จันทราอัสดง
ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 3 บทที่ 72-73
บทที่ 72
“มองไม่เห็น?” เมื่อฟังข่าวนี้แล้ว ถานไถจิ้นนิ่งสงบยิ่งนัก
นางกำนัลกลัวเหลือเกินว่าถานไถจิ้นจะตำหนิตนเรื่องที่หลีซูซูมองไม่เห็น นางเอ่ยเสียงสั่น “ฝ่าบาท จะให้เชิญหมอหลวงไปตรวจรักษาแม่นางหรือไม่เพคะ”
ชายหนุ่มในชุดสีนิลฟังแล้วโค้งริมฝีปากอย่างเสียดสี
“เราขอแค่ให้นางยังมีลมหายใจ แค่ดวงตาคู่เดียวเท่านั้น เกี่ยวอันใดกับเราเล่า”
นางกำนัลเข้าใจความหมายของเขาแล้ว นางพรูลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก
เดือนเจ็ดฤดูฝนยังไม่ผ่านพ้นไป ตอนหยางจี้เดินเข้ามาก็เห็นฝ่าบาทกำลังเลี้ยงดูบุปผาดอกหนึ่ง บุปผาดอกนั้นยังไม่ผลิบาน มีเพียงดอกตูมเล็กๆ เท่านั้น เป็นบุปผาสีฟ้า เหมือนผลึกน้ำแข็งที่งดงาม
หยางจี้รู้สึกแปลกใหม่ จึงมองนานกว่าปกติ
ถานไถจิ้นเอ่ยเสียงเรียบขึ้น “บุปผาอมตะที่แคว้นเสินชาส่งมาให้ ว่ากันว่ารักษาได้สารพัดโรค ช่วยระงับความเจ็บปวด”
นิ้วมือเย็นเฉียบของชายหนุ่มไล้ผ่านบุปผาอมตะ บุปผาที่งดงามดอกนั้นแผ่กลิ่นหอมรวยรื่น
“เสินชามอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้ฝ่าบาท ต้องการสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ถานไถจิ้นเผยรอยยิ้มเหยียดหยัน “ต้องการตำแหน่งฮองเฮาแคว้นโจวของข้า”
เดือนที่แล้วถานไถจิ้นเปลี่ยนชื่อรัชสมัยเป็น ‘จิ่งเหอ’ แคว้นซย่าที่เคยแข็งแกร่งที่สุดตกอยู่ใต้อาณัติของแคว้นโจว ถานไถจิ้นในฐานะองค์เหนือหัวคนใหม่ สำหรับแว่นแคว้นทั้งหลาย ย่อมเป็นเป้าหมายที่ควรค่าแก่การผูกสัมพันธไมตรี
แคว้นเสินชารู้สถานการณ์มาแต่ไหนแต่ไร ถานไถจิ้นยังมิได้ยกทัพไปตีพวกเขา พวกเขากลับส่งของขวัญชิ้นใหญ่มาให้ก่อน หวังว่าถานไถจิ้นจะแต่งองค์หญิงของพวกเขาเป็นฮองเฮา
สำหรับฮ่องเต้ การสมรสเชื่อมสัมพันธ์ก็เป็นหนทางในการถ่วงดุลอำนาจวิธีหนึ่งเหมือนกัน
หยางจี้สังเกตสีหน้าของถานไถจิ้นพลางเอ่ยอย่างระมัดระวัง “พระประสงค์ของฝ่าบาท…”
ถานไถจิ้นเขี่ยบุปผาดอกนั้น เนิ่นนานจึงเอ่ยว่า “บุปผารับไว้ คนไม่ต้องการ ช่วยเราเลือกของขวัญสักชิ้นส่งกลับไป”
หยางจี้มองเขาแวบหนึ่งและผงกศีรษะรับคำ
หลีซูซูอยู่ในห้องลับฮุ่นตุ้นอีกหลายวัน นางกำนัลที่ดูแลนางกลับมาวางท่าโอหังดังเดิม
ถานไถจิ้นมิได้ปล่อยนางออกไป ทั้งมิได้ให้หมอหลวงมารักษานาง
ในใจหลีซูซูคาดเดาผลลัพธ์เช่นนี้ได้อยู่แล้ว นางก้มศีรษะลง มองดูนิ้วมือที่กระดูกแตกหักเคลื่อนจนผิดตำแหน่ง พยายามอดทนกับความเจ็บปวดต่อมันกลับเข้าที่เอง ทว่าร่างกายที่ผ่ายผอมลงทุกวันยังคงอ่อนแอลงเรื่อยๆ นางฝืนกลืนอาหารลงไปมากกว่านี้หน่อย สุดท้ายกลับพบว่าเปล่าประโยชน์
ค่ำคืนวันหนึ่ง นางไอเป็นโลหิต
หลีซูซูรู้ว่าพลังเทพของบุปผาเหนือพิภพเริ่มจะสูญไป โชคร้ายของมันกำลังจะมาเยือน
และนางเดิมพันแพ้
ถานไถจิ้นเคยพูดตั้งมากมายหลายครั้งว่าอยากให้นางตาย ครั้งนี้เขาต้องการชีวิตนางจริงๆ แล้ว
หลีซูซูหลับไปอย่างมึนงงไม่ได้สติ วันต่อมานางกำนัลผลักนางอย่างแรง พบว่านางไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย มุมปากเต็มไปด้วยเลือด จึงได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
เรื่องกระอักเลือดทำให้หลีซูซูได้ออกจากห้องลับฮุ่นตุ้นในที่สุด มีคนจับชีพจรให้นาง คุยอะไรบางอย่างเสียงเลือนราง
“แม่นางท่านนี้ร่างกายอ่อนแอ แต่กระหม่อมดูไม่ออกว่ามีปัญหาอะไร ส่วนดวงตานาง เกรงว่าคงอยู่ในที่มืดนานเกินไป จึงมองไม่เห็นชั่วคราวเท่านั้น”
อีกด้านหนึ่ง คนอีกคนมิได้เอ่ยอะไรเนิ่นนาน
หลีซูซูได้ยินเพียงเสียงแค่นหัวเราะเบาๆ
“ในเมื่อนางชอบเล่นลูกไม้ถึงเพียงนี้ เราจะสงเคราะห์นาง อยากออกมาหรือ เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่แล้วกัน”
พลังอบอุ่นขุมหนึ่งถูกถ่ายมาบนข้อมือ จวบจนหัวค่ำหลีซูซูจึงฟื้นขึ้นมาในที่สุด
โกวอวี้มองร่างกายผ่ายผอมของเจ้านายน้อยอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนจะร้องไห้โฮเสียงดัง
นับตั้งแต่มันมีสติหยั่งรู้เป็นต้นมา นี่เป็นครั้งที่สองที่มันร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจถึงเพียงนี้ ครั้งก่อนคือตอนที่มารดาของหลีซูซูจากไป
โกวอวี้ถ่ายปราณวิเศษที่ได้จากการฝึกบำเพ็ญในโลกมนุษย์ปีกว่าให้หลีซูซูทั้งหมด ในที่สุดก็ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
หลีซูซูหอบหายใจ เบื้องหน้ามืดมิด แต่นางรู้ว่านี่คือตอนกลางวัน ดวงตานางมองไม่เห็นโดยสิ้นเชิงแล้ว
โกวอวี้มองเห็นสีหน้าหม่นหมองของหลีซูซู
หลังเงียบงันเนิ่นนาน มันตัดสินใจและพูดเสียงเบาว่า “ให้ข้าพาท่านกลับบ้านเถอะ”
…กลับไปยังสำนักเหิงหยางในอีกห้าร้อยปีให้หลัง ไปบรรพตฉางเจ๋อ สถานที่เกิดของท่าน ย่อมไม่ต้องเจ็บปวดทรมานเหมือนตอนนี้อีก
ดวงตาของท่านจะเห็นแสงสว่างอีกครั้ง ท่านจะกลับไปเป็นเซียนได้อีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องแบกรับความทุกข์ทรมานใดๆ อีก
หญิงสาวโซซัดโซเซลงจากเตียง ริมฝีปากของนางแห้งจนแตก รอบด้านไม่มีใครสักคน เงียบสนิทจนน่ากลัว
โกวอวี้รีบพูด “ไปทางซ้าย ระวัง! ใช่ เดินไปข้างหน้า เจอโต๊ะหรือไม่”
หลีซูซูควานหาถ้วยชาบนโต๊ะ และรินน้ำครึ่งถ้วยให้ตนเอง
โกวอวี้เห็นนิ้วมือนางบวมแดง ไม่เหลือความเรียวยาวขาวเนียนเช่นในอดีต มันทนดูต่อไปไม่ไหว
หลีซูซูเอ่ยปากเสียงแหบ “ข้ากลับไปแล้ว ท่านพ่อ อาจารย์อาทั้งหลาย ศิษย์พี่ใหญ่กงเหยี่ย ยังมีคนอื่นๆ ในสำนักจะทำอย่างไร”
ทุกคนจะต้องตาย เหมือนในฝันร้ายที่มารฝันสร้างขึ้นมา ทุกคนจะตายไปทีละคน
ผู้อาวุโสทั้งแปดใช้พลังตบะที่มีจนหมดสิ้น ส่งนางย้อนกลับมาเมื่อห้าร้อยปีก่อน หากนางหนีกลับสำนักเหิงหยาง ย่อมไม่มีโอกาสครั้งที่สองอีกแล้ว
โกวอวี้เงียบงัน
มันคือโกวอวี้เก้าชั้นฟ้า ถือกำเนิดในยุคบรรพกาล แต่กลับมิอาจเทียบกับวัตถุเทพอื่นๆ ที่ถือกำเนิดในช่วงเวลาเดียวกันและสามารถเรียกลมเรียกฝนได้ มันเป็นเพียงหินหยกบรรพกาลที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินเป็นเวลายาวนานเกินจะนับ พุทธิปัญญาก่อกำเนิดอย่างช้าๆ จึงมีรูปลักษณ์ในเวลาต่อมา
มันฝึกบำเพ็ญมากี่ปีแล้วก็มิอาจรู้ได้ เดิมทีควรหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับขุนเขาและสายน้ำในสามพิภพ เทียบกับความสงสารเห็นใจที่หลีซูซูมี มันกลับรู้สึกรับผิดชอบต่อสรรพชีวิตมากยิ่งกว่า
ช่วยเหลือเจ้านายน้อยกำจัดพญามาร ปกป้องคุ้มครองสรรพชีวิต นี่ต่างหากคือความหมายในการดำรงอยู่ของมัน
มันทุกข์ใจจนมิอาจทุกข์ใจมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว นานครู่ใหญ่จึงตัดสินใจพูดว่า “ตะปูดับวิญญาณสลายไปแล้ว ภารกิจล้มเหลวแล้ว ข้าจะพาท่านกลับไป!”
กำไลบนข้อมือเปล่งแสงทันที
หลีซูซูรีบกดโกวอวี้ไว้ทันใด
“เจ้านายน้อย?”
หลีซูซูพูด “รออีกสักนิด ข้า…มีวิธีสุดท้าย”
“อะไรนะ!” โกวอวี้มองนางอย่างตกตะลึง
ดวงหน้าขาวซีดของหญิงสาวเผยรอยยิ้มจางๆ ประหนึ่งบุปผายามเช้าที่ต้องน้ำค้างอรุณ…ผลิความงามอันเปราะบางออกมาอย่างเต็มที่ก่อนตาย