With Love
ทดลองอ่าน จุดจอดหัวใจปักหมุดไว้ที่เธอ บทที่ 5-6
สัญญาถูกร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่วันก็เสร็จเรียบร้อย ไป่หยางนำมาให้ฟู่หมิงอวี่ตรวจดูโดยเฉพาะ เขาอ่านแล้วไม่มีความคิดเห็นอะไร ไป่หยางจึงส่งไปที่สถาบันการบิน
กระดูกแข็งชิ้นนี้นับว่าแทะสำเร็จแล้ว ไป่หยางนวดไหล่พลางกล่าว “มีเพียงผู้หญิงและคนต่ำต้อยที่ยากจะคบหาด้วย คำพูดของคนโบราณไม่หลอกเราจริงๆ”
เวลานี้ประธานเยี่ยนของสายการบินเป่ยจิงผู้นั้นก็โทรเข้ามา
“ฟู่หมิงอวี่ นายใช้ลูกไม้อะไรแย่งคนของฉันไป”
“คนของนาย?” ฟู่หมิงอวี่ลุกขึ้น หัวเราะเบาๆ “สัญญาน่ะเซ็นหรือยัง เป็นคนของนายแล้วเหรอ”
ทั้งสองบริษัทเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการบิน ทั้งแข่งขันกันเองทั้งส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทั้งสองฝ่ายต่างรู้จักกันดี
เรื่องนี้เยี่ยนอันลงแรงอย่างเต็มที่ หาคนไปคุยเกี่ยวกับการวางแผนอาชีพ และยังใช้การเลื่อนขั้นจากนักบินผู้ช่วยไปเป็นกัปตันซึ่งเป็นเงื่อนไขที่นักบินสนใจมากที่สุดมาเป็นเหยื่อล่อ
เป็นเพราะคิดอย่างซื่อตรงเกินไป ไม่ทันคิดเลยว่าฟู่หมิงอวี่จะทุ่มเงินไปโดยตรง
เยี่ยนอันโมโหจนยิ้มเย็น “ได้ ไม่เถียงกับนายเรื่องนี้แล้ว ถึงยังไงตอนนี้คนก็เป็นของนายแล้ว นายบอกฉันสิ อาศัยอะไรมาเอาคนของฉันไป”
“อาศัยความสามารถพิเศษส่วนตัว”
“…”
เยี่ยนอันกลอกตาแล้ววางสายไปทั้งอย่างนั้น
ฟู่หมิงอวี่วางโทรศัพท์ลงแล้วเดินไปข้างหน้าต่าง หัวคิ้วคลายออก ท้องฟ้าที่มืดครึ้มและฝนที่ตกต่อเนื่องไม่หยุดด้านนอกก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลง
จู่ๆ เขานึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันไปถาม “ACJ31 จะมาเมื่อไร”
ไป่หยางกล่าว “ทางเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศกำหนดไว้เรียบร้อยแล้วครับ ลำแรกจะขึ้นบินในเช้าวันเสาร์เวลาตีสี่ หากไม่มีข้อผิดพลาดหกโมงสิบสี่นาทีจะลงจอดที่สนามบินนานาชาติเจียงเฉิงตรงเวลาครับ”
ฟู่หมิงอวี่พยักหน้าพลางถาม “แล้วเธอล่ะ”
ไป่หยางชะงักไปครู่หนึ่งถึงมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาว่า ‘เธอ’ ที่ฟู่หมิงอวี่พูดถึงคือใคร
“ทางสถาบันการบินบอกว่าจะไม่ยอมเสียโอกาสในการนำบินแถวหลังดังนั้นครั้งนี้เธอจะบินมาด้วยครับ แต่วันเสาร์ฝ่ายบุคคลและฝ่ายธุรการไม่ทำงาน เธอจะทำเรื่องเข้ามาทำงานอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ครับ”
ฟู่หมิงอวี่หันตัวกลับมาแล้วนั่งลง พลิกเปิดเอกสารฉบับหนึ่งตรงหน้า ทันใดนั้นก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “เครื่องบินที่ไปเมืองไหวเฉิงวันเสาร์นี้บินตอนกี่โมง”
เรื่องนี้ไป่หยางจำไม่ค่อยได้ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดูแวบหนึ่งก่อนตอบ “เจ็ดโมงเช้าครับ”
ฟู่หมิงอวี่รับคำด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อืม”
วันเสาร์ ฟ้าเพิ่งจะสาง ทิศตะวันออกปรากฏสีขาวเหมือนสีพุงปลา
วันนี้อากาศไม่ถือว่าดีนัก คลื่นเมฆหมุนวนในบริเวณต่ำ บดบังแสงสว่างของดาวศุกร์
มีเที่ยวบินบินขึ้นและลงจอดในเวลานี้น้อยมาก นี่คือช่วงเวลาที่สงบเงียบที่สุดในหนึ่งวันของสนามบิน
ที่อาคารผู้โดยสารขาออกมีคนไม่น้อย แต่ก็เงียบผิดปกติ มีเสียงพลิกหน้ากระดาษเบาๆ ดังขึ้นเป็นบางครั้ง พวกผู้ใหญ่บ้างดูโทรศัพท์บ้างสัปหงก ส่วนเด็กน้อยสองสามคนเอนกายนอนเล่นและนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของพ่อแม่
ฟู่หมิงอวี่ ไป่หยาง และผู้ช่วยสองคนเดินมาด้วยฝีเท้าเร่งรีบ ผ่านระเบียงทางเดินที่ทอดยาวมุ่งตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง
ด้านหน้าเข้าแถวกันแล้ว แต่ช่องของชั้นหนึ่งกลับยังว่างอยู่ กำลังรอผู้โดยสารชั้นหนึ่งคนสุดท้ายขึ้นเครื่อง
ทว่าในเวลานี้ฟู่หมิงอวี่กลับยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ฝีเท้าหยุดลง หันศีรษะมองไปนอกหน้าต่าง
หน้าต่างกระจกบานใหญ่ยาวจรดพื้นของอาคารผู้โดยสารทำให้เห็นทัศนียภาพทุกอย่างของลานจอดอากาศยานอยู่ในสายตา แม้แต่ป้ายไฟสัญญาณบนพื้นก็ล้วนชัดเจน
ในเวลานี้เองที่ขอบฟ้าก็มีเครื่องบินลำหนึ่งแหวกเมฆออกมา ปีกเครื่องบินตัดผ่านอากาศและร่อนลงมาอย่างสง่าผ่าเผย โดยใช้มุมเอียงแปดองศาร่อนลงตรงกลางทางวิ่งเครื่องบินอย่างราบรื่น ตลอดทางรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
แม้ว่าอาคารผู้โดยสารจะสามารถตัดเสียงสะเทือนที่ดังครั่นครื้นจากภายนอกได้ แต่คนของสายการบินราวกับมีญาณหยั่งรู้ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกลุ่มหนึ่งที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางหยุดฝีเท้าอันเร่งรีบอย่างรู้กันเพื่อหยุดมองไปรอบๆ ผู้โดยสารหลายคนที่นั่งริมหน้าต่างก็หันกลับไปมองตามสายตาของพวกเธอด้วยความสงสัยเช่นกัน
บนทางวิ่งเครื่องบินมีเครื่องบินลำหนึ่งที่ทั่วทั้งลำมีสีขาวหิมะเป็นสีพื้น ลำตัวเครื่องพ่นด้วยภาพนกฟินิกซ์สีทองหนึ่งตัว ปีกสยายไปตามปีกเครื่องบิน หางฟินิกซ์เชิดสูงอยู่ตรงหางเครื่องบิน เผยให้เห็นความสง่างามไปทั่ว
ฟู่หมิงอวี่ดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง
หกโมงสิบสี่ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่น้อย
ในดวงตาปรากฏรอยยิ้มรางๆ เขายืนอยู่ตรงนี้ตลอดจนกระทั่งเครื่องบินจอดสนิทที่ลานจอดอากาศยาน
ไป่หยางดูเวลาพลางกล่าว “รองประธานฟู่ครับ?”
ฟู่หมิงอวี่หันหน้ามองเขาแล้วเลิกคิ้ว
ไป่หยางกระแอมเบาๆ “อืม ยังพอมีเวลาครับ”
ระหว่างที่พูด เด็กน้อยคนหนึ่งในห้องพักผู้โดยสารขาออกก็ตะโกนว่า “พ่อ! นั่นคือเครื่องบินอะไรครับ สวยจัง!”
พ่อของเด็กน้อยดูเหมือนจะรู้จักเครื่องบินอยู่มาก เขาอุ้มเด็กน้อยเดินไปที่ข้างหน้าต่าง “นี่คือเครื่องบินของประเทศเรา เห็นนกฟินิกซ์สีทองตัวนั้นไหม เครื่องบินที่มีลักษณะแบบนี้เรียกว่า ACJ31 ยอดเยี่ยมจริงๆ เมฆต่ำขนาดนี้ก็สามารถลงจอดโดยอัตโนมัติได้ อีกทั้ง…”
คำวิจารณ์ยาวเหยียดของผู้เป็นพ่อยังพูดไม่ทันจบ เสียงตะโกนของเด็กน้อยก็ขัดจังหวะขึ้น “ว้าว! นักบินลงมาแล้ว!”
เหมือนอย่างที่ฟู่หมิงอวี่มองเห็น รถยกบันไดขึ้นเทียบแล้ว กัปตันที่สายการบินเหิงซื่อส่งตัวไปเดินออกมาก่อนเป็นคนแรก
ข้างหน้าต่างมองเห็นทัศนียภาพได้ชัดเจนยิ่งกว่า ฟู่หมิงอวี่จึงเดินเข้าไปใกล้ช้าๆ ขณะที่ไป่หยางและผู้ช่วยอีกสองคนด้านหลังมองหน้ากันอย่างตกตะลึง แต่ก็ไม่กล้าพูดมาก รีบเดินตามไปเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้วใครบ้างไม่อยากมองเครื่องบินที่ตัวเองจ่ายเงินจำนวนมากซื้อมาให้มากหน่อย
ฟู่หมิงอวี่มองจากทางเข้าห้องผู้โดยสาร กัปตันก้าวลงมาได้สองสามขั้นแล้ว นักบินผู้ช่วยเดินตามออกมาติดๆ ทั้งสองคนนี้ฟู่หมิงอวี่ล้วนคุ้นเคยดี พวกเขาเป็นลูกเรือจากการเปลี่ยนรุ่นเครื่องบินที่เขาตัดสินใจส่งไปฝึกอบรมด้วยตัวเอง
และเมื่อคนที่สามเดินออกมา ฟู่หมิงอวี่ก็หรี่ตาลง
ลมที่ลานจอดอากาศยานแรงมาก ส่งเสียงหวีดหวิวพัดผ่านไป ทำให้เส้นผมที่ข้างแก้มทั้งสองของเธอปลิวไหวอยู่ตรงหน้า และพัดเสื้อเชิ้ตเครื่องแบบสีขาวของเธอจนพองขึ้นมา
เธอไม่ได้รีบลงบันได แต่ถอดหมวกนักบินออกแล้วหนีบไว้ระหว่างแขน ยืนอยู่ที่เดิมพลางเงยหน้ามองไปรอบๆ สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่ ‘สนามบินนานาชาติเจียงเฉิง’ ตัวอักษรขนาดใหญ่แปดคำ
“ว้าว! นั่นคือพี่สาวใช่ไหมครับ” เด็กน้อยตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “เธอเป็นแอร์โฮสเตสเหรอ ทำไมเธอถึงใส่ชุดไม่เหมือนคนอื่นล่ะครับ”
พ่อของเด็กน้อยหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและวางเด็กน้อยไว้บนบ่าตนเพื่อให้เขามองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น “ฮ่าๆ นั่นก็เป็นนักบินเหมือนกัน นักบินหญิง พ่อก็เพิ่งเคยเห็นนักบินหญิงเป็นครั้งแรกนี่แหละ”
เสียงของเด็กน้อยดึงดูดความสนใจของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่อยู่ข้างๆ หลายคน และเริ่มมีคนเข้ามายืนที่ข้างหน้าต่างเพื่อดูเครื่องบินรูปแบบพิเศษลำนั้น
ฟู่หมิงอวี่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เขาอยู่ห่างจากหน้าต่างกระจกไม่ถึงสามสิบเซนติเมตร และมองเธอเดินมาทางอาคารผู้โดยสารอย่างไม่ละสายตา เงาร่างของหญิงสาวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
กางเกงขายาวสีดำของเธอถูกลมพัดจนแนบติดกับขาทั้งสองข้าง ทุกย่างก้าวล้วนคล่องแคล่วว่องไว
กัปตันที่อยู่ด้านข้างคล้ายจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ เธอจึงเอียงหน้าขึ้น รอยยิ้มเต็มไปด้วยความเบิกบานที่แพร่กระจายไปรอบด้านจนบดบังนักบินผู้ช่วยที่เดินอยู่อีกข้าง ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้ามองมาทางอาคารผู้โดยสาร
ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอแค่กำลังมองอาคารผู้โดยสารเท่านั้น แต่สายตาที่ประสานกันในระยะห่างนี้ทำให้ลมหายใจของฟู่หมิงอวี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย
“รองประธานฟู่? เสียงประกาศเร่งให้ขึ้นเครื่องแล้วครับ”
ไป่หยางเอ่ยปากกล่าวขึ้นจากทางด้านข้าง ฟู่หมิงอวี่จึงพยักหน้า แล้วหันกายเดินไปทางประตูขึ้นเครื่อง แต่หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเขาก็หยุดลงอีกครั้ง ก่อนหันหน้ากลับไปมองทางลานจอดอากาศยาน ทว่ากลับเห็นเพียงรถรับส่งลูกเรือหนึ่งคันค่อยๆ ขับไกลออกไป
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 6 ต.ค. 66 เวลา 12.00 น.