การประชุมความร่วมมือก่อนเที่ยวบินนี้เกิดขึ้นเนื่องจากในรายชื่อผู้โดยสารคนสำคัญมีฟู่หมิงอวี่รวมอยู่ด้วย กัปตันจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษและชี้แจงนานกว่าปกติถึงยี่สิบนาที
เมื่อประชุมเสร็จสิ้นก็ควรได้ขึ้นเครื่อง แต่กลับได้รับประกาศจากหอบังคับการบินเนื่องด้วยการควบคุมการจราจร ทำให้พวกเขาต้องล่าช้าออกไปประมาณหนึ่งชั่วโมง
สถานการณ์ผ่อนคลายลงอีกครั้งอย่างกะทันหัน กัปตันจึงลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายครู่หนึ่งและกล่าวกับนักบินผู้ช่วยสองคนข้างๆ
“ไปซื้อของกินกันไหม”
ทั้งสามคนจึงลุกออกไป ทิ้งพวกลูกเรือไว้ในห้องประชุม
ดีเลย์อีกแล้ว ทุกคนล้วนต้องรอ นี่ยังไม่นับรวมเวลาบิน ในห้องประชุมจึงค่อยๆ มีเสียงบ่นขึ้นมาเบาๆ
ในตอนนี้หร่วนซือเสียนออกไปรับโทรศัพท์ ยังไม่ทันวางสายก็ได้ยินเสียงพูดคุยในห้องคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังสนทนาหารือเรื่องบางอย่างกันด้วยความสนุกสนาน
“พวกเธอกำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอ” หร่วนซือเสียนผลักเปิดประตู “ฉันอยู่ข้างนอกได้ยินเสียงพวกเธอหมดแล้ว”
เจียงจื่อเยวี่ยเอาเอกสารรายชื่อของผู้โดยสารขึ้นมากดตรงขมับ เอียงศีรษะยิ้มพลางกล่าว “พวกเธอกำลังเดิมพันกันว่าวันนี้ใครจะสามารถเอาเบอร์โทรศัพท์ของรองประธานฟู่มาได้”
หร่วนซือเสียนส่งเสียง “อืม” อย่างงุนงง “เอาไปทำไมเหรอคะ”
“เธอคิดว่ายังไงล่ะ แน่นอนว่าต้องจีบเขาน่ะสิ!”
“ไม่ง่ายที่จะได้อยู่เที่ยวบินเดียวกับเขา โอกาสหายากนะยะ ตอนนี้ไม่ลุยแล้วจะรอเมื่อไร!”
“เดินทางไกลสิบกว่าชั่วโมงเลยนะ ฉันไม่เชื่อว่าจะหาโอกาสขอช่องทางติดต่อไม่ได้ ถ้าไม่ได้จริงๆ ฉันจะลองทำเป็นกาแฟหกหรืออะไรทำนองนั้นแบบคนอื่นดู ฮ่าๆๆๆ”
“ทำกาแฟหกมันอันตรายเกินไป ฉันคิดว่ารอฉวยโอกาสตอนที่เครื่องบินโคลงเคลงทำเป็นหกล้มเถอะ จะได้ล้มลงไปในอ้อมกอดของเขาพอดี”
ทำกาแฟหก…หกล้ม…
เมื่อหร่วนซือเสียนได้ยินหางตาก็กระตุกทันที
ละครรักวัยรุ่นเมื่อสิบปีที่แล้วก็ไม่แสดงแบบนี้แล้วนะ
แต่ในเมื่อทุกคนพูดแบบนี้ก็ฟังออกเช่นกันว่าแค่กำลังล้อเล่นกันอยู่ หร่วนซือเสียนจึงยิ้มและนั่งลงพลางใช้มือเกาขมับ
“พวกเธอฝันอะไรกันน่ะ” พูดจบก็ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง
ทำไมถึงพูดความในใจออกมาซะล่ะ
บรรยากาศในห้องประชุมเงียบไปชั่วขณะ แต่ไม่นานก็คึกคักขึ้นมาอีกครั้งด้วยคำพูดที่ไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย
“การฝันไม่ได้ทำผิดกฎหมายซะหน่อย อีกอย่างนะ…” คนคนนั้นลดเสียงลง “พี่ชายของรองประธานฟู่ซึ่งเป็นรองประธานอีกท่านหนึ่งก็มีคู่หมั้นเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และทั้งสองก็รู้จักกันบนเครื่องบิน นี่เรียกว่าอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น”
“พูดไว้ตรงนี้เลยนะ ต่อไปถ้าใครกลายเป็นบอสหญิงแล้ว อย่าลืมเลื่อนตำแหน่งให้ฉันเชียว อย่างอื่นไม่ต้องพูด ให้ฉันเป็นหัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินก่อน”
“โอ้ เห็นแก่ครั้งที่แล้วที่เธอช่วยแลกไฟลต์กับฉัน ถ้าฉันเป็นบอสหญิงแล้ว เธอจะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทันที”
“งั้นดิฉันต้องขอขอบพระคุณท่านล่วงหน้าค่ะ แต่ถ้าหากว่าฉันได้เป็นบอสหญิงล่ะ”
หร่วนซือเสียนฟังมาครึ่งค่อนวันก็ยิ่งมึนงงขึ้นทุกที “ไม่ใช่ ทำไมพวกเธอถึงตื่นเต้นกันขนาดนี้ ถ้าอีกฝ่ายเป็นตาแก่พุงใหญ่กว่าผู้หญิงท้องล่ะ พวกเธอก็จะจีบเหรอ”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างหัวเราะจนกิ่งบุปผาสั่นไหว
หร่วนซือเสียนยิ่งงงหนัก “พวกเธอหัวเราะอะไรกัน”
“ไอ้หยา ดูเหมือนว่าสองหูของหร่วนหร่วนเราจะไม่ได้ยินเรื่องราวนอกหน้าต่างเลยจริงๆ มา พี่สาวจะให้เธอดูภาพ”
เจียงจื่อเยวี่ยใช้มือหนึ่งเกี่ยวคอหร่วนซือเสียน อีกมือหนึ่งล้วงโทรศัพท์ออกมาค้นหาภาพให้เธอดู
ภาพนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพแอบถ่าย ฟู่หมิงอวี่สวมชุดสูทเรียบกริบหรูหราตลอดทั้งตัว ด้านนอกคลุมด้วยเสื้อโค้ตสีดำ ดูเหมือนกำลังรีบเดินไปยังประตูสำนักงานใหญ่ของบริษัท
เขามีไหล่ที่กว้างและขายาว ทำให้เขามีจังหวะการก้าวเท้าที่ยาวมาก แผ่นหลังเหยียดตรง ส่วนขาเรียวยาวได้สัดส่วน และเสื้อผ้าล้วนส่งเสริมกันจนทำให้เขาโดดเด่นมากยิ่งขึ้น และดึงดูดสายตาคนเหมือนรังสีทะลุออกมาจากภาพถ่าย ราวกับทำให้ผู้คนโดยรอบหายไปก็มิปาน
ถึงแม้ภาพนี้จะถ่ายเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเลยก็ตาม
มิน่าล่ะ พวกแอร์โฮสเตสถึงตื่นเต้นกันขนาดนี้ ดูจากสภาพการณ์แล้วก็พอจะเข้าใจได้
เพียงแค่มองแวบเดียว หร่วนซือเสียนก็ลบคำว่า ‘เข้าถึงง่ายและใจดี’ ที่อยู่ในใจเธอออกไปจนหมดสิ้น
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
สองคำนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย