With Love
ทดลองอ่าน จุดจอดหัวใจปักหมุดไว้ที่เธอ บทที่ 3-4
หร่วนซือเสียนยังไม่ทันได้เปลี่ยนสีหน้าท่าทางก็สบเข้ากับสายตาของฟู่หมิงอวี่พอดี แต่เธอก็ยังรักษารอยยิ้มที่อ่อนโยนไว้ และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“…”
ชั่วพริบตาปฏิกิริยาแรกของหร่วนซือเสียนคือ เขาปรากฏตัวอยู่ที่สนามบินนี้ได้ยังไง
ปฏิกิริยาที่สองคือ บ้าจริง! เขาจะคิดว่าฉันตั้งใจสะกดรอยตามเขาหรือเปล่านะ
รอยยิ้มของหร่วนซือเสียนค่อยๆ แข็งทื่ออยู่ที่มุมปาก
‘เธอปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ยังไง’
‘เธอช่างวางแผนทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมายจริงๆ’
หร่วนซือเสียนแทบจะแน่ใจว่าฟู่หมิงอวี่ต้องคิดแบบนี้ เพราะตอนที่เขาเห็นหร่วนซือเสียน ฝีเท้าก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหลังกลับเดินไปยังอีกทางออกหนึ่ง
หร่วนซือเสียน “…”
โธ่เอ๊ย…
“หร่วนหร่วน!”
เปี้ยนเสวียนพุ่งเข้ามากอดแน่นๆ ทีหนึ่ง ขัดจังหวะความคิดของหร่วนซือเสียนอย่างกะทันหัน “ฉันคิดถึงเธอมากเลย เธอคิดถึงฉันไหม”
“…”
“หร่วนหร่วน?”
“…”
เปี้ยนเสวียนเขย่าไหล่ของหร่วนซือเสียน “เธอเป็นอะไรไป”
หร่วนซือเสียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก เธอรู้สึกว่าหลังจากพบกับฟู่หมิงอวี่ ตัวเองมักจะหายใจเข้าออกลึกๆ เสมอ บางทีไม่ช้าก็เร็วคงมีวันใดวันหนึ่งที่เธอจะต้องตายอยู่ภายใต้กางเกงสูทของเขาเนื่องจากเลือดลมไปเลี้ยงไม่พอ
“ไม่เป็นไร ดีใจเกินไปน่ะ เลยตะลึงนิดหน่อย”
หร่วนซือเสียนโยนแก้วกาแฟลงไปในถังขยะอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ‘ตึง’
เปี้ยนเสวียนมองหร่วนซือเสียนขึ้นๆ ลงๆ อย่างพิจารณา “แต่…ทำไมฉันรู้สึกว่าเธอไม่ค่อยดีใจเท่าไร”
“ดังนั้นตอนนี้ฉันเลยต้องการความยินดีจนอยากดื่มเหล้าไงล่ะ” หร่วนซือเสียนกอดไหล่เปี้ยนเสวียน “ไปกันเถอะ”
เวลาเที่ยงตรงหร่วนซือเสียนกลับบ้านไปเก็บข้าวของเป็นเพื่อนเปี้ยนเสวียน เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปทานอาหารกลางวัน โดยเว้นช่วงเวลาตลอดทั้งบ่ายให้ว่างเพื่อแต่งตัว
เปี้ยนเสวียนรู้สึกว่าหร่วนซือเสียนแต่งกายเรียบร้อยเกินไป จึงลากเธอไปเดินซื้อเสื้อผ้า ประจวบเหมาะกับหร่วนซือเสียนกำลังอารมณ์ไม่ดี ต้องการผ่อนคลายด้วยการเดินซื้อของจริงๆ โชคดีที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของเที่ยวบินหลักระหว่างประเทศอย่างหร่วนซือเสียนรายได้ไม่น้อย จึงเพียงพอกับค่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายแบบนานๆ ครั้งของเธอ
ยามพลบค่ำ ริมแม่น้ำเทมส์มีคนเดินถนนและนักท่องเที่ยวทยอยกันมาไม่ขาดสาย เสียงเอะอะเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำถูกลมจากแม่น้ำพัดผ่านราวกับว่าเปลี่ยนไปจนไพเราะน่าฟัง ผิวน้ำมีระลอกคลื่นที่กำลังซัดอย่างสงบ ท่ามกลางแสงจันทร์สีทองที่สาดส่องลงมาบนผิวน้ำ เรือยอชต์ลอยเอ้อระเหยประหนึ่งหงส์ตัวหนึ่ง มีเพียงคนที่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้นถึงจะได้สัมผัสกับความหรูหราและฟุ่มเฟือย
หร่วนซือเสียนสวมชุดกระโปรงสีไวน์แดง ผมเป็นลอนยาวปรกไหล่ เปี้ยนเสวียนที่อยู่ข้างกาย แขนเสื้อขาวราวกับหิมะ
บนร่างของคนทั้งสองอาบไปด้วยแสงระยิบระยับและเป็นประกาย เมื่อเดินอยู่ท่ามกลางผู้หญิงที่แต่งกายงดงามบนเรือยอชต์ก็ยังคงเป็นที่สะดุดตา
เปี้ยนเสวียนถือไวน์ ลากหร่วนซือเสียนมาพิงที่ราวกั้นแล้วชี้ไปที่คนแก่ผมสีดอกเลาคนหนึ่งบนดาดฟ้าเรือพลางกล่าว
“นั่นคือบอสของฉัน อัลวิน เขาบอกว่าเพื่อต้อนรับแขกคนสำคัญ วันนี้จึงตั้งใจจัดงานเลี้ยงเป็นพิเศษ เธอดูสิที่นี่คนเยอะมาก หนุ่มหล่อเพียบเลย”
หร่วนซือเสียนหันหน้ากลับไปตอบรับไมตรีชายผมบลอนด์นัยน์ตาสีมรกตคนหนึ่ง แล้วกล่าวเสียงเบาลง “ต่อให้หล่อกว่านี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ที่นี่คือประเทศอังกฤษ ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ชอบผู้หญิง”
เปี้ยนเสวียนป้องปากหัวเราะ หร่วนซือเสียนจึงเงยหน้าขึ้นสังเกตเรือยอชต์ลำนี้อย่างละเอียด
อัลวินเป็นนักธุรกิจประจำท้องถิ่นที่ร่ำรวยถึงขนาดสร้างสนามบินส่วนตัวได้ เขาจัดงานเลี้ยงที่เสิร์ฟแต่ไวน์มีระดับ ย่อมเชิญผู้ที่มีอิทธิพลมาร่วมงานด้วย นักดนตรีวงซิมโฟนีในชุดทักซิโดกำลังบรรเลงเพลงอยู่บนดาดฟ้าเรือ ไม่ว่าจะหยุดอยู่ตรงไหนล้วนมีไวน์ชั้นเลิศและอาหารรสโอชาอยู่ตรงนั้น บริกรเดินไปมาระหว่างผู้คน เห็นได้ชัดว่าแขกท่านนี้มีความสำคัญมากเพียงใด
หร่วนซือเสียนพิงราวกั้นตากลมพลางกล่าว “แขกแบบไหนกันที่บอสของเธอให้ความสำคัญขนาดนี้”
“อันที่จริงแล้วเป็นเพราะบอสของฉันชอบความครึกครื้น จึงชอบจัดงานเลี้ยงแบบนี้ แน่นอน แขกก็สำคัญมากเช่นกัน” สายตาของเปี้ยนเสวียนทะลุผ่านกลุ่มคน สอดส่ายสายตามองหาแขกท่านนั้น ทว่าไม่พบร่องรอย “สนามบิน W.T จะถูกซื้อแล้ว สายการบินเหิงซื่อ ใช่แล้ว สายการบินที่เธอทำงานน่ะ สายการบินเหิงซื่อจะซื้อสนามบิน W.T แล้ว ลูกชายเจ้าของสายการบินเหิงซื่อมาสำรวจ…เธอเป็นอะไรไปน่ะ”
แก้วในมือของหร่วนซือเสียนเกือบตกลงไปในแม่น้ำ
“เธอบอกว่า…แขกคือลูกชายเจ้าของสายการบินเหิงซื่อ?”
เปี้ยนเสวียนพยักหน้า “ใช่”
มิน่าล่ะ วันนี้เขาถึงปรากฏตัวที่สนามบิน W.T
ความรู้สึกของหร่วนซือเสียนยากจะพรรณนา เธอถึงขั้นคิดจะลงจากเรือยอชต์ไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ต่อให้เรือยอชต์แล่นไปถึงตรงกลางแม่น้ำ เธอก็สามารถกระโดดลงไปได้
ระหว่างที่พูด เปี้ยนเสวียนก็โบกมือไปยังกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงกลาง “โอ้! บอสเรียกให้ฉันไปหา!”
หร่วนซือเสียนมองตามไปทันที ภายใต้โคมไฟประดับที่ส่องแสงงดงาม ชายหนุ่มในชุดทางการถือแก้วไวน์ค่อยๆ เดินออกมาจากข้างกายของอัลวิน นิ้วมือทั้งสิบเรียวยาวได้สัดส่วน แต่ที่เรียวยาวได้สัดส่วนยิ่งกว่านิ้วมือทั้งสิบก็คือสองขาของเขา ขนาดยืนอยู่ไกลๆ ตรงนั้น ชุดสูทที่เข้ารูป ลักษณะเฉพาะตัวที่มาจากการเลี้ยงดูและได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพมาตลอด ทำให้เขาดูโดดเด่นยิ่งกว่าแขกทุกคนที่อยู่ในที่นี้
ถ้าไม่ใช่ฟู่หมิงอวี่แล้วจะเป็นใครไปได้อีก
ราวกับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ฟู่หมิงอวี่ก็มองมาทางเธอเช่นกัน
ตอนที่สบสายตาเขา หร่วนซือเสียนเกือบจะหันกายหลบโดยจิตใต้สำนึก ทว่าเท้าทั้งสองกลับไม่ยอมขยับ
ท่ามกลางแขกในงานที่พลุกพล่าน ฟู่หมิงอวี่เอียงศีรษะแล้วส่งแก้วในมือไปให้เลขาฯ ที่ยืนอยู่ข้างๆ พอเลขาฯ เห็นเขาจะไปจึงถามขึ้นมา
“รองประธานฟู่ ต้องการไปพักไหมครับ”
ฟู่หมิงอวี่ส่ายหน้า แล้วเดินเร็วๆ ไปทางราวกั้นทันที
เขามาแล้ว เขามาแล้ว เขาเดินอย่างมั่นอกมั่นใจมาแล้ว