกับท่านย่าแล้ว
หลีซูซูเดินกลับไปโดยเร็ว ดังคาด เยี่ยปิงฉางยังรอนางอยู่ที่เดิม
เยี่ยปิงฉางยืนอยู่ท่ามกลางมวลบุปผา ไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่หลีซูซูย้อนกลับมา นางเอ่ยเสียงนุ่มนวล “ตอนนี้น้องหญิงสามอยากพูดคุยกับข้าดีๆ แล้วใช่หรือไม่”
หลีซูซูหันกลับไปพูดกับเนี่ยนมู่หนิง “หยกปี้สี่* ที่ต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ยังอยู่ที่ตำหนักเฉิงเฉียน เจ้าช่วยไปเอาที่ตำหนักเฉิงเฉียนแทนข้าได้หรือไม่”
เนี่ยนมู่หนิงขมวดคิ้ว
หลีซูซูพูดต่อ “ให้คนอื่นไปเอาก็ได้”
หยกปี้สี่เป็นของสำคัญถึงเพียงนั้น ไม่ว่าอย่างไรเนี่ยนมู่หนิงก็มิอาจให้คนอื่นไปเอา นางกำชับองครักษ์เยี่ยอิ่งเบาๆ ให้เฝ้าหลีซูซูไว้ให้ดี ก่อนจะมุ่งหน้าไปวังรุ่ยหมิงทันที
สองพี่น้องเดินไปบริเวณภูเขาจำลอง หลีซูซูล้วงหยิบอัญมณีออกมาพลางถามว่า “นี่มันอะไรกัน”
ท่าทีอ่อนแอบอบบางของเยี่ยปิงฉางหายไป นางมองหลีซูซูด้วยสีหน้าซับซ้อน
“เจ้าอย่าตำหนิข้าเลยที่เพิ่งมาหาเจ้าในตอนนี้ เกิดเรื่องกับท่านย่าแล้วจริงๆ สมัยยังมีชีวิตอยู่ เซวียนอ๋องมีนักรบพลีชีพกองหนึ่ง มีชื่อว่าองครักษ์เฉียนหลง ก่อนหน้านี้ใต้เท้าผังซ่อนตัวอยู่ในเรือนของท่านย่า ภายหลังพอเขาตาย ก็ไม่พบร่องรอยขององครักษ์เฉียนหลง นักรบพลีชีพกองนี้ ฝ่าบาทต้องการ องค์ชายแปดที่แฝงตัวอยู่ในหมู่ชาวบ้านก็ต้องการเช่นกัน”
หลีซูซูพูดขึ้นต่อคำนาง “ดังนั้นเจ้าจะบอกข้าว่าองค์ชายแปดไม่กล้าล่วงเกินถานไถจิ้น จึงจับตัวท่านย่าไป หมายจะคาดคั้นถามหาเบาะแสขององครักษ์เฉียนหลงหรือ”
“มิผิด” เยี่ยปิงฉางเอ่ย “ปกติเจ้ามิอาจไปเยี่ยมท่านย่า แต่มารดาของข้าไปได้ ก่อนหน้านี้นางไปเยี่ยมท่านย่า คนไม่อยู่แล้ว พบแต่อัญมณีเม็ดนี้”
หลีซูซูมองประเมินอีกฝ่ายอย่างเย็นชา
โกวอวี้พูดเสียงค่อย “สิ่งที่เยี่ยปิงฉางพูดน่าจะเป็นความจริง”
เยี่ยปิงฉางพูดต่อ “หลายวันก่อนองค์ชายแปดปล่อยข่าวออกมาว่าให้นำองครักษ์เฉียนหลงไปแลกกับชีวิตของท่านย่า มิฉะนั้นแล้ว…”
เยี่ยปิงฉางพูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “คืนนี้ยามจื่อก็คือเวลาที่ท่านย่าจะเดินทางไปปรโลก ข่าวนี้คนในเมืองหลวงต่างรู้กันทั่ว เจ้ายังจำช่วงหนึ่งที่ฝ่าบาทออกจากวังได้หรือไม่ ก็คือช่วงที่เขาออกไปตามหากองทัพกบฏขององค์ชายแปด ฝ่าบาทปิดบังเจ้า คนในวังก็ไม่กล้าบอกเจ้า เดิมทีข้าก็ไม่อยากเสี่ยงชีวิต แต่นั่นก็เป็นท่านย่าของข้าเหมือนกัน”
เยี่ยปิงฉางพิจารณาหลีซูซู “องครักษ์เฉียนหลง…อยู่ในมือเจ้าจริงหรือไม่”
หลีซูซูหัวเราะเสียงเย็น “ไม่จริง”
หลีซูซูพูดต่อ “เจ้ามีแผนการอะไรข้าไม่สน หากให้ข้ารู้ว่าเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ท่านย่าเกิดเรื่อง ต่อให้ข้าต้องผิดคำสัญญา ก็จะทำให้เจ้าเจ็บปวดไปชั่วชีวิต”
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเยี่ยเป็นคนเดียวที่มอบความรักความผูกพันเยี่ยงคนในครอบครัวให้กับหลีซูซูหลังจากนางมาเยือนโลกมนุษย์ ไม่ว่าอย่างไรหลีซูซูก็ไม่อยากเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเกิดเรื่อง
เวลาที่องค์ชายแปดกำหนดคือยามจื่อ หลีซูซูต้องหาองครักษ์เฉียนหลงให้เจอก่อนยามจื่อ ทั้งยังต้องเอาองครักษ์เฉียนหลงไปแลกคน เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้เลย