ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 3 บทที่ 74-75 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

จันทราอัสดง

ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 3 บทที่ 74-75

บทที่ 75

สวมกำไลเข้ากับข้อมือของหญิงสาวแล้ว ถานไถจิ้นหลุบตามอง พบว่านางผอมลงมากเหลือเกิน

แต่ก่อนนางสดใสร่าเริง เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา บัดนี้พวงแก้มซูบตอบลง แม้แต่ข้อมือยังบางลงกว่าเดิม หลีซูซูผิวขาวมาก ถานไถจิ้นแค่ออกแรงนิดเดียว ก็ทิ้งรอยสีเขียวม่วงไว้บนร่างกายนางแล้ว ตอนนี้ความขาวของนางกลายเป็นความขาวซีดเหมือนคนป่วย

เขาพลันรู้สึกว่าตนเองไม่มีความสุข

ดวงตานางไร้ประกาย ประหนึ่งดอกถานฮวาที่ดับสูญในราตรี เมื่อถูกบังคับให้สวมใส่กำไลฝูจื่อที่บอกว่าเป็น ‘เครื่องทรมาน’ หญิงสาวมิได้ดิ้นรน ใบหน้าไม่มีแววต่อต้านมากนัก

ถานไถจิ้นพลันคิดถึงคุณหนูห้าสกุลเสิ่น คุณหนูห้าสกุลเสิ่นก็เคยว่าง่ายเชื่อฟังเช่นนี้ในช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุเหมือนกัน

ทั้งที่เขาจับนางไว้ได้แล้ว ในใจกลับเหมือนถูกของหนักกดทับอยู่ ตามหลักความรู้สึกนี้ควรจะทรมาน ทว่าหัวใจที่เต้นอยู่ในโพรงอกเขายังคงเต้นอย่างเนิบช้าสม่ำเสมอ หัวใจของเขาเยียบเย็น เขาถึงขั้นรู้สึกว่านางที่เป็นเช่นนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน อย่างน้อยนางก็หนีไปที่ใดไม่ได้อีก เขาไม่ต้องถามองครักษ์ลับทุกครั้งที่ลืมตาตื่นมาว่าวันนี้นางยังอยู่หรือไม่

จิงหลันอันเคยบอกว่าเขาเป็นตัวประหลาดน้อยที่ห่มหนังคน แต่ปราศจากอารมณ์ความรู้สึก

แต่ก่อนเขาไม่เห็นด้วย ยามนี้กลับเข้าใจแล้วว่าคำพูดนี้กล่าวได้ถูกต้อง อารมณ์ทั้งหมดที่เลียนแบบมา สุดท้ายก็เป็นเพียงของปลอม ในใจเขามีเพียงทะเลสาบน้ำแข็งที่ปราศจากริ้วคลื่น

เกลียดเขาจะเป็นอะไรไป ถึงอย่างไรความรักของนางก็ไม่มีทางมอบให้เขาอยู่แล้ว เหลือความเกลียดชังไว้ก็ยังดี

คนในห้องยังไม่จากไปสักที หลีซูซูรู้สึกได้ จึงลืมตาเอ่ยปากไล่เสียงเย็นชา “ออกไป”

ถานไถจิ้นเหมือนมองเห็นรูปปั้นเทพธิดาแก้วหลิวหลีที่ปรายตามองเขาอย่างเย็นชาในวัยเยาว์อีกครั้ง นางอยู่ในสภาพนี้แล้ว ยังคงวางตัวสูงส่งถึงเพียงนั้น

หลีซูซูคิดว่าถานไถจิ้นได้ยินสองคำนี้แล้วจะจากไป ทว่าอึดใจต่อมามือข้างหนึ่งกลับสัมผัสใบหน้านาง

นางได้ยินเขาถามอย่างลังเล “เจ้าอยากออกไปจากวังเย็นหรือไม่”

ตั้งแต่ตะปูดับวิญญาณหกดอกตอกลงบนหัวใจเขา นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขามิได้สัมผัสนางด้วยเรี่ยวแรงเหมือนอยากจะบีบนางให้ตาย

