หร่วนซือเสียนมักคิดว่าบรรยากาศที่นี่ค่อนข้างคล้ายกับสถานที่บางแห่ง แต่ตอนนี้กลับนึกไม่ออก
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใครคะ”
“คุณหร่วน ผมเยี่ยนอันครับ”
อ้อ เยี่ยนอัน ประธานเยี่ยนของสายการบินเป่ยจิง เมื่อไม่นานมานี้เคยใช้หมายเลขนี้ติดต่อมา
“สวัสดีค่ะ ประธานเยี่ยน โทรหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
“ก็ไม่ได้มีธุระอะไรหรอกครับ ผมแค่อยากถามว่าคุณไปรายงานตัวที่สายการบินเหิงซื่อหรือยัง ถ้ายังไม่ได้ไปรายงานตัว คุณต้องการจะพิจารณาอีกทีไหม”
ตอนที่เขาพูดให้ความรู้สึกประชดประชันอยู่สองสามส่วน อยู่ตรงกลางระหว่างความเป็นกันเองและการยั่วเย้า แตกต่างจากน้ำเสียงที่จริงจังและเย็นชาของฟู่หมิงอวี่อย่างสิ้นเชิง
เสียงของเขาฟังดูเหมือนล้อเล่น ดังนั้นจึงทำให้คนผ่อนคลายได้อย่างง่ายดาย
“โชคไม่ดีเลยค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ที่ฝ่ายบุคคล กรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประธานเยี่ยนคะ ขอบคุณในความหวังดีของคุณนะคะ”
“เฮ้อ…”
เยี่ยนอันถอนหายใจหนักหน่วง
เสียดายขนาดนั้นเลยเหรอ
หร่วนซือเสียนไม่รู้ว่าระหว่างเยี่ยนอันและฟู่หมิงอวี่ต่างฝ่ายต่างขัดหูขัดตากันและกันมาตลอด ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นที่ต้องการตัวขนาดนี้ คงรีดไถฟู่หมิงอวี่มากกว่านี้ไปแล้ว
ไม่แน่ว่าถ้าเรียกค่าตอบแทนรายปีสามเท่า เขาอาจจะตอบตกลง
“งั้นคุณหร่วนครับ ผมอยากรู้จริงๆ ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณจะเซ็นสัญญากับพวกเราอยู่แล้ว แต่ทำไมสุดท้ายคุณถึงเลือกสายการบินเหิงซื่อล่ะครับ”
เพราะอะไรงั้นเหรอ
ตอนที่หร่วนซือเสียนเซ็นสัญญาก็คำนวณจุดทศนิยมไปด้วย ทั้งยังคำนวณไปถึงสามรอบ
เงินเดือนของเธอหมดไปกับการจ่ายภาษีจนเกือบจะไล่ทันค่าตอบแทนที่เธอเป็นแอร์โฮสเตสในตอนนั้นแล้ว
ไม่มีใครอยากลำบากในเรื่องการเงินกันหรอก
ยิ่งไปกว่านั้นค่าตอบแทนครึ่งหนึ่งของเธอยังลงรายการในบัญชีของฟู่หมิงอวี่
เมื่อนึกถึงท่าทางที่เขาใช้เงินมาขอร้องเธอ หร่วนซือเสียนก็รู้สึกว่าเซลล์ทั้งหมดในร่างกายมีความสุขขึ้นมาทันที
ค่าