With Love
ทดลองอ่าน จุดจอดหัวใจปักหมุดไว้ที่เธอ บทที่ 5-6
เที่ยวบินขากลับบินขึ้นในอีกสองวันต่อมา เมื่อมาถึงเมืองเจียงเฉิง อากาศไม่ค่อยดีนัก หมอกหนาเป็นชั้นๆ เครื่องบินจำนวนมากบินวนอยู่บนท้องฟ้าไม่สามารถลงจอดได้
ตอนนี้เป็นเวลารุ่งสาง ทุ่งนาบริเวณใกล้เคียงเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมา ชาวนาสองสามคนแบกเครื่องมือไว้บนบ่ากำลังเดินเอื่อยๆ อยู่บนคันนา
ทางด่วนโดยรอบการจราจรหนาแน่น ตำรวจจราจรที่ประตูใหญ่ของสนามบินสั่งการจนเหงื่อแตกพลั่ก
ทางเข้าชั้นผู้โดยสารขาออกต่อแถวกันยาวเหยียด คนที่ก่อนหน้านี้รถติดอยู่บนถนนก็รีบลากกระเป๋าเดินทางวิ่งตะบึงไปที่ช่องเช็กอิน
เมื่อหมอกหนาสลายไป ในที่สุดเครื่องบินแต่ละลำก็ค่อยๆ ลงจอด เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงอากาศยานเดินกันอย่างเร่งรีบและทำสัญญาณให้เครื่องบินลงจอดอย่างแม่นยำ
สนามบินนานาชาติเจียงเฉิงเหมือนเดิมทุกประการ สำนักงานใหญ่ของสายการบินเหิงซื่อที่ตั้งอยู่ข้างๆ สนามบินก็ยังคงวุ่นวายไม่เปลี่ยนแปลง
เหล่าแอร์โฮสเตสที่สวยสง่าลากกระเป๋าเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างสายการบินเหิงซื่อและสนามบิน พูดคุยหัวเราะกันไม่หยุด ทุกวันล้วนเป็นเช่นนี้ แต่เรื่องที่คุยกันครั้งแล้วครั้งเล่าล้วนเป็นเรื่องเก่าเก็บนานนับปีทั้งนั้น
จนกระทั่งหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ทุกคนก็ได้ยินข่าวว่าหร่วนซือเสียน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินแผนกที่สี่ลาออกแล้ว
ว่ากันว่าไปอย่างเด็ดขาดมาก ถึงขนาดไม่รอให้ถึงช่วงส่งมอบงานหนึ่งเดือน ยอมจ่ายเงินค่าปรับ โบนัสสิ้นปีก็ไม่เอาแล้ว และย้ายออกจากหอพักของแผนกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินในวันเดียวกัน
คนที่ไปด้วยกันกับเธอยังมีซือเสี่ยวเจินเพื่อนสนิทของเธอด้วย แต่จุดสนใจของทุกคนล้วนอยู่ที่หร่วนซือเสียน
เธออายุน้อยและหน้าตางดงาม ไม่กี่เดือนก่อนเพิ่งขึ้นปกนิตยสารของสายการบินเหิงซื่อ และกลายเป็นปกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ได้รับความนิยมมากอยู่ช่วงหนึ่ง ทั้งยังมีฉายาให้เธออย่างลับๆ ว่า ‘ดอกไม้แห่งสายการบินเหิงซื่อ’ กัปตันจำนวนมากที่ยังโสดและไม่โสดต่างแสดงไมตรีต่อเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
ส่วนด้านการงานก็กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น การบริการผู้โดยสารบนเครื่องบินยอดเยี่ยม หวังเล่อคังชื่นชมเธอมาโดยตลอด ตอนที่เธอบอกว่าจะลาออก เขายังคิดจะแหกกฎเลื่อนตำแหน่งให้เธอเป็นหัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเพื่อรั้งให้อยู่ต่อ แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะลาออก
ไม่นานนักฝ่ายบุคคลก็ประกาศลงมาอย่างเป็นทางการ
ครั้งหนึ่งเลขาฯ ของฟู่หมิงอวี่เอ่ยขึ้น “หร่วนซือเสียนคนนั้นลาออกแล้วครับ”
ฟู่หมิงอวี่กำลังพลิกดูเอกสารบนโต๊ะ “หร่วนซือเสียนคือใคร”
“ก็คือคนนั้น…” เลขาฯ กระแอม “แอร์โฮสเตสคนนั้นที่เสิร์ฟกาแฟให้คุณสามครั้งบนเครื่องบินน่ะครับ”
อากัปกิริยาของฟู่หมิงอวี่ไม่ได้หยุดชะงักใดๆ เอกสารที่หนาครึ่งนิ้วทำให้เขาไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะมาสนใจเรื่องเหล่านี้
แต่ผ่านไปครู่หนึ่งเขากลับยิ้มออกมา
“เพราะวันนั้นต้องคว้าน้ำเหลวกลับไปโรงแรม เลยรับความสะเทือนใจไม่ไหว?”
เลขาฯ ไหวไหล่ คงจะใช่มั้ง
ใครจะรู้ล่ะ
ปกติแล้วฟู่หมิงอวี่ก็พบเจอผู้หญิงแบบนี้มามาก แม้กระทั่งแอร์โฮสเตสคนนี้ชื่อว่าอะไรเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ อีกทั้งวันนั้นฟู่หมิงอวี่ก็ดื่มแอลกอฮอล์ด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเช่นนี้ เกรงว่าหร่วนซือเสียนคงถูกหวังเล่อคังไล่ออกไปก่อนแล้ว
ฟู่หมิงอวี่ไม่ได้พูดอะไรอีก ซึ่งบอกเป็นนัยว่าเลขาฯ สามารถออกไปได้แล้ว
เวลานี้ผู้ช่วยพิเศษหูก็ถือเอกสารกองหนึ่ง เคาะประตูแล้วเดินเข้ามา
“สัญญาจัดซื้อ ACJ31 ฉบับสมบูรณ์ออกมาแล้วครับ ผมอ่านไปแล้วสามรอบ แต่อยากให้คุณอ่านอีกที”
เอกสารวางลงบนโต๊ะตรงหน้าฟู่หมิงอวี่ หนากว่ากองเมื่อครู่นี้สองเท่า
อย่างไรเสียนี่เป็นการจัดซื้อเครื่องบินที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาสายการบินเหิงซื่อในอนาคต ไม่ใช่การซื้อขายที่ใช้กุ้งตกตะพาบ*
และเป็นเพราะแผนการจัดซื้อจำนวนมากของ ACJ31 ดังนั้นเครื่องบินโดยสารรูปแบบใหม่ที่ศึกษาและพัฒนาขึ้นเองนี้จะค่อยๆ เข้ามามีบทบาทในกองบินของสายการบินเหิงซื่อทีละน้อย จึงสัมพันธ์กับปริมาณความต้องการนักบินของเครื่องบินประเภทอื่นที่ย่อมลดลงเป็นจำนวนมาก ฟู่หมิงอวี่จึงตัดสินใจยกเลิกโครงการโบยบินที่รับสมัครนักบินภายในองค์กร
การปรับเปลี่ยนกองบินกำลังใกล้เข้ามา ผู้บริหารของสายการบินเหิงซื่อยุ่งจนเท้าไม่ติดพื้น และ ‘หร่วนซือเสียน’ สามคำนี้ก็เหมือนกับใบหน้าของเธอที่อยู่ในสมองของฟู่หมิงอวี่ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงครู่หนึ่งเท่านั้น
หายวับในชั่วพริบตา ห่านป่าบินผ่านไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่สนใจกับการจากไปของหร่วนซือเสียน มีคนบอกว่าเธอเปลี่ยนงานใหม่แล้ว เพราะสายการบินเป่ยจิงให้เงื่อนไขที่ดีกว่า แต่ไม่มีเหตุผลเลย เธอเป็นแค่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเท่านั้น ไม่ถึงกับทำให้สายการบินอื่นมาซื้อตัวไป มีคนบอกว่าเธอถูกขอแต่งงานแล้ว และลาออกเพื่อทำหน้าที่ภรรยาเต็มตัว ทั้งยังมีคนบอกว่าเธอเปลี่ยนสายอาชีพแล้ว
ต่างพูดกันไปต่างๆ นานา แต่ไม่มีใครแน่ใจ มีคนส่งข้อความในวีแชตไปถามเหตุผลเธอ เธอกลับบอกแค่ว่าอยากเปลี่ยนสภาพแวดล้อม แต่ทุกคนไม่เชื่อ
ใครอยากจะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมด้วยการไปอย่างรีบร้อนขนาดนี้
จนกระทั่งไม่กี่วันต่อมามีคนเห็นหร่วนซือเสียนและกัปตันเยวี่ยทานอาหารด้วยกันในร้านอาหารกระจกที่มีชื่อเสียงในลอนดอน ทุกคนจึงคิดว่าเธอต้องคบกับกัปตันเยวี่ยแล้วแน่ๆ ดังนั้นจึงรีบไปอังกฤษอย่างอดรนทนไม่ไหว
แต่คำพูดที่ดูเหมือนสมเหตุสมผลนี้ถูกทำลายลงทันที เพราะในที่สุดเหตุผลที่แท้จริงก็แพร่ออกมา
ที่แท้หร่วนซือเสียนพยายามจะยั่วยวนรองประธานฟู่บนเครื่องบิน หลังจากพลาดพลั้งก็ตามรังควานที่ลอนดอน ทำให้เขาไม่อาจทนกับการรบกวนของเธอได้
เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่แผนกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินต้องจัดการกับ ‘ความวุ่นวาย’ อย่างเข้มงวด หร่วนซือเสียนเองก็ดื้อรั้นเหมือนกัน อาศัยที่ตนหน้าตาดีจึงวางท่าหยิ่งยโส แต่น่าเสียดายที่คนเขาไม่ต้องการ
ดังนั้นก่อนที่ตัวเองจะถูกกำจัด เธอจึงเสนอตัวลาออกไปก่อนเพื่อรักษาหน้าเอาไว้
ทุกคนต่างเชื่อคำพูดนี้ เพราะว่ากลุ่มพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่อยู่กับเธอในวันนั้นเล่ารายละเอียดทั้งหมด ความเป็นไปได้จึงสูงมาก