หลีซูซูปัดมือเขาออก พลันหัวเราะเอ่ย “เจ้าจะยอมให้ข้าออกจากแคว้นโจวหรือไม่ล่ะ”

ถานไถจิ้นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนเอ่ยอย่างขุ่นขึ้ง “ตอนนี้ไม่ว่าที่ใดเจ้าก็ไปไม่ได้ทั้งนั้น ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าอย่าเพ้อฝันเลยว่าจะหนีไปที่ใดได้”

หลีซูซูพูดตอบเขา “สิ่งที่ข้าต้องการเจ้าให้ไม่ได้ สิ่งที่เจ้ามอบให้ข้าไม่ต้องการ ฉะนั้นออกหรือไม่ออกไป จะมีอันใดแตกต่างกัน”

นิ้วมือของถานไถจิ้นกำแน่น นี่นางกำลังบอกว่าการอยู่ข้างกายเขา ทำให้นางทรมานยิ่งกว่าอยู่ในวังเย็นหรือ

เขาไม่ควรถามคำถามนี้เลย สตรีผู้หนึ่งที่ต้องการชีวิตเขา การที่นางหนาวเหน็บหิวโหย อิดโรยจนมีสภาพดูไม่ได้ นี่ต่างหากคือภาพที่เขาอยากจะเห็น

หลีซูซูคิดว่าพูดชัดเจนถึงเพียงนี้แล้ว ศักดิ์ศรีอันร้ายกาจในตัวถานไถจิ้นจะกระตุ้นให้เขาไปจากเรือนเล็กทรุดโทรมหลังนี้โดยไว ทว่าอึดใจต่อมาข้อมือนางกลับถูกคว้าจับ เขาโน้มตัวทาบกายลงมา

ถานไถจิ้นเม้มปากมองนาง หญิงสาวใต้ร่างเรือนผมสีดำแผ่สยาย นางไม่มีวันรู้ว่ากิริยาท่าทีของนางชวนให้คนใฝ่ฝันถึงมากเพียงใด เหมือนน้ำแข็งก้อนหนึ่งที่ให้ความร้อนอย่างไรก็ไม่ละลาย ทำให้เขาชิงชังในความแข็งกร้าวของนาง แต่อีกทางหนึ่งก็หมายปองความงามบริสุทธิ์ของนางอย่างห้ามใจไม่อยู่

“เจ้าที่อาศัยอยู่ในวังเย็นก็เป็นเพียงทาสหญิงผู้หนึ่งเท่านั้น!”

จากน้ำเสียงเย็นชาดูหมิ่นนี้ หลีซูซูกลับจับความลนลานทำอะไรไม่ถูกและการต่อสู้ดิ้นรนของเขาได้หลายส่วน

หลีซูซูพลันเอ่ยปาก “วันนี้มิใช่วันที่สิบห้า”

ถานไถจิ้นชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนย้อนถามเสียงเย็น “แล้วอย่างไร เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์เลือกอย่างนั้นหรือ”

หลีซูซูตอบเขา “ข้าเพียงอยากบอกว่าข้าไม่มีความรู้สึกใดๆ กับเจ้า หากเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้ายังมีอารมณ์ล่ะก็…”

หลีซูซูมิได้พูดต่อ

ชายหนุ่มที่อยู่บนร่างนางร่างกายแข็งทื่อ อาจเพราะสำหรับบุรุษผู้หนึ่ง คำพูดของนางสร้างความลำบากใจแก่เขาอย่างยิ่ง เขาจับไหล่นางด้วยโทสะที่แปรเปลี่ยนมาจากความอับอาย พินิจนางอย่างเย็นชา “ไม่มีความรู้สึกใดๆ กับข้า? เช่นนั้นเจ้ามีความรู้สึกกับใคร หึ เซียวหลิ่นอย่างนั้นหรือ น่าเสียดายที่เจ้าฆ่าเขาด้วยมือของเจ้าเอง และเขาเองก็ไม่เคยรักเจ้ามาก่อน”

หลีซูซูเม้มปากแน่น

ในที่สุดถานไถจิ้นก็เห็นอารมณ์อื่นบนใบหน้านาง กระนั้นมันกลับทำให้เขาโมโหกว่าเดิม เขากัดฟันเอ่ย “เจ้าค่อยๆ รอความตายอยู่ที่นี่ไปแล้วกัน!”

หลีซูซูรู้สึกโชคดีที่ตนเองมองไม่เห็น จึงไม่ต้องเห็นว่าสีหน้าของเขายามนี้น่ารังเกียจมากเพียงใด นางถูกเขาจับตัวไว้จนรู้สึกอึดอัด จึงผลักเขาออก มือสัมผัสถูกกำไลฝูจื่อบนข้อมือถานไถจิ้นโดยไม่ตั้งใจ

ภายใต้แสงเทียน กำไลสีทองบนข้อมือนางที่เหมือนกันกับเขาทุกประการเปล่งแสงจางๆ

ถานไถจิ้นดึงข้อมือกลับไป สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและจากไป

ภายในห้องเงียบสนิท หลีซูซูหันหลัง นางรู้ว่าคืนวันนี้เป็นวันอะไร นิ้วมือลูบท้องน้อยของตนเอง เงียบงันเนิ่นนาน

นางไม่มีทางให้กำเนิดทายาทแก่พญามาร บุตรของเขาย่อมมีแต่สายเลือดที่ชั่วร้าย หลีซูซูรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่จะได้จากไปโดยไม่มีห่วงใดๆ

 

เยี่ยปิงฉางสีหน้าเยียบเย็น อารมณ์ย่ำแย่ยิ่งนัก

เสี่ยวฮุ่ยยืนอยู่ข้างหลังนาง ทอดถอนใจในใจ ในฐานะสาวใช้ประจำตัว ฝ่าบาททรงค้างคืนที่นี่หรือไม่นั้นนางย่อมรู้ดีที่สุด

เสี่ยวฮุ่ยกลัดกลุ้มใจมาก ฟูเหรินงามถึงเพียงนี้ ฝ่าบาทกลับไม่แตะต้องนาง หรือว่ามีปัญหาด้านนั้นจริงๆ

ลวดลายสีเขียวครามที่ซ่อนเร้นอยู่บนแขนของเยี่ยปิงฉางคล้ายจะปรากฏออกมา นางกำหมัดแน่น “เสี่ยวฮุ่ย เจ้าออกไปเถอะ ข้าอยากพักผ่อนแล้ว”

“เจ้าค่ะ”

เยี่ยปิงฉางมองตราสัญลักษณ์ขององครักษ์เฉียนหลง แววเยียบเย็นแผ่กระจายในดวงตา นางไม่ยอม เหตุใดเยี่ยซีอู้ทรยศถานไถจิ้นเช่นนี้แล้ว นางยังคงเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้

มิอาจเอาชนะโชคชะตาได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ

ตอนที่เยี่ยปิงฉางได้เกล็ดป้องหัวใจมา นางเห็นคำทำนายอนาคตจากในนั้น…สุดท้ายจะมีคนผู้หนึ่งแย่งชิงทุกสิ่งไปจากนาง

บัดนี้เซียวหลิ่นไม่อยู่แล้ว เกล็ดป้องหัวใจแตกสลายแล้ว ผังอี๋จือกลายเป็นเครื่องสังเวย แม้แต่องครักษ์เฉียนหลงก็ล้มตายไปกว่าครึ่ง หรือว่ามีเพียงเยี่ยซีอู้ตายไปเท่านั้น ตนจึงจะสามารถคว้าจับของที่เป็นของตนเอาไว้ได้

