ฟู่หมิงอวี่ขยายรูปภาพก็เห็นใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอาง สายตาของเขาหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย แต่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นแวบหนึ่งแล้วก็หายไป เพราะตัวเขาเองรีบปฏิเสธทันที
ถ้าเขาเคยเจอผู้หญิงคนนี้จะต้องประทับใจลึกซึ้งอย่างแน่นอน
“รองประธานฟู่ คุณยังฟังอยู่ไหมคะ ถ้าคิดว่ามันมากเกินไป พวกเราก็แล้วกันไปเถอะค่ะ ฉันไม่มีวาสนากับสายการบินเหิงซื่อ”
“อะไรนะครับ” ฟู่หมิงอวี่คลิกเม้าส์เบาๆ เพื่อปิดรูปภาพ “เมื่อกี้สัญญาณไม่ดี ได้ยินไม่ชัดครับ”
ปลายสายคล้ายหัวเราะเบาๆ “ฉันบอกว่าต้องการค่าตอบแทนรายปีสองเท่าค่ะ”
ฟู่หมิงอวี่อ้าปากกล่าว “ได้ครับ”
ถึงคราวที่คนปลายสายต้องเป็นฝ่ายตกตะลึงบ้าง
คิดไม่ถึงว่าเขาจะตรงไปตรงมาขนาดนี้
“ยังมีเงื่อนไขอื่นอีกไหมครับ”
“ไม่…ไม่มีแล้วค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นเราก็มาร่วมงานกันอย่างมีความสุขดีไหมครับ”
ปลายสายเปลี่ยนน้ำเสียง ดูเหมือนจะได้สติกลับคืนมาแล้ว จากนั้นก็กล่าว “รองประธานฟู่ คุณอยากให้ฉันไปจริงๆ เหรอคะ”
ฟู่หมิงอวี่ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ แค่รู้สึกว่าความอดทนของตัวเองในวันนี้ช่างดีผิดปกติจริงๆ
บางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่อาจทนดูท่าทางอวดดีของเยี่ยนอัน ประธานสายการบินเป่ยจิงที่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยลงรอยกับเขา
แต่ภาพงดงามของผู้หญิงที่ยืนอยู่ใต้ปีกเครื่องบินภาพนั้นก็แวบผ่านเข้ามาในสมองอีกครั้ง
“ครับ ตั้งตารอคอยอย่างมาก”
“งั้นฉันขอพิจารณาอีกหน่อยแล้วกันค่ะ”
ดูเหมือนยังไม่เต็มใจอยู่เล็กน้อย
สายถูกวางไปแล้ว แต่มือของฟู่หมิงอวี่ที่ยังอยู่ในท่าถือโทรศัพท์กลับตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง
หรือว่าสายการบินเหิงซื่อมีชื่อเสียงไม่ดีในแวดวงนักบิน
พูดกันตามเหตุผลแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ ในด้านสวัสดิการและเงินเดือนของพนักงาน ธุรกิจสายการบินเหิงซื่อย่อมโดดเด่นอย่างแน่นอน
ฟู่หมิงอวี่วางโทรศัพท์ลง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่ามีปัญหาที่ตรงไหนกันแน่ แต่ระหว่างที่รอเขาก็เปิดดูข้อมูลรายละเอียดนักบินอีกครั้ง เม้าส์เพิ่งลากไปที่รูปภาพนั้น เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น เป็นไป่หยางโทรมา
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วรับสายโทรศัพท์ ปลายสายเป็นไป่หยางกำลังพูดอยู่
“มีธุระอะไรอีกเหรอ”
เวลานี้ไป่หยางวิ่งออกไปที่ระเบียงทางเดินด้านนอกและลดเสียงให้เบาลงพลางกล่าว “รองประธานฟู่ คุณคิดดีแล้วหรือครับ ค่าตอบแทนรายปีสองเท่าเลยนะครับ แม้ว่าเงินเดือนจะถูกเก็บเป็นความลับ แต่ถ้าหากนักบินคนอื่นรู้เข้ามันจะไม่ดีนะครับ”
“ผมรู้”
“งั้น…”
“ตรวจสอบดูสัญญาให้ละเอียดอีกที” ฟู่หมิงอวี่กล่าว “ค่าตอบแทนรายปีอีกครึ่งหนึ่งลงรายการในบัญชีผม”
“แต่ว่า…”
“อย่าจุกจิก” ฟู่หมิงอวี่ไม่อยากพูดมากกับเขา “แค่ค่าตอบแทนรายปีครึ่งหนึ่งเท่านั้น ซื้อกระเป๋าให้แฟนสาวปีหนึ่งยังมากกว่านี้เสียอีก คุณแค่ไปร่างสัญญามาสองฉบับ อีกฉบับหนึ่งเป็นสัญญารางวัลที่ผมมอบให้เป็นการส่วนตัว ไม่ผ่านมือฝ่ายการเงิน ภาษีก็ลงรายการในบัญชีผม”
“แต่เธอบอกว่าขอพิจารณาดูก่อน”
“ไม่เป็นไร ให้เธอพิจารณาไป”
ฟู่หมิงอวี่ปลดกระดุมชุดสูทหนึ่งเม็ด แล้วนวดสันคิ้ว
บ่ายสี่โมง ผ่านไปเจ็ดชั่วโมงนับตั้งแต่สิ้นสุดการโทรเมื่อครู่นั้น
ฟู่หมิงอวี่ไม่เคยรู้สึกว่าเวลาเจ็ดชั่วโมงยาวนานขนาดนี้มาก่อน
เขานั่งอยู่ในห้องประชุม คนกลุ่มหนึ่งต่างคนต่างแย่งกันพูดเกี่ยวกับแผนสำหรับเที่ยวบินแรกของ ACJ31 จนเขาปวดหัว
ระหว่างนั้นเขามองไปทางไป่หยางสองครั้ง แล้วชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือ ความหมายก็คือถามว่าทางสถาบันการบินโทรมาหรือยัง แต่ไป่หยางยังคงส่ายหน้า
เวลานี้การประชุมดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว คนในฝ่ายวางแผนต่างมองฟู่หมิงอวี่ รอเขาเป็นฝ่ายให้ข้อเสนอแนะ
ตรงหน้าของฟู่หมิงอวี่มีหนังสือแผนงานวางอยู่สามฉบับ เขากางออกทีละฉบับ แต่สายตาของเขากลับไม่ได้ทอดอยู่บนนั้นเลย
ทั้งห้องประชุมเงียบสนิทไปสามวินาที ทุกคนต่างมองฟู่หมิงอวี่อย่างตัวสั่นงันงก สีหน้าของเขาเหมือนเอาคำว่า ‘พวกคุณไม่คู่ควรกับเครื่องบิน ACJ31 ที่ผมจ่ายเงินจำนวนมากซื้อมาเลย’ เขียนไว้บนใบหน้า
ขณะที่ทุกคนคิดว่าเขาไม่ได้ฟังเลยสักนิด เขาก็เอ่ยปากกล่าว “ทีม P1 การรายงานข่าวสี่สิบนาทีของสื่อมวลชนไม่มีจุดสำคัญเลยแม้แต่น้อย เสียเวลานานขนาดนี้จะทำให้การควบคุมจราจรของสนามบินล่าช้าไปเท่าไร ทีม P2 การโฆษณาน่าเบื่อ อธิบายทื่อๆ จุดสำคัญคลุมเครือไม่ชัดเจน อีกทั้งการเลือกช่องทางสื่อสารยังขาดความสมเหตุสมผล ทีม P3 คอนเซ็ปต์ในการโฆษณาไม่มีประสิทธิภาพเลยสักนิด เพิ่มพูนทรัพยากร ข้ามขีดจำกัดด้านความคิดสร้างสรรค์ และการปฏิบัติการที่แข็งแกร่ง ถ้าสามข้อนี้ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องส่งหนังสือแผนงานขึ้นมาแล้ว”
ห้องประชุมเงียบกริบไปครู่หนึ่ง เงียบถึงขนาดเข็มตกก็สามารถได้ยินได้
“เลิกประชุม” ฟู่หมิงอวี่ดันหนังสือแผนงานตรงหน้าออกแล้วลุกขึ้นกล่าว “สัปดาห์หน้าส่งหนังสือแผนงานฉบับใหม่อีกครั้ง”
ทุกคนกลั้นหายใจมองฟู่หมิงอวี่เดินออกไปอย่างใจจดใจจ่อ หัวหน้ากลุ่มทั้งสามกลับมาเก็บของของตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
มีคนกระซิบถามไป่หยางเสียงเบา “วันนี้รองประธานฟู่อารมณ์ไม่ดีเหรอ”
ไป่หยางยิ้มอย่างจนปัญญา ไม่ได้กล่าวอะไร เดินตามออกไปเพียงสองก้าว จู่ๆ เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยุดฝีเท้าลงและรับสาย สีหน้าค่อยๆ ผ่อนคลายลง
คนข้างหน้าหันกลับมา ไป่หยางจึงใช้มือทำท่า ‘โอเค’ ให้เขา
ฟู่หมิงอวี่หันหน้าไปด้านข้าง มองท้องฟ้าสีครามด้านนอกหน้าต่างกระจก ปลดกระดุมชุดสูทหนึ่งเม็ด