จันทราอัสดง
ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 3 บทที่ 70-71
อาคมตามรอยใช้ไม่ได้ผลในโลกมนุษย์แม้แต่น้อย
โกวอวี้เห็นตาซ้ายของหลีซูซูมีริ้วโลหิต จึงรีบเอ่ยว่า “เจ้านายน้อย อย่าสิ้นเปลืองพลังของบุปผาเหนือพิภพอีกเลย ท่านอยู่ในร่างมนุษย์ มิอาจใช้พลังเช่นนี้ได้”
หลีซูซูเงียบงันไม่พูดจา
อันที่จริงการที่นางค้นหามาถึงที่นี่ได้อวัยวะภายในก็เริ่มเจ็บนิดๆ แล้ว เป็นเช่นที่โกวอวี้ว่า ทุกครั้งที่ใช้พลังจากบุปผาเหนือพิภพ ล้วนเป็นการทำร้ายร่างกายนี้ของนางอย่างยิ่งยวด
นางมองสีท้องฟ้า หวังเพียงก่อนฟ้าสางจะตามหาท่านย่าพบและพาท่านย่ากลับไปได้
ใกล้ยามจื่อเข้าไปทุกที ในพุ่มไม้มีดวงตาสีเขียวอ่อนของหมาป่าปรากฏเป็นครั้งคราว พวกมันจ้องมองมาที่นางนิ่งๆ แต่มิกล้าเข้าใกล้
หลีซูซูรู้สึกไม่ปกตินัก อากาศเหมือนมีกลิ่นแปลกประหลาดเจือปนอยู่ ไม่รอให้นางขบคิดให้ลึกซึ้ง ในอกก็ร้อนลวก หยาดน้ำตาดับวิญญาณมีตะปูสามดอกปรากฏขึ้นอีกครั้ง
รวมเป็นหกดอกแล้ว…
ในยามนี้เสียงวัตถุแหวกอากาศลอยมา หลีซูซูอาศัยสัญชาตญาณหลบลูกธนูแทบจะในทันที
เสียงปรบมือดังขึ้น ชายหนุ่มในชุดสีม่วงอมแดงก้าวออกมาจากในป่า เขาดูแล้วอายุยังไม่มาก คิ้วตากลับเจือไอดุดัน พอเห็นหลีซูซูแล้ว เขาก็มีท่าทางตื่นเต้นยินดีเหมือนนายพรานที่เห็นเหยื่อ
“เจ้าก็คือคุณหนูสามสกุลเยี่ยกระมัง รอเจ้าอยู่ตั้งนาน ในที่สุดเจ้าก็มาเสียที”
“องค์ชายแปด?” หลีซูซูถาม “ท่านย่าของข้าล่ะ”
“ยายเฒ่าผู้นั้นน่ะหรือ วางใจ นางยังไม่เป็นอะไรชั่วคราว ตราประทับขององค์รักษ์เฉียนหลงอยู่ที่ใด เจ้านำมาด้วยหรือไม่”
อันที่จริงตั้งแต่เห็นองค์ชายแปด หัวใจของหลีซูซูก็จมดิ่ง นางสิ้นเปลืองพลังของบุปผาเหนือพิภพมาถึงที่นี่ เดิมไม่อยากให้องค์ชายแปดจับได้ ตั้งใจว่าหาท่านย่าพบแล้วจะพาอีกฝ่ายจากไปอย่างเงียบๆ ไม่คิดว่าองค์ชายแปดจะรอนางอยู่ที่นี่
องค์ชายแปดอายุน้อยกว่าถานไถจิ้นสองปี คิ้วของเขาหนาเข้ม มิได้งามเฉิดฉันเหมือนถานไถจิ้น แต่ค่อนไปทางคมคาย
โกวอวี้พูดเสียงขรึม “จะเป็นเยี่ยปิงฉางหรือไม่ที่คาบข่าวมาบอก”
การคาดเดาเช่นนี้น่ากลัวยิ่งนัก หากเป็นเยี่ยปิงฉางจริง แสดงว่านางหมายเอาชีวิตของท่านย่าชัดๆ
หลีซูซูตั้งสติ ล้วงหยิบหยกปี้สี่ในแขนเสื้อที่ถูกบังอยู่ครึ่งหนึ่งออกมา แล้วเก็บกลับไปอย่างรวดเร็ว “ข้าเอามาแล้ว ให้ข้าพบท่านย่า”
องค์ชายแปดมองประเมินนางด้วยสีหน้ายากจะคาดเดา
“นั่นคือตราประทับหรือ”
หลีซูซูตอบ “ใช่”
ความจริงเป็นหยกปี้สี่ของฮองเฮาต่างหาก หัวใจนางเต้นตึกตัก หวังเพียงองค์ชายแปดจะมองเห็นไม่ชัด
องค์ชายแปดส่ายหน้าด้วยท่าทางเสียดาย “ไม่อยู่ในมือเจ้าหรอกหรือ เจ้าไม่รู้แม้กระทั่งว่าตราประทับองครักษ์เฉียนหลงคือสิ่งใดด้วยซ้ำ”
เขายิ้มด้วยสีหน้าแปลกพิกล “ของในมือเจ้า กลับดูคล้ายคลึงกับหยกปี้สี่ของฮองเฮาที่พระมารดาข้าปรารถนาทว่ามิอาจได้มาครอบครอง หรือว่าเสด็จพี่ที่โหดเหี้ยมอำมหิตของข้าเป็นคนมอบให้เจ้า”
หลีซูซูสบถเบาๆ ไม่พูดพล่ามกับเขาอีก นางยกมือขึ้นจู่โจมไปที่เขาทันที
องค์ชายแปดหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นอันตราย “เด็กน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม มาเยือนถิ่นข้าแล้ว ยังกล้าโอหังถึงเพียงนี้ ในเมื่อเชื้อผสมชั้นต่ำผู้นั้นให้ความสำคัญกับเจ้า เจ้ายิ่งต้องอยู่ที่นี่”
ผึ้งอัคคีแดงนับไม่ถ้วนปรากฏตัวกลางอากาศตั้งแต่เมื่อใดก็สุดรู้
โกวอวี้พูด “ไม่ได้การ คนในราชวงศ์ถานไถเลี้ยงปีศาจกันทุกคน!”
แรกเริ่มเดิมทีผึ้งอัคคีแดงก็เล็ดลอดมาจากเชื้อพระวงศ์ของแคว้นโจว ในมือขององค์ชายแปดไม่รู้มีของอย่างอื่นอีกมากมายเพียงใด
หลีซูซูหนีตอนนี้ยังทันอยู่ แต่นางจากไปแล้ว ท่านย่าจะทำอย่างไร นางชักกระบี่ออกมาสังหารผึ้งอัคคีแดงสองตัวที่จู่โจมนาง
ทว่าผึ้งอัคคีแดงมีจำนวนมากเกินไป ประหนึ่งรังผึ้งถูกแทงทะลุอย่างไรอย่างนั้น ผึ้งอัคคีแดงทั้งหมดบินตรงมาหาหลีซูซู
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลีซูซูยากที่จะหลบหนี นางหมุนตัวและทิ้งตัวลงบนพื้น ลำตัวของผึ้งอัคคีแดงมีขนาดใหญ่มหึมา นางพยายามซ่อนตัวในที่เล็กแคบ และประชิดเข้าไปใกล้องค์ชายแปด
องค์ชายแปดพูด “ไม่เจียมตัว!”
เขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่นานถึงเพียงนี้ ในมือย่อมมีเดิมพันอยู่ไม่น้อย เบื้องบนมีพี่ชายสองคน ถานไถหมิงหล่างกับถานไถจิ้นล้วนเป็นทรราชที่จิตใจไร้คุณธรรม ดังนั้นคนที่สนับสนุนเขาจึงมากขึ้นทุกที
ผึ้งอัคคีแดงไม่เคลื่อนไหวอีก เบื้องหลังของหลีซูซูกลับมีตาข่ายสีแดงดุจโลหิตผืนหนึ่งกางออกกะทันหัน
โกวอวี้ตกใจ “เป็นตาข่ายละลายศพ! เจ้านายน้อยหลบไป”
ข้างหน้าเป็นผึ้งอัคคีแดง ข้างหลังเป็นตาข่ายละลายศพ หลีซูซูพลันเข้าใจว่าการประมือกับถานไถจิ้นก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเขาที่ยอมลงให้นาง เพราะเขาไม่เคยใช้กระบวนท่าพิฆาตใดมาก่อน
องค์ชายแปดเอาชนะถานไถจิ้นไม่ได้ ทว่าตนเมื่อมาถึงที่นี่ กลับตกอยู่ในอันตรายทันที
ช่วยไม่ได้ เพื่อหลบตาข่ายละลายศพที่อยู่ข้างหลัง นางได้แต่เลือกกระโจนเข้าใส่ผึ้งอัคคีแดง
จังหวะที่ปากของผึ้งอัคคีแดงกำลังจะแทงเข้ามาที่ไหล่นาง ผีเสื้อสีเงินบินฝ่าฝูงผึ้งอัคคีแดง สาดแสงไปทั่วราตรีมืดมิดในป่า ผึ้งอัคคีแดงคล้ายตระหนักถึงบางสิ่ง พวกมันสลายตัวไปอย่างรวดเร็วเหมือนกำลังหนีอะไร