เยี่ยปิงฉางมองแสงไฟที่เต้นระริก นัยน์ตาเจือประกายหม่นหมอง

ว่าไปก็แปลก แต่ไรมาฤดูเหมันต์ของแคว้นโจวไม่เคยมีหิมะ

ปีนี้กลับแตกต่างออกไป ช่วงฤดูหนาว หิมะแรกในรอบร้อยปีของแคว้นโจวโปรยปรายลงมา

หนึ่งคืนผ่านไป ฟ้าดินถูกห่มคลุมด้วยสีเงิน วังเย็นอัตคัด เดิมทีหลีซูซูคิดว่าคงได้แต่อดทนกับความหนาวเย็นเช่นนี้เสียแล้ว ทว่าตอนเช้ากลับได้รับ ‘ของพระราชทาน’

ขันทีน้อยที่นำของมาให้มิได้พูดอะไรทั้งนั้น เขาวางของไว้และจากไป ท่าทีเย็นชาเหมือนคนผู้นั้นไม่มีผิด

นิ้วมือของหลีซูซูไล้ผ่านเสื้อบุนวมตัวหนา ผ้านวมนุ่มฟู ทั้งยังสัมผัสได้ถึงเตาอุ่น

โกวอวี้บอกนางว่า “บนพื้นห่างออกไปยังมีถ่านที่ใช้เผาในหน้าหนาว ขันทีวางไว้หลังประตู เจ้านายน้อยระวังหน่อยย่อมไม่สะดุด”

หากจะปล่อยให้นางใช้ชีวิตตามยถากรรมจริงๆ ของเหล่านี้ก็ไม่ควรปรากฏในวังเย็น ไม่ว่าอยากเก็บนางไว้ทรมานอย่างช้าๆ หรือมีจุดประสงค์อื่น แต่ถานไถจิ้นไม่อยากให้นางตาย

ในห้องค่อยๆ อบอุ่นขึ้นอย่างช้าๆ

 

หลีซูซูเก็บรวบรวมไอหยินอยู่นาน รูม่านตาดำเข้มดุจรัตติกาล ทว่าดวงตากลับไร้ประกาย

วิหคน้อยตัวหนึ่งร่อนกายลงเบาๆ ตรงหน้าต่าง มันกระพือปีกสะบัดเกล็ดหิมะออก

หลีซูซูลูบหัวมัน ร่างของวิหคน้อยเลือนหาย ก่อนจะบินจากไปอย่างเงียบเชียบ

โกวอวี้รู้ว่านางคิดจะทำสิ่งใด “เจ้านายน้อยไม่ต้องกลัว โกวอวี้อยู่เคียงข้างท่าน”

หลีซูซูส่ายหน้า “ข้าเฝ้ารอวันนี้…มานานเหลือเกินแล้ว”

วันหยินยามหยินคืออีกสามวันให้หลัง นางรู้ว่าตนเองมิอาจกลับไปยังบรรพตฉางเจ๋อได้อีก ชั่วชีวิตนี้มิอาจเป็นเทพธิดาได้

นางอยากกลับบ้านถึงเพียงนั้น แต่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ความหวาดกลัวในใจนางเพิ่มขึ้นทุกวัน จวบจนตอนนี้ในใจนางเหลือเพียงความหวังที่จะได้รับการปลดปล่อย

สองปีมานี้นางเหนื่อยเหลือเกิน

แต่นางไม่อยากตายอยู่ในวังอันเยียบเย็น ต่อให้จะจากไป นางก็อยากออกไปให้ไกลสักหน่อย เหมือนในปีที่นางฝึกบังคับกระบี่อย่างทุลักทุเล เข้าใกล้ผืนฟ้า นั่นเป็นครั้งที่นางได้ใกล้ชิดกับความอิสรเสรีมากที่สุด

ตอนหัวค่ำ วิหคน้อยที่ถูกพรางกายบินกลับมา มันส่งเสียงจิ๊บๆ สองที

โกวอวี้พูดขึ้นว่า “ปราณหยินอยู่ที่เมืองหลินเวย เป็นสถานที่ที่ทหารกบฏและองค์ชายแปดซ่อนตัวอยู่ ตอนนี้โกวอวี้ไม่ต้องประหยัดพลังวิเศษแล้ว เจ้านายน้อย ข้าจะพาท่านไปเอง”

