หลีซูซูยังไม่ทันได้ตรวจสอบสองเรื่องนี้ แม่ทัพใหญ่เยี่ยก็บอกนางว่าพรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของเซวียนอ๋อง ถึงเวลาเขาจะพาหลีซูซูไปร่วมงานด้วย
เซวียนอ๋องเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ครั้งนี้ได้รับการอวยยศ ย้ายออกจากวังหลวง จึงถือโอกาสเชิญขุนนางใหญ่ทั้งหลายมาร่วมงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของตน
แน่นอนว่าเขาจัดงานค่อนข้างเรียบง่าย มิได้ทำให้เอิกเกริกใหญ่โต
ฮ่องเต้อยู่ในวัยหนุ่มแข็งแรง องค์ชายทั้งหลายย่อมได้แต่วางตัวไม่เป็นจุดเด่น ยิ่งธรรมดาก็ยิ่งดี
เยี่ยเซี่ยวปรายตามองหลีซูซูแวบหนึ่ง “ครั้งนี้เจ้าจงสำรวมให้มาก หากกล้าก่อเรื่องอะไรอีก แม้เป็นท่านย่าเจ้าก็ปกป้องเจ้าไม่ได้ พอเจอพี่หญิงใหญ่ของเจ้าแล้ว อย่าลืมขอขมาด้วย”
ทั่วหล้าต่างคิดว่าหลีซูซูจะต้องกระโจนเข้าใส่องค์ชายหกโดยแท้
หลีซูซูเอ่ยอย่างจนใจ “ท่านพ่อโปรดวางใจ ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ”
หลีซูซูกลับมิได้รู้สึกว่าแม่ทัพใหญ่เยี่ยกำลังปกป้องเยี่ยปิงฉาง
สมัยก่อนตอนเยี่ยปิงฉางยังไม่ออกเรือน เกิดเรื่องวิวาทกับคุณหนูสาม สกุลเยี่ยล้วนปิดประตูจัดการเองทั้งสิ้น แต่บัดนี้เยี่ยปิงฉางแต่งให้เซวียนอ๋องแล้ว ถึงอย่างไรสกุลเยี่ยก็ต้องให้เกียรติบ้าง
ครั้งก่อนเจ้าของร่างเดิมผลักคนตกน้ำ ดวงตาตั้งกี่คู่ล้วนมองเห็น
เซียวหลิ่นแม้นิสัยจะสุภาพอ่อนโยน แต่ผู้อื่นเป็นถึงองค์ชาย สกุลเยี่ยคงมิอาจไม่เห็นแก่หน้าของราชวงศ์ แม่ทัพใหญ่เยี่ยแค่ให้หลีซูซูขอขมาเท่านั้น นับเป็นการจัดการที่เรียบง่ายที่สุดแล้ว
ภายนอกดูเหมือนปกป้องเยี่ยปิงฉาง อันที่จริงมิใช่กำลังปกป้องหลีซูซูหรือไร
หายากที่ปีศาจน้อยที่บ้านตนจะเชื่อฟัง เยี่ยเซี่ยวมองนางอย่างประหลาดใจหลายครั้ง เขาแค่นเสียงหนึ่งที มิได้ตำหนินางต่อ
หลังนิ่งเงียบครู่หนึ่ง เยี่ยเซี่ยวเอ่ยว่า “พาจื้อจื่อไปด้วย”
บัดนี้สองคนแต่งงานแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดหลีซูซูไปจวนเซวียนอ๋องโดยมีจื้อจื่อไปด้วยย่อมดีกว่า
หลีซูซูชำเลืองมองท่านพ่อผู้เป็นแม่ทัพแวบหนึ่ง แม่ทัพใหญ่เยี่ยหาได้รู้เรื่องความสัมพันธ์อันซับซ้อนของพวกเขาสี่คนไม่ จึงสุขุมได้เช่นนี้ หากรู้แล้วเดาว่าคงต้องเต้นผางแน่นอน
เรื่องที่กำลังจะได้พบกับเยี่ยปิงฉางนั้นหลีซูซูตั้งตารอเป็นอย่างมาก
นางเคยแต่ได้ยินจากปากผู้อื่นว่าพี่สาวสายรองผู้นี้อ่อนโยนงดงาม ทั้งยังได้เห็นภาพวาดสตรีที่เขินอายแผ่นนั้นโดยบังเอิญ
พอคิดถึงต่างหูสตรีที่ถานไถจิ้นซุกซ่อนไว้ข้างนั้น หลีซูซูเท้าแก้มครุ่นคิด บางทีภารกิจในการถอนกระดูกมารครั้งนี้ของนาง กุญแจสำคัญอาจอยู่ที่เยี่ยปิงฉางก็เป็นได้
ชุนเถากับสี่สี่ปลุกหลีซูซูแต่เช้าตรู่
หลีซูซูนั่งลงหน้าคันฉ่อง สองสาวใช้เหมือนกำลังเผชิญศึกหนัก
สี่สี่หยิบอาภรณ์สีม่วงพลิ้วไหวประณีตตัวหนึ่งออกมา เอ่ยถามอย่างกระวนกระวาย “คุณหนูว่าชุดนี้เป็นอย่างไร นี่เป็นชุดที่ร้านจิ่นซิ่วตั้งใจตัดให้คุณหนูอย่างพิถีพิถัน”
“งดงามก็งดงามอยู่หรอก แต่ว่าสี่สี่ นี่เป็นชุดกระโปรงฤดูใบไม้ร่วง ตอนนี้เป็นฤดูหนาวนะ” นางในร่างของมนุษย์ต้านทานความหนาวไม่ไหว
สี่สี่คิดในใจ แต่ก่อนคุณหนูออกจากบ้านไปพบองค์ชายหก อย่าว่าแต่ฤดูหนาวสวมชุดฤดูใบไม้ร่วงเลย ต่อให้สวมชุดฤดูร้อน คุณหนูก็ยอมตัวสั่นออกไป
ในสถานการณ์ที่มีคุณหนูใหญ่ คุณหนูสามเป็นเหมือนนกยูงน้อยที่ชอบเอาชนะ กลัวว่าจะตกเป็นรองอีกฝ่าย
เมื่อก่อนล้วนเป็นปี้หลิ่วคอยช่วยคุณหนูแต่งตัว ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นชุนเถากับสี่สี่ เด็กสองคนกลัวว่าพวกตนมือเท้างุ่มง่าม มุมมองความงามใช้ไม่ได้ จะทำให้คุณหนูสามขายหน้า
พอเห็นพวกนางลังเลตัดสินใจไม่ถูก หลีซูซูก็ชี้มือไป “ชุดนั้นแล้วกัน”
นางชี้เสื้อตัวสั้นกับกระโปรงสีแดงอมส้ม มองแล้วรู้สึกอบอุ่น
ชุนเถายิ้มร่า “อย่างนี้ก็ดีเจ้าค่ะ คุณหนูจะได้ไม่หนาว”
สี่สี่มือไม้คล่องแคล่ว เกล้ามวยผมเสร็จก็เอ่ยว่า “คุณหนู เหมยแดงในลานเรือนผลิบานงดงามยิ่ง บ่าววาดฮวาเตี้ยน* ให้ท่านดีหรือไม่เจ้าคะ”
หลีซูซูยังไม่เคยวาดฮวาเตี้ยนในโลกมนุษย์มาก่อน จึงรู้สึกสนอกสนใจ “เอาสิ”
ดังนั้นสี่สี่จึงวาดดอกเหมยประณีตครึ่งดอกตรงกลางหว่างคิ้วหลีซูซูอย่างพิถีพิถัน
หลีซูซูมองบุปผาบนหน้าผากตนพลางลูบไล้ด้วยความประหลาดใจ ร่างเดิมของนาง เกิดมาก็มีจุดสีแดงชาดแต้มอยู่กลางหน้าผากจุดหนึ่ง งดงามมิอาจหาสิ่งใดมาเปรียบปาน ดอกเหมยครึ่งดอกนี้จึงทำให้หลีซูซูรู้สึกใกล้ชิดคุ้นเคย
ชุนเถาเอ่ยชม “คุณหนูสามช่างงามจริงๆ”
หลีซูซูมองตนเองในคันฉ่อง รูปโฉมของคุณหนูสามสกุลเยี่ยเจือกลิ่นอายความไร้เดียงสาอยู่หลายส่วน ไม่เย้ายวนพอ ทว่ากลับน่ารักมีชีวิตชีวามาก ดวงหน้าคล้ายแม่นางน้อยข้างบ้าน สดใสร่าเริง ยามสวมใส่เสื้อบุนวมสีแดงอมส้ม ดูเหมือนก้อนหิมะนุ่มนิ่มก้อนหนึ่ง
หลีซูซูมองจนชินแล้ว กลับรู้สึกว่าใบหน้านี้น่ารักน่ามองยิ่งนัก