With Love
ทดลองอ่าน จุดจอดหัวใจปักหมุดไว้ที่เธอ บทที่ 7-8
ไม่ผ่านทางไปด้วยกันก็ไม่ผ่านทางไปด้วยกันสิ แต่คำว่า ‘งั้น’ คำนี้ช่างมีไหวพริบเหลือเกิน ไป่หยางเข้าใจความหมายของหร่วนซือเสียนโดยอัตโนมัติว่าเธอไม่ได้ผ่านเส้นทางจากคอนโดฯ หมิงเฉินไปสายการบินเหิงซื่อ
“เธอไม่ได้อยู่บนเส้นทางคอนโดฯ หมิงเฉินครับ” ไป่หยางหันหน้าไปพูดกับฟู่หมิงอวี่ที่อยู่เบาะหลัง
เขาจึงพยักหน้า ไม่ได้กล่าวอะไร
รถค่อยๆ หยุดที่ทางออกของเขตคอนโดฯ รอเมื่อแขนกั้นรถยนต์เปิดออก ฟู่หมิงอวี่ก็เงยหน้ามองออกไปข้างนอกหน้าต่างรถ ทันใดนั้นสายตาก็หยุดชะงัก
ไป่หยางเห็นฟู่หมิงอวี่กำลังสนใจอะไรบางอย่างจากกระจกมองหลัง ก็เลยมองตามสายตาของเขาไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ผู้หญิงร่างสูงโปร่งที่ยืนข้างแปลงดอกไม้ริมถนน กางร่มหนึ่งคัน ท่าทางคล้ายกำลังรอรถอยู่คนนั้น ไม่ใช่หร่วนซือเสียนแล้วยังจะเป็นใครได้อีก
ในรถเงียบกริบอย่างกับคนไร้ชีวิตไปแล้วก็ไม่ปาน
ไม่ใช่ไม่ได้ผ่านทางเดียวกันหรอกเหรอ
เธอไม่รู้จัก ‘คอนโดฯ หมิงเฉิน’ สี่คำใหญ่ๆ ที่เปล่งประกายแวววับนี้เหรอ
ไป่หยางกระแอมหนึ่งครั้ง เปิดไอแพดแล้วเปิดบันทึกการประชุมฉบับหนึ่งส่งให้ฟู่หมิงอวี่ แสร้งทำเป็นไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“รองประธานฟู่ นี่คือบันทึกการประชุมของเมื่อวานครับ”
ฟู่หมิงอวี่รับไอแพดมา เลื่อนเปิดไปสองหน้า จู่ๆ ก็กล่าวขึ้นมา “ตอนที่คุณไปที่สถาบันการบินได้ทำให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า”
ไป่หยางรีบหวนนึกถึงคำพูดและการกระทำของตัวเองในตอนนั้นทันที เขารู้สึกว่าแต่ไหนแต่ไรมาตัวเองเป็นคนที่มีกิริยามารยาทสง่างามเฉลียวฉลาด ทั้งยังรู้จักพูด และไม่เคยโมโหใครมาก่อน หน้าตาก็นับว่าหล่อเหลา จะทำให้คนไม่พอใจได้อย่างไร
ยังไม่ทันตอบ ฟู่หมิงอวี่ก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง “ต่อไประวังคำพูดและการกระทำของตัวเองให้มากๆ อย่าทำให้ผมขายหน้า”
“…”
โอเค ถ้าเจ้านายบอกว่าเป็นปัญหาของเรา งั้นก็ต้องเป็นปัญหาของเรา
“ทราบแล้วครับ ต่อไปผมจะระวัง”
หร่วนซือเสียนไม่ได้สนใจคาเยนน์ตรงหน้าที่ค่อยๆ ขับออกไปเลย เธอเห็นว่าฝนหยุดตกแล้ว จึงเก็บร่มใส่ไว้ในกระเป๋า ตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง รถแท็กซี่คันหนึ่งก็ค่อยๆ จอดชิดข้างทาง
เมื่อมองทะเบียนรถ เธอก็แน่ใจว่าเป็นรถคันนั้นที่ตัวเองเรียกไว้ ขณะกำลังจะเดินเข้าไป จู่ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งก็วิ่งพรวดออกมาตัดหน้าหร่วนซือเสียนแล้วเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับ
การเคลื่อนไหวของเธอคนนั้นกะทันหัน ทำให้หร่วนซือเสียนตกใจจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“คนขับ ไปสายการบินเหิงซื่อ”
หร่วนซือเสียนถูกการกระทำเช่นนี้ทำให้ตกใจจนตะลึงงัน หลังจากมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาแล้วก็ดึงประตูรถที่กำลังจะปิดทันที
“ขอโทษนะคะ นี่คือรถที่ฉันเรียก”
ผู้หญิงคนนั้นก้มหน้าคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างลนลานโดยไม่มองหร่วนซือเสียนเลยสักนิด “ให้ฉันไปก่อนได้ไหม ฉันรีบ กำลังจะประชุมสายแล้ว!”
“ไม่ได้ค่ะ”
หร่วนซือเสียนมือหนึ่งดึงประตูรถ มือหนึ่งยันหลังคารถไว้ “รบกวนคุณลงมาด้วย”
หนีถงจับเข็มขัดนิรภัยแน่น แววตาร้อนรน น้ำเสียงหงุดหงิด อยากจะยื่นมือไปดึงประตู แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้กลับมีเรี่ยวแรงมาก เธอดึงอย่างไรประตูก็ไม่ขยับเลยสักนิด
หนีถงรีบจนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงพนมมือไหว้พลางอ้อนวอน “รบกวนคุณช่วยรออีกหน่อยได้ไหมคะ ช่วยหน่อยได้ไหม ฉันมีประชุมที่สำคัญมากจริงๆ”
เช้าตรู่วันนี้มีเครื่องบินลำหนึ่งเกิดอุบัติเหตุด้านความปลอดภัย สายการบินเหิงซื่อจึงส่งข่าวมาอย่างกะทันหันว่าจะจัดบรรยายทางวิชาการเรื่องความปลอดภัย โดยขอให้พนักงานแผนกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทั้งหมดที่ไม่ได้อยู่บนเที่ยวบินมากันให้ครบ
“ไม่ได้ค่ะ” หร่วนซือเสียนยืนขวางอยู่หน้าประตูรถ น้ำเสียงไม่เป็นมิตร “ฉันก็มีธุระที่สำคัญมากเหมือนกัน”
จริงๆ แล้วหร่วนซือเสียนไม่ได้รีบ ถ้าหากผู้หญิงคนนี้พูดกับเธอดีๆ ก่อน เธอจะหลีกทางให้อย่างแน่นอน แต่ทันทีที่มาถึงก็มาแย่งรถของเธอไป ดังนั้นตีให้ตายเธอก็จะไม่หลีกทางให้
“ขอร้องคุณล่ะ พี่สาว จริงๆ นะ ช่วยฉันสักครั้งเถอะ คุณช่วยเป็นคนใจดีมีเมตตาจะได้ไหมคะ”
กล่าวจบก็เห็นว่าหร่วนซือเสียนไม่ได้มีท่าทีผ่อนคลาย หนีถงก็ทำเสียงให้อ่อนโยนอีกครั้งพลางดึงแขนเสื้อเธอ แล้วปลดปล่อยกลยุทธ์ชาเขียวออกมา
“พี่สาว ขอร้องคุณนะคะ ช่วยหน่อยได้ไหม เมื่อคืนฉันทานอาหารกับเพื่อนสองสามคน ดื่มเหล้าไปนิดหน่อย ตอนเช้าเลยนอนตื่นสายน่ะค่ะ”
น้ำเสียงออดอ้อนไม่สามารถทำให้หร่วนซือเสียนเกิดความเห็นใจได้ แต่ทำให้คนขับรถหัวเราะอยู่พักหนึ่ง “สาวน้อย นี่คือรถที่เรียกทางออนไลน์ ฉันเองก็พาเธอไปไม่ได้ ไม่งั้นจะผิดกฎ”
“…”
ในเวลาเดียวกัน หร่วนซือเสียนก็โบกโทรศัพท์ไปทางเธอ เม้มปากยิ้มราวกับว่าตัวเองก็จนปัญญาเหมือนกัน
หนีถงหันหลังมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง แม้ไม่เห็นว่ามีรถแท็กซี่มา แต่ก็จำใจต้องปลดเข็มขัดนิรภัยออก
เธอเพิ่งหลีกทางให้ หร่วนซือเสียนก็ขึ้นไปนั่งและปิดประตูอย่างแรงทันที
ในชั่วพริบตาหนีถงก็ได้ยินเสียงตอบรับอัตโนมัติจากโทรศัพท์มือถือของคนขับในรถ “ได้รับผู้โดยสารหมายเลขท้ายหกสองสามสามจากคอนโดฯ หมิงเฉินไปยังสายการบินเหิงซื่อเรียบร้อยแล้ว”
“บัดซบ!” หนีถงมองรถยนต์ที่ขับจากไป สูดควันจากท่อไอเสียของรถยนต์เข้าไปเต็มปอด โมโหจนกระทืบเท้าปึงปัง “คนอะไรเนี่ย!”
โชคดีที่ไม่นานก็มีรถแท็กซี่ผ่านมาคันหนึ่ง หนีถงรีบโบกทันที แล้วให้คนขับเหยียบคันเร่งตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงก่อนเวลาที่กำหนด
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่ทางเข้าลิฟต์อาคารสำนักงานใหญ่ของสายการบินเหิงซื่ออีก
หร่วนซือเสียนก็ประหลาดใจมากเช่นกัน เธอหันหน้าเหลือบไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างซึ่งรอลิฟต์อยู่กับเธอ ศัตรูบนทางแคบจริงๆ
ดูท่าต่อไปคงจะได้เป็นเพื่อนร่วมงานกันเสียล่ะมั้ง