หลีซูซูเอ่ย “โลกมนุษย์มีปราณมังกรและปราณหยิน ปราณมังกรช่วยให้สรรพชีวิตในแต่ละยุคแข็งแกร่งไม่ดับสูญ ปราณหยินสามารถชักนำอสนีสวรรค์ อีกสองวันให้หลัง พวกเราค่อยไปเมืองหลินเวย”

องค์ชายแปดฆ่าท่านย่า นางไม่มีทางปล่อยให้เขามีชีวิตรอด

เมืองหลินเวยอยู่ไกลออกไปพันหลี่ กว่าถานไถจิ้นจะรู้ นางก็คงจากโลกนี้ไปแล้ว

ไม่ต้องพบเขาอีก ช่างเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก

 

ค่ำคืนที่ลมหิมะผสมปนเป หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวปรากฏตัวในเมืองหลินเวยอย่างเงียบเชียบ

นางถือกระบี่เล่มเล็กที่เหลาจากไม้หลิว ย่ำหิมะที่ทับถม เดินไปยังจวนว่าการประจำเมือง

เบื้องหลังแสงเทียนที่ส่ายไปมา เป็นองค์ชายแปดที่กำลังหาความสำราญอยู่

องค์ชายแปดอับจนหนทางแล้ว ห่างออกไปเพียงหนึ่งกำแพงกั้น เยี่ยฉู่เฟิงนำกองทัพใหญ่หลายแสนมาปิดล้อมพวกเขาไว้ ต่อให้เขามีปีกก็ยากที่จะหนี จึงบังเกิดความรู้สึกทุบกระปุกแตกให้แตกละเอียด*

หลีซูซูคิดไม่ถึงว่าจะพบเยี่ยปิงฉางที่นี่

เยี่ยปิงฉางสวมชุดสีฟ้า มององค์ชายแปดด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย ตอนหลีซูซูเลิกม่านเดินเข้ามา นางตกใจ ลุกขึ้นยืนทันใด “เจ้า…น้องหญิงสาม!”

เยี่ยปิงฉางมีท่าทีลนลานชั่วขณะหนึ่ง ถึงอย่างไรเรื่องที่นางลอบสมคบกับองค์ชายแปดก็ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน หลีซูซูเข้ามาอย่างเงียบเชียบ เป็นการทำลายแผนการของนางโดยตรง

หลีซูซูหันหน้าไป ‘จ้องมอง’ นาง

“เป็นเจ้าจริงๆ” หลีซูซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เยี่ยปิงฉางเม้มปาก เห็นหลีซูซูมีสีหน้าเฉยชา เหมือนกำลังมองตัวตลกที่กระโดดอยู่บนไม้คาน* ความตระหนกลนลานในใจของนางกลับสงบลง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเสียดสี

“ข้าเพียงแต่ไขว่คว้าในสิ่งที่ข้าต้องการเท่านั้น ข้าผิดหรือไร เจ้าต้องการตำแหน่งนั้น ข้าก็ปรารถนาเช่นกัน มิอาจได้บุปผาอมตะไปครอบครอง ช่วยท่านย่ากลับมาไม่ได้ เยี่ยซีอู้ ล้วนเป็นเพราะฝีมือเจ้าสู้ข้าไม่ได้”

หลีซูซูถือกระบี่ชี้ไปที่นาง

จวบจนบัดนี้เยี่ยปิงฉางยังคงคิดว่าตนกำลังแย่งตำแหน่งฮองเฮากับนาง ไม่ว่าในฝันหรือโลกความจริง เยี่ยปิงฉางล้วนเห็นตนเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของนาง

ที่น่าขันคือหลีซูซูไม่เคยสนใจสิ่งเหล่านี้เลย ของที่สูงส่งเลิศเลอในใจของเยี่ยปิงฉาง สำหรับหลีซูซูแล้ว ประหนึ่งธุลีดินและน้ำค้างยามเช้าเท่านั้น เพียบกะพริบตาก็สลายไป

