With Love
ทดลองอ่าน จุดจอดหัวใจปักหมุดไว้ที่เธอ บทที่ 7-8
บทที่ 8
จนกระทั่งลิฟต์มาถึงชั้นห้องประชุม หนีถงก็ได้สติกลับมาในที่สุด
หร่วนซือเสียน?
เธอท่องชื่อนี้ในใจอยู่หลายครั้ง ขณะที่ประตูลิฟต์ปิดลง ในที่สุดเธอก็นึกออก
หร่วนซือเสียน เป็นหร่วนซือเสียนคนนั้นที่ทำให้เธอรู้สึก ‘ด้อยกว่า’
แต่เธอกลับมาได้ยังไง
ทั้งยังเป็นนักบินของฝูงบินอีก
ขณะที่จิตใจกำลังสั่นไหว ลิฟต์ก็ลงมาถึงชั้นเก้าแล้ว เมื่อหนีถงได้สติกลับมาอีกครั้งก็กดปุ่มหมายเลขอย่างบ้าคลั่ง แต่น่าเสียดายที่สายเกินไปเสียแล้ว
เมื่อกลับมาที่ชั้นห้องประชุมอีกครั้ง การบรรยายทางวิชาการเรื่องความปลอดภัยก็เริ่มขึ้นแล้ว
เธอมาสายอย่างที่คิดจริงๆ
หนีถงรู้สึกไม่สบายใจ รีบสแกนลายนิ้วมือบนเครื่องสแกนลายนิ้วมือหน้าประตู จากนั้นก็แอบย่องเข้าไปทางประตูด้านหลังเงียบๆ และนั่งที่นั่งตรงมุมของแถวหลัง
เพื่อนร่วมงานข้างๆ กล่าวเสียงเบา “ทำไมเธอถึงมาสาย”
หนีถงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาพลางกล่าว “อย่าพูดถึงเลย หงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว”
เมื่อหาวีแชตของเจียงจื่อเยวี่ยเจอ เธอก็พิมพ์ข้อความทันที ‘อาจารย์ หร่วนซือเสียนกลับมาแล้วเหรอ’
หลังจากส่งข้อความออกไป เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่กี่วันก่อนเจียงจื่อเยวี่ยบอกว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุดที่สเปน เวลานี้น่าจะเพิ่งขึ้นบินได้ไม่นาน
เพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านข้างยังคงกล่าวต่อ “เธอไม่เห็น เมื่อกี้หวังเล่อคังมองมาที่กลุ่มหัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินแล้วมีเธอคนเดียวที่ขาดประชุม เขาโมโหจนหน้าดำหมดแล้ว”
หนีถงวางโทรศัพท์ลงแล้วหันหน้าไปถาม “หร่วนซือเสียนกลับมาแล้วเหรอ”
เพื่อนร่วมงานงุนงง “ใคร”
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักตัวละครตัวนี้
“ช่างเถอะ” หนีถงไม่สนใจอีก
เธอแค่คิดว่าบางทีคนเมื่อกี้นี้อาจพูดว่า ‘หร่วนซือเสียณ’ หรือ ‘หร่วนซือเสียญ’ หรืออาจเป็น ‘หร่วนซือเสียร’
ถึงยังไงก็ไม่ใช่ชื่อที่พิเศษมาก อาจเป็นชื่อเดียวกันแซ่เดียวกันก็ได้
ไม่งั้นจากคำพูดของเจียงจื่อเยวี่ย เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับหร่วนซือเสียน เธอจะกลับมาที่สายการบินเหิงซื่ออีกได้ยังไง
ยิ่งกว่านั้นยังกลับมาที่แผนกการบินที่รองประธานฟู่ดูแลอยู่ด้วย
ถ้าเป็นฉัน ตีให้ตายยังไงก็ไม่มีทางกลับมาที่สายการบินเหิงซื่ออีก
ขณะที่หนีถงกำลังคิดวุ่นวายอยู่นั้น หร่วนซือเสียนก็จัดการทำเรื่องเข้างานที่ฝ่ายบุคคลแล้ว
ตอนที่ฝ่ายบุคคลป้อนข้อมูลลงบนอินทราเน็ต เธอก็เงยหน้าสังเกตที่นี่อย่างละเอียดอีกครั้ง ตั้งแต่เธอเหยียบย่างเข้ามาในสายการบินเหิงซื่อก็พบว่าเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย
ทางด้านขวาของห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่งที่เคยมีพื้นที่กว้างขวาง ตอนนี้มีแบบจำลองขนาดใหญ่ของเครื่องบิน ACJ31 เหมือนสัญลักษณ์ตั้งอยู่อย่างสง่าในตำแหน่งที่สะดุดตา
พนักงานต้อนรับส่วนหน้าเปลี่ยนจากสี่คนเป็นหกคนแล้ว และเปลี่ยนเครื่องแบบใหม่ ไม่ใช่เสื้อสูทและเสื้อตัวนอกสีดำสนิทอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว
ฝ่ายบุคคลย้ายจากชั้นสิบหกไปยังชั้นที่สิบสี่
และตลอดทางที่เดินมา หร่วนซือเสียนไม่เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเลยสักคน ทั้งยังไม่ค่อยพบเห็นคนสักเท่าไร
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ฝ่ายบุคคลพิมพ์ใบรายการสองใบ ใบเล็กหนึ่งใบ ใบใหญ่หนึ่งใบให้หร่วนซือเสียน “ใบเล็กเป็นหมายเลขบัญชีอินทราเน็ตรวมทั้งหมายเลขพนักงานของคุณ และยังมีรหัสผ่านสำหรับล็อกอินอย่างอื่นอยู่ในนี้ ส่วนใบใหญ่คือใบรายการขั้นตอนการทำงาน คุณนำไปรายงานและประทับตราที่แผนกการบินบนชั้นสิบหก หลังจากจัดการแล้วค่อยไปที่แผนกธุรการเพื่อรับเครื่องแบบก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
หร่วนซือเสียนกล่าวขอบคุณ พอถือของเดินและออกจากสำนักงานแล้วถึงเริ่มดูหมายเลขพนักงานใหม่ของตัวเองอย่างละเอียด
ที่จริงแล้วจนถึงตอนนี้เธอยังท่องหมายเลขพนักงานเดิมของตัวเองได้ เพียงแต่ตัวอักษรที่คำนำหน้าเปลี่ยนไปเท่านั้น
สายการบินเหิงซื่อใช้ตัวอักษรตัวแรกของโครงสร้างองค์กรบริษัทเรียงลำดับหมายเลขพนักงาน โดยยึดคณะกรรมการเป็นลำดับแรกแล้วไล่ลงมาเป็นชั้นๆ คำนำหน้าของแผนกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคือ ‘E’
และตอนนี้คำนำหน้าหมายเลขพนักงานของเธอเปลี่ยนเป็น ‘D’ ซึ่งเป็นแผนกการบิน
ฝ่ายบุคคลเป็นหญิงสาววัยรุ่น ตอนที่ประทับตราให้หร่วนซือเสียนก็สังเกตเธออย่างละเอียดเงียบๆ ที่มุมปากมีลักยิ้มบางๆ สองข้าง
“เป็นครั้งแรกที่ฉันเจอนักบินหญิงค่ะ” มือของหญิงสาวเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว เซ็นชื่อประทับตราไม่หยุด แต่ไม่มีผลต่อการพูดคุยเรื่อยเปื่อยของเธอ “แถมยังเป็นนักบิน ACJ31 ฉันได้ยินมาว่านักบินรุ่นนี้เก่งมาก แข่งขันกันมากเป็นพิเศษ นักบินที่สายการบินของพวกเรารับสมัครเข้ามามีหลายคนที่หากอยู่ในสายการบินอื่นล้วนต้องได้เป็นกัปตันกันทั้งนั้น” เธอชำเลืองมองหร่วนซือเสียนอย่างเขินอายอีกครั้ง “ส่วนคุณก็เป็นนักศึกษาที่เก่งที่สุด เก่งมากเลย” กล่าวจบก็หยิบโทรศัพท์ออกมา “พวกเราเพิ่มเพื่อนในวีแชตกันได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ” หร่วนซือเสียนหยิบโทรศัพท์ออกมา แต่พบว่ามีสายเข้าพอดี
หน้าจอแสดงหมายเลขโดยตรง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนรู้จัก แต่หร่วนซือเสียนจำตัวเลขได้ หมายเลขชุดนี้ไม่ใช่ไม่คุ้นเคย และน่าจะเคยติดต่อในช่วงไม่นานมานี้
“ฉันรับโทรศัพท์ก่อนได้ไหมคะ”
ฝ่ายบุคคลยิ้มแล้วพยักหน้า “ได้ค่ะ คุณรับก่อนเถอะค่ะ ฉันยังต้องกรอกข้อมูลอีกมากเหมือนกัน”
หร่วนซือเสียนถือโทรศัพท์แล้วเดินออกไป จากนั้นก็เลี้ยวไปทางขวาซึ่งเป็นระเบียงทางเดินกระจก
ระเบียงทางเดินนี้เชื่อมต่อกับห้องประชุมระหว่างประเทศของแผนกการบินและแผนกการจัดการ กว้างเจ็ดถึงแปดเมตร เมื่อแสงแดดส่องเข้ามาผ่านกระจกบานหนึ่งก็เผยความรู้สึกเย็นยะเยือก สะท้อนกลิ่นอายของความทันสมัยออกมา ทำให้เห็นว่าที่นี่ดูสงบเงียบมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีประสิทธิภาพในการขยายเสียง ทำให้เสียงฝีเท้าที่เดินมาแต่ไกลสามารถสะท้อนก้องไปทั่วระเบียงทางเดิน