จันทราอัสดง
ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 3 บทที่ 70-71
“วันนี้เป็นวันที่สิบห้า”
มีคนพูดข้างหูนางเช่นนี้
สิบห้า?
ตอนนั้นนางยังตอบสนองไม่ทัน ไม่รู้ว่าคำพูดนี้หมายความว่าอะไร ความคิดในหัวยุ่งเหยิงไปหมด แม้จะเป็นค่ำคืนของฤดูคิมหันต์ แต่ไอเย็นในอากาศยังคงทำให้นางตัวสั่น
สิบห้า!
หลีซูซูลืมตาขึ้นทันใด
ในคุกใต้ดินเย็นเยือก นางนอนอยู่บนเตียงศิลาเรียบง่ายหลังหนึ่ง รอบด้านมืดมิด ยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า อีกด้านของเตียงศิลามีเงาคนดำทะมึนสายหนึ่งนั่งนิ่งอยู่
หลีซูซูพบว่าทั้งข้อมือและข้อเท้าล้วนถูกบ่วงเชือกวารีอ่อนผนึกพลังเอาไว้
ดวงตาเยียบเย็นในความมืดคู่นั้นมองดูนางดิ้นรนอย่างเยาะหยัน
หลีซูซูหัวใจจมดิ่งลงไม่หยุด
“หวาดกลัวมากใช่หรือไม่” เขาหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยเหมือนคนเสียสติ “เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าก็รู้สึกเหมือนเจ้าในตอนนี้ วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า คนผู้หนึ่งที่อาศัยอยู่ในความมืด มักหวังว่าพรุ่งนี้จะมีแสงสว่าง ทว่าเจ้าดูสิ โลกนี้ไม่มีใครช่วยข้า ก็เหมือนตอนนี้…ที่ไม่มีใครมาช่วยเจ้าเช่นกัน”
หลีซูซูหาหนอนกู่บนตัวโดยสัญชาตญาณ ก่อนจะพึมพำเสียงแหบพร่า “ไม่มีหนอนกู่แล้ว…”
ท่าทีของนางทำให้ถานไถจิ้นหัวเราะอย่างเย็นชาอีกครั้ง
หนอนกู่ถูกทำลายไปท่ามกลางฝนธนูขององครักษ์เฉียนหลงแล้ว แต่บังเอิญวันนี้กลับเป็นวันที่สิบห้า พิษหนอนไหมใยวสันต์ในตัวนางจะกำเริบ
“บางทีเจ้าอาจหัวเราะเยาะข้าลับหลังหลายครั้ง ดูสิ คนหน้าโง่ที่ชื่อถานไถจิ้น เจ้าเคยเฆี่ยนตีเขา ด่าทอเขา ดูหมิ่นเขา แต่เขายังคงตัดใจฆ่าเจ้าไม่ได้ เขาถึงขั้นเคยคิดอยากให้เจ้าเป็นฮองเฮา ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาผู้หนึ่ง แก่เฒ่าและตายไปด้วยกัน
เขาโง่เง่ายิ่งนัก ทั้งที่รู้ดีว่าเจ้าหนีเขาไปอีกครั้ง ยังคงเลือกออกมาตามหาเจ้า เพราะกลัวว่าเจ้าจะถูกเดรัจฉานองค์ชายแปดผู้นั้นสังหาร
ทว่าลูกธนูขององครักษ์เฉียนหลงและตะปูหกดอกที่ตอกเข้ามาในหัวใจทำให้เขาตาสว่างในที่สุด เขามันช่างต่ำตมยิ่งนัก ตอนที่เจ้าฆ่าข้า เคยเกิดความลังเลสักนิดบ้างหรือไม่”
น้ำเสียงเจือแววสิ้นหวังทว่าคลุ้มคลั่งของเขา ประหนึ่งเสียงครวญคร่ำต่ำทุ้มที่ดังอยู่ในห้องลับมืดสลัว น้ำเสียงนี้ถึงขั้นกล่าวได้ว่าสงบเยือกเย็น
ในใจหลีซูซูรู้สึกหวาดหวั่นอย่างยากจะอธิบาย ตัวนางร้อนผ่าว ลมหายใจถี่กระชั้น
คำนวณเวลาดู หนอนไหมใยวสันต์อยู่ในร่างกายนางมาปีครึ่งแล้ว ฤทธิ์มิได้บางเบาเหมือนเช่นครั้งสองครั้งแรกที่พิษกำเริบ เมื่อไม่มีหนอนกู่ ร่างกายนี้ของนางหากไม่ได้รับการถอนพิษก็อาจถึงขั้นตายได้
นางกำเสื้อด้านหน้าแน่น ในใจต่อต้านดิ้นรน อยากอยู่ห่างจากเขาหน่อย ทว่าฤทธิ์ยาในร่างกายกำลังค่อยๆ เผาผลาญสติสัมปชัญญะนาง
ถานไถจิ้นพูดขึ้น “วางใจ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้อยากเป็นฮองเฮาของข้าแล้ว ข้าก็คงไม่โง่เขลาถึงเพียงนั้นอีก ข้าหาได้ต้องการอนุไม่ แม้แต่อนุเจ้าก็ไม่ได้เป็นด้วยซ้ำ เพราะเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่”
เขาเอ่ยพึมพำ เหมือนมารร้ายที่รำพึงเบาๆ “น่าเสียดายที่ข้ามิได้ตายไปอย่างที่เจ้าหวัง เช่นนั้นนรกของเจ้าก็กำลังจะมาเยือนแล้ว”
เตียงศิลาใต้ร่างแข็งกระด้างดุจน้ำแข็ง หลีซูซูมิได้รู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย
โกวอวี้ไม่มีการตอบสนอง ราตรีมืดมิดจนยื่นมือออกไปมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า นางทรมานยิ่งนัก นิ้วมือคว้าจับเตียงศิลาใต้ร่างแน่น เหมือนปลาที่ใกล้ตาย แต่จนแล้วจนรอดกลับมิได้ยื่นมือออกไปหาเขา
ประกายหม่นจางในดวงตาถานไถจิ้นค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาทิ่มแทงผู้คน เขาลุกขึ้นและเดินจากไป
หลีซูซูล้มลงบนเตียงศิลา นางหอบหายใจอย่างทุรนทุราย เบื้องหน้ามีแต่ไอโลหิต แม้กระทั่งห้องลับยังมองเห็นไม่ชัด โลหิตไหลเวียนอย่างรวดเร็ว ปากและจมูกของนางมีโลหิตไหลออกมา
นางกระอักเลือดคำหนึ่ง รู้สึกว่าสัญญาณชีวิตของตนเองกำลังจะหายไป
หนาวเหลือเกิน…
ขณะที่ลมหายใจของนางแผ่วอ่อนลงทุกที เสียงฝีเท้าที่หายลับไปเดินกลับมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว มีคนกุมมือนาง ระหว่างความชิงชังกับความโกรธแค้น ไม่รู้อารมณ์ใดที่มีมากกว่า เขาเปี่ยมด้วยไอสังหารเหี้ยมเกรียม บีบกระดูกนิ้วมือนางจนแตก
ถานไถจิ้นช้อนร่างกายครึ่งท่อนบนของนางขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดันนางเข้ากับผนังห้องลับเย็นเฉียบ
“แทนที่จะปล่อยให้เจ้าตายเช่นนี้ มิสู้ให้ข้าปลิดชีวิตเจ้าด้วยตนเอง!”
ความเจ็บปวดเช่นนี้กลับทำให้หลีซูซูคืนสติ
ไม่ จะตายไม่ได้ นางคิดในใจ จะตายไป…อย่างนี้ไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
นางสั่นสะท้าน กุมมือผู้มา ประสานนิ้วทั้งสิบกับเขาอย่างแนบแน่น เล็บเกือบจะฝังลงบนหลังมือของเขาเสียด้วยซ้ำ
“ช่วยข้า…”
หญิงสาวตัวสั่นเทาในอ้อมอกเขา นิ้วมือนางถูกเล็บข่วนจนได้เลือด ทั้งยังข่วนไปบนผิวเขาจนได้แผลอีกหลายแผล
เขาเงียบงันเนิ่นนาน ก่อนจะหลับตาลงและหัวเราะออกมา “เจ้าก็…”
หญิงสาวกอดคอเขาตัวสั่นระริก
ราตรีแตกสลายไปเบื้องหน้า หลีซูซูหอบหายใจคำโต
นิ้วมือเจ็บ ร่างกายเจ็บระบมไปหมด ความหวาดกลัวที่ภารกิจล้มเหลวและความเจ็บปวดจากพิษหนอนไหมใยวสันต์กำเริบ ทำให้นางสั่นสะท้านเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง
นิ้วมือของถานไถจิ้นสอดเข้าไปในเส้นผมนาง หญิงสาวเหมือนเถาวัลย์ที่เลื้อยป่ายผาชัน ดูดสารอาหาร พยายามที่จะมีชีวิตรอดต่อไปบนร่างกายเขา
ฟ้าใกล้สว่างแล้ว
ตอนหลีซูซูตื่นขึ้นมา คนข้างกายกำลังหัวเราะเบาๆ ไม่รู้กำลังเยาะหยันนางหรือหัวเราะตนเอง
ภายหลังเขาไม่หัวเราะอีก แต่ร้องเพลงที่เคยได้ยินในแคว้นซย่าสมัยเยาว์วัยแผ่วเบา
นั่นเป็นบทเพลงที่คนในวังนับไม่ถ้วนนำมาร้องฆ่าเวลาในราตรีอันเงียบเหงา ค่ำคืนที่น่ากลัวและอ้างว้างเหล่านั้น เขาไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย นอกจากของสกปรกเหล่านี้
บัดนี้เขากำลังร้องให้นางฟัง
เขาจับมือนางและยกขึ้นมาจุมพิต กดริมฝีปากลงน้ำหนักบนกระดูกนิ้วของนางที่เจ็บระบมนั่น
“เจ็บหรือไม่” เขาอยากฆ่านางเหลือเกิน แต่กลับเลือกให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไป “เทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดในใจข้า
ในความมืดมิด มุมปากของถานไถจิ้นมีเลือดซึมออกมา เขาหัวเราะเสียงดังพลางร้องเพลงต่อไป
นิ้วมือถูกคนกุมประสานตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ ถานไถจิ้นกุมมือนางแน่นด้วยท่าทีแข็งกร้าว
ในความมืดมิดไร้ขอบเขต ถานไถจิ้นทั้งเยียบเย็นและเอาแต่ใจ
“รู้สึกได้หรือไม่” เขาสัมผัสถูกน้ำตาบนเส้นผมนางที่เย็นเฉียบไปแล้ว ก่อนจะเช็ดมันออกไปอย่างไม่ใส่ใจนัก
ความแค้นของเขาอย่างไรเล่า
* หยกปี้สี่ คือทัวร์มาลีน