หลีซูซูล้มลงบนพื้นอย่างอเนจอนาถ รองเท้าหุ้มแข้งสีนิลลายเมฆาข้างหนึ่งปรากฏตรงหน้า
นางเงยหน้าและเห็นถานไถจิ้น เขามองนางด้วยแววตาเสียดสี “ความสามารถมีแค่นี้ ยังจะกล้ามารนหาที่ตาย”
เขาหันหน้าไปมององค์ชายแปด คลี่ยิ้มเย็นชาพลางเอ่ยว่า “เดรัจฉานน้อย เราให้เจ้าเลือกว่าอยากตายเยี่ยงใด”
หลีซูซูคิดในใจ สมแล้วที่เป็นพี่น้องกัน แม้แต่คำด่ายังเหมือนกัน ถานไถจิ้นหนักข้อกว่าด้วยซ้ำ
องค์ชายแปดเดือดดาล “วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้มาไม่ได้กลับ!”
ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นถิ่นขององค์ชายแปด หมอกสีชมพูประหลาดแผ่กระจายในอากาศ ธงกลืนวิญญาณเบื้องหลังถานไถจิ้นหมุนติ้ว เพียงพริบตาก็สลายกลุ่มหมอกสีชมพูไปได้
องค์ชายแปดพูด “เป็นไปไม่ได้!”
ถานไถจิ้นสั่ง “ฆ่าทิ้งเสีย”
หลีซูซูลุกขึ้นมาแล้วไปยืนข้างกายถานไถจิ้น
ตอนนี้สถานการณ์ขององค์ชายแปดไม่สู้ดี จึงตั้งใจจะล่าถอยไปก่อน
หลีซูซูคิดถึงท่านย่า นางทำท่าจะตามไป
ทว่าหลีซูซูเพิ่งเดินไปข้างหน้าได้ก้าวเดียว ถานไถจิ้นก็คว้าข้อมือนางไว้พร้อมเอ่ยเสียงขุ่น “เจ้าอยากตายหรือไร”
“ท่านย่า…” นางพูดได้เพียงสองคำ ประกายสีฟ้าเงินจากลูกธนูก็วาบเข้ามา
ถานไถจิ้นกอดนางไว้ทันใด พานางหลบลูกธนู
ลูกธนูดอกนั้นปักลงบนลำต้นของต้นไม้ จากนั้นดอกแล้วดอกเล่า มีธนูยิงเข้าใส่พวกเขาไม่หยุด
เนี่ยนไป๋อวี่หัวใจจมดิ่ง นี่มิใช่คนขององค์ชายแปด แต่เหมือนองครักษ์เฉียนหลงมากกว่า
จังหวะที่ถูกถานไถจิ้นกอด หัวสมองของหลีซูซูว่างเปล่า มิใช่เพราะเหตุผลอื่นใด แต่เป็นเพราะหยาดน้ำตาดับวิญญาณในอกร้อนลวกกะทันหัน แปรเปลี่ยนเป็นตะปูเก้าดอกอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย ความรักของพญามารหนุ่มเป็นเหมือนอากาศที่มิอาจจับต้องได้ ชีวิตของเขาดุจน้ำนิ่ง แม้กระทั่งหัวใจหวั่นไหวก็ยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเงียบๆ เหมือนน้ำที่นิ่งสนิทบ่อหนึ่ง
ง่ายดายถึงเพียงนั้น แต่กลับกำลังเดือดพล่าน
ตอนที่พวกเขาล้มลงไป เขาถึงขั้นใช้ฝ่ามือรองรับศีรษะนางไว้โดยไม่รู้ตัว
อากาศราวกับจับตัวแข็งในดวงตานางอย่างเฉียบพลัน
ถานไถจิ้นอยู่ใกล้นางถึงเพียงนั้น ความตึงเครียดในดวงตาเขา นางมองเห็นได้ชัดเจน ร่างกายของชายหนุ่มปกป้องนางไว้ ข้างหลังเป็นลูกธนูที่พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว
บางสิ่งร่วงหล่นจากตัวของหลีซูซู นางมองไปพบว่าหนอนกู่ที่เสี่ยวซานมอบให้นางถูกฝนธนูแทงจนลำตัวขาดเป็นสองท่อน ทว่านางกลับไม่มีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้ เพราะถ้าจะสังหารเขา ตอนนี้เป็นโอกาสอันดีที่สุด
แม้แต่โกวอวี้ยังพูดอย่างตื่นเต้น “เจ้านายน้อย เร็วเข้า!”
นี่ต่างหากคือเป้าหมายสุดท้ายของพวกเขา!
หลีซูซูกัดฟัน ส่งหยาดน้ำตาดับวิญญาณออกไป ถานไถจิ้นใช้แขนโอบกอดนางแน่น อึดใจต่อมาตะปูสีทองสามดอกปรากฏข้างหลังเขา และตอกเข้าไปในหัวใจของเขา
ถานไถจิ้นก้มหน้าลงอย่างงงงัน เขามองดวงตาไร้ความรู้สึกคู่นั้นของนาง
ใบหน้าเขาขาวซีด เลือดไหลออกจากมุมปาก ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถึงปล่อยมือจากนาง “เพราะอะไร”
ดวงเนตรกระจ่างใสของหลีซูซูจ้องมองเขา “เดิมทีข้าก็มาเพื่อฆ่าเจ้าอยู่แล้ว”
“ฆ่าข้า?” เขาทวนคำเสียงแผ่วรอบหนึ่ง “ไม่มีทาง เจ้ามิใช่จะ…จะเป็นฮองเฮาของข้าหรือ…”
ตะปูดับวิญญาณอีกสามดอกตอกเข้าสู่หัวใจเขาอีกครั้ง ขัดจังหวะคำพูดของเขา
ใบหน้าเขาซีดขาวราวกระดาษ เงยหน้าทันใด ใช้สายตาเย็นเยียบปานน้ำแข็งจ้องมองนาง สีดำแผ่ลามในดวงตาเขา
“เจ้าหลอกข้ามาโดยตลอด เจ้าไม่เคยชอบข้าเลย เจ้าก็เหมือนกับพวกเขา คิดเพียงอยากให้ข้าตาย!”
หลีซูซูรู้สึกถึงความผิดปกติ อยากจะรีบตอกตะปูดับวิญญาณสามดอกสุดท้ายเข้าไปในหัวใจเขา
ทันใดนั้นเขาก็โค้งริมฝีปากอย่างแปลกประหลาด
ลมราตรีในเดือนหกแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกทันตา พัดผ่านเส้นผมของหลีซูซู
ตรงตำแหน่งหัวใจของเขา แผ่นเกล็ดสีฟ้าเปล่งแสงจางๆ
โกวอวี้สูดหายใจด้วยความตระหนก “เยี่ยปิงฉางมอบเกล็ดป้องหัวใจให้เขา!”
ตะปูสามดอกสุดท้ายชนเข้ากับเกล็ดป้องหัวใจ และแตกสลายเป็นผุยผง
ใบหน้าของชายหนุ่มซีดขาวน่ากลัวราวกับศพ เขายกมือขึ้น หลีซูซูลอยกระเด็นไป
นางใช้พลังจากบุปผาเหนือพิภพมากเกินไป เดิมก็เปรียบเหมือนลูกธนูแผ่วปลายอยู่แล้ว เมื่อถูกแรงสะท้อนจากเกล็ดป้องหัวใจ จึงกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง
กระบี่เล่มหนึ่งพาดอยู่บนคอนาง
หัวใจของหลีซูซูจมดิ่งลงไม่สิ้นสุด หัวสมองกับร่างกายเย็นเฉียบไปหมด ตะปูดับวิญญาณสามดอก…แตกสลายแล้ว
ภารกิจของนางล้มเหลว
กระนั้นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือชายหนุ่มย่อตัวลงมองนาง โลหิตไหลออกมาจากมุมปากเขาไม่หยุด “เจ้าคิดว่าข้าโง่มาก น่าขันมากใช่หรือไม่”
หลีซูซูไออย่างรุนแรง
เขาบีบคอนาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดคล้ายหัวเราะคล้ายร้องไห้ “ความชอบของข้าเจ้าไม่ไยดี เช่นนั้นก็ลองรับความชังจากข้าดูบ้างแล้วกัน”
หลีซูซูเอ่ยวาจาไม่ออกแม้แต่คำเดียว เกล็ดป้องหัวใจสาดแสงวูบ นางพลันหมดสติไป