“เจ้าไม่ควรหักหลังท่านย่า”

เยี่ยปิงฉางลูบชายกระโปรงให้เรียบอย่างสุขุมพลางยิ้ม “เจ้าผิดแล้ว เดิมทีนั่นมิใช่แผนการของข้า ก็แค่ผลักเรือตามน้ำเท่านั้น ยายเฒ่านั่นลำเอียงมาชั่วชีวิต นางควรรู้ได้ตั้งนานแล้วว่าตนเองต้องมีจุดจบเช่นนี้”

กระบี่ในมือหลีซูซูพุ่งออกไป ฟาดใส่หน้าเยี่ยปิงฉางทันใด

เยี่ยปิงฉางถูกโจมตีจนลอยกระเด็น ใบหน้ามีรอยแผลเพิ่มมาทันตา

หลีซูซูยกเท้าขึ้น เหยียบไหล่นางไว้ “ยามที่นางลำบาก เจ้าเคยทุ่มเทสิ่งใดเพื่อนางบ้าง นางไม่รักเจ้ามากพอ เจ้าก็จะสังหารนาง เยี่ยปิงฉาง เจ้าหน้าด้านจนเคยตัว คิดว่าสตรีทั่วหล้านี้ล้วนเป็นมารดาเจ้าหรือไร สมควรทุ่มเทเพื่อเจ้าโดยไม่นึกเสียใจภายหลัง หาไม่แล้วคนเหล่านั้นล้วนสมควรตายหรือ”

เยี่ยปิงฉางดิ้นไม่หลุด ต้องอยู่แทบเท้าหลีซูซูอย่างอัปยศ ความเจ็บทำให้ใบหน้านางบิดเบี้ยว “เจ้าย่อมไม่เข้าใจอยู่แล้ว เจ้ามีพร้อมทุกอย่างตั้งแต่เล็ก จะเห็นบุตรอนุอย่างพวกเราอยู่ในสายตาได้อย่างไร…องค์ชายแปด ท่านยังจะชมละครฉากสนุกอยู่ได้ ลืมข้อตกลงระหว่างเราไปแล้วหรือ!”

องค์ชายแปดคล้ายเพิ่งได้สติ เขาปรบมือด้วยท่าทางสนอกสนใจ

จากนั้นนักรบพลีชีพและองครักษ์เฉียนหลงปรากฏตัวพร้อมกัน

ประกายเย็นเยียบสายหนึ่งจู่โจมมาที่หลีซูซู หลีซูซูเบี่ยงตัวหลบตามคำเตือนของโกวอวี้ เยี่ยปิงฉางได้รับการช่วยเหลือในทันที

องค์ชายแปดจ้องมองหลีซูซู คลี่ยิ้มชั่วร้ายกล่าว “พวกเจ้าสองพี่น้องช่างน่าสนใจแท้ เยี่ยปิงฉางบอกให้ข้าแสร้งจับตัวนาง และบอกให้ตัวหายนะผู้นั้นเอาตัวเจ้ามาแลก ส่วนเจ้ากลับมาที่นี่เสียเอง ยังคิดจะสังหารพวกเรา น่าเสียดาย ไม่รู้ในใจของตัวหายนะ เยี่ยปิงฉางสำคัญหรือเจ้าสำคัญกว่า”

เขาเขวี้ยงถ้วย ดวงตาฉายแววเหี้ยมเกรียม “ไม่เป็นไร ลองดูก็รู้เอง ถ้าเขาไม่มา ให้เยี่ยฉู่เฟิงเป็นคนเลือกก็น่าสนุกดีเหมือนกัน”

เยี่ยปิงฉางขมวดคิ้ว ไม่รู้คิดถึงสิ่งใด เงียบงันมิได้เอ่ยปาก

ท่าทีของพวกเขาทำให้โกวอวี้อดโมโหมิได้ เหตุใดทุกคนต่างคิดว่าเจ้านายน้อยของมันจะต้องถูกทอดทิ้งแน่นอน! ทั้งที่ทุกคนล้วนชอบเจ้านายน้อยถึงเพียงนั้น

กระบี่ลอยกลับเข้ามาอยู่ในมือของหลีซูซู ข้างนอกท้องฟ้าใกล้สว่างแล้ว

หลีซูซูนิ่งคิดครู่หนึ่ง ระบายยิ้มจางๆ ออกมาทันใด

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in จันทราอัสดง

  • จันทราอัสดง

    ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 4 บทที่ 111-112

    By

    บทที่ 111 จั้งไห่ได้ยินหลีซูซูพูดเช่นนี้ ในใจรู้สึกละอายเล็กน้อย วันนั้นตอนถานไถจิ้นต่อสู้กับกงเหยี่ยจี้อู๋เขาก็อยู่ด้วย ไม่ว่าอย่างไรศิษย์น...

  • จันทราอัสดง

    ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 4 บทที่ 109-110

    By

    บทที่ 109 ผ่านไปไม่ถึงสองวันเหยากวงกลับจากฝึกฝนในโลกมนุษย์ เอาเรื่องสนุกกลับมาเล่าให้หลีซูซูฟังมากมาย “ตอนอยู่แดนมนุษย์ข้ายังเจอคนรู้จักผู้ห...

  • จันทราอัสดง

    ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 4 บทที่ 107-108

    By

    บทที่ 107 หน้าประตูบรรพต อาภรณ์สีครามของชายหนุ่มย้อมด้วยโลหิต สะพายกระบี่เซียนเล่มหนึ่ง ลูกศิษย์ที่ลงมาจากบรรพตเซียนเหิงหยางกระซิบกระซาบกัน ...

  • จันทราอัสดง

    ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 4 บทที่ 105-106

    By

    บทที่ 105 ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด หลีซูซูค่อยๆ ตระหนักถึงข้อดีของการล้างกระบี่ เคล็ดกระบี่เหิงหยางเด็ดขาดเฉียบคม เน้นความกล้าหาญ เคล็ดกระบี่ช...

  • จันทราอัสดง

    ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 4 บทที่ 103-104

    By

    บทที่ 103 มารฝันเห็นถานไถจิ้นไม่หวั่นไหวสักนิด ก็รู้ว่าตนกำลังจะถูกหน้าไม้พิฆาตเทวะกลืนกินเข้าไป ขณะที่มารฝันกำลังจะสิ้นหวัง ลูกแก้วลูกหนึ่ง...

  • จันทราอัสดง

    ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 3 บทที่ 72-73

    By

    บทที่ 72 “มองไม่เห็น?” เมื่อฟังข่าวนี้แล้ว ถานไถจิ้นนิ่งสงบยิ่งนัก นางกำนัลกลัวเหลือเกินว่าถานไถจิ้นจะตำหนิตนเรื่องที่หลีซูซูมองไม่เห็น นางเ...

  • จันทราอัสดง

    ทดลองอ่าน จันทราอัสดง เล่ม 3 บทที่ 70-71

    By

    บทที่ 70 ดังคาด การตายของใต้เท้าไช่ถูกปกปิดไว้ ประกาศกับภายนอกว่าเขาเจอโจรภูเขาระหว่างเดินทางกลับบ้านเกิดไปใช้ชีวิตในบั้นปลาย ทว่าขุนนางทั้ง...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 5-6

บทที่ 5 สังหารภูต   หลี่เจาเกอกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ นิ้วมือวางบนด้ามกระบี่ ท่ามกลางหมู่ใบไม้แว่วเสียงความเคลื่อนไหวดังแซกซ...

คืนลมพัดต้องเหมยงาม

ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จ...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 87-88

บทที่ 87 ข้อห้าม กู้หมิงเค่อถูกหลี่เจาเกอยั่วโมโหจากไปแล้ว นางอมยิ้มรับช่วงหลักฐาน เอ่ยกับผู้ใต้บัญชาที่ติดตามนางมา “จงข...

community.jamsai.com