หร่วนซือเสียนจับฐานแก้วไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งกำสายโซ่กระเป๋าสะพายบนไหล่
เอ๋?
ทันใดนั้นหร่วนซือเสียนก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ตอนที่เธอออกมาได้นำจดหมายของซือเสี่ยวเจินเขียนติดมาด้วย
เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฟู่หมิงอวี่จะอ่านเนื้อหาข้างในจดหมาย เขาจะเปลี่ยนความตั้งใจหรือไม่นั้นไม่สำคัญแล้ว ขอเพียงอย่าหลับหูหลับตาเข้าใจเธอผิดก็พอ ดังนั้นก่อนที่เขาจะเดินเข้ามา หร่วนซือเสียนจึงรีบค้นกระเป๋าแล้วหยิบจดหมายฉบับนั้นออกมาทันที
“รองประธานฟู่คะ”
ฟู่หมิงอวี่ยืนนิ่งอยู่หน้าหร่วนซือเสียน สีหน้าไม่ได้เย็นชาอย่างก่อนหน้านี้แล้ว บางทีอาจเป็นเพราะดื่มไวน์เข้าไป หางคิ้วจึงแฝงความไม่เอาจริงเอาจังเล็กน้อย
เขาก้มศีรษะ ดวงตาปรากฏเป็นเส้นโค้งที่งดงาม
“ยังคง…บังเอิญจริงๆ”
“…”
ถ้าคุณบอกว่าเป็นความบังเอิญก็บังเอิญเถอะ
แต่ก็บังเอิญมากจริงๆ
หร่วนซือเสียนยกมุมปากขึ้น “คุณอย่าคิดมากนะคะ ฉันได้รับเชิญจากเพื่อนให้มาที่นี่”
เห็นได้ชัดว่าฟู่หมิงอวี่ไม่เชื่อ งานเลี้ยงเช่นนี้เป็นไปไม่ได้ที่หร่วนซือเสียนจะได้รับเชิญ นอกเสียจากว่าเธอเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวตน
“แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ” หร่วนซือเสียนยื่นจดหมายในมือออกไป “ก่อนหน้าคุณไม่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ รบกวนคุณอ่านหน่อยนะคะ จะได้ไม่เข้าใจผิดว่าฉันมีจุดประสงค์อะไร”
ฟู่หมิงอวี่เพียงแค่มองเธอ มุมปากเม้มจนเป็นเส้นโค้งรางๆ
กำลังยิ้มอยู่ชัดๆ ทว่าในดวงตากลับไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นฟู่หมิงอวี่ไม่มีทีท่าว่าจะรับไป หร่วนซือเสียนจึงคิดจะเปิดจดหมายออกแล้วยื่นไปตรงหน้าให้เขาเห็นได้อย่างชัดเจน แต่มือขวาถือแก้วไวน์ ข้างกายก็ไม่มีบริกรอยู่ในตอนนี้ และยิ่งไม่มีทางให้คนอย่างฟู่หมิงอวี่ยอมลดเกียรติลงมาถือแก้วไวน์ให้เธอได้ ดังนั้นหร่วนซือเสียนจึงต้องอาศัยมือข้างเดียวเปิดจดหมาย
เธอหยิบกระดาษข้างในซองจดหมายออกมา แต่ตอนที่กำลังจะเปิด หร่วนซือเสียนเกิดมือลื่น หลังจากนั้นก็ได้แต่มองจดหมายถูกลมพัดไปตาปริบๆ ก่อนหล่นลงไปในแม่น้ำ
เสียงดนตรีที่วนเวียนอยู่โดยรอบหยุดลงในเวลานี้พอดี ข้างหูได้ยินเพียงเสียงไหลรินของแม่น้ำ เพิ่มความกระอักกระอ่วนในบรรยากาศมากยิ่งขึ้น
เลือดลมไปเลี้ยงไม่พอ ทั้งยังไม่พอต่อการบรรยายความรู้สึกในขณะนี้ของหร่วนซือเสียน เธอจึงหลับตาลง ตอนที่ลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เห็นสีหน้า ‘ผมจะดูว่าคุณจะอธิบายยังไง’ บนใบหน้าของฟู่หมิงอวี่เป็นครั้งที่สอง
ตอนนี้พูดอะไรไปย่อมไม่มีประโยชน์ และเธอก็ไม่อาจกระโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อเก็บจดหมายขึ้นมาได้
“ฉัน…”
จู่ๆ ฟู่หมิงอวี่ก็ก้าวเข้ามาใกล้อีกหนึ่งก้าว ขัดจังหวะคำพูดของหร่วนซือเสียน เธออยากจะถอยไปข้างหลังโดยจิตใต้สำนึก ทว่าข้างหลังเป็นราวกั้นและค้ำเอวของเธอไว้ ไม่มีที่ไหนให้ถอยได้อีก
ลมแม่น้ำพัดผ่านจนให้ผิวน้ำกระเพื่อมเป็นระลอก เส้นผมของหร่วนซือเสียนถูกลมพัดปัดผ่านตรงหน้าเธอไปมา
“ก็ได้” ฟู่หมิงอวี่เอ่ยปากพูดประโยคนี้ออกมา
พอเห็นเขาไม่มีท่าทีคิดเล็กคิดน้อยอีก หร่วนซือเสียนก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก แต่วินาทีต่อมาฟู่หมิงอวี่ก็วางการ์ดใบหนึ่งลงบนมือของหร่วนซือเสียน เมื่อเธอก้มลงมองการ์ดในมือ
คีย์การ์ดห้องพักเหรอ
ขณะกำลังคิดว่าเขาหมายความว่าอะไร ก็ได้ยินเขาพูดขึ้น “ผมให้โอกาสคุณ”
“…”
คุณมันบ้าไปแล้ว!!!
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 10 ธ.ค. 66 เวลา 12.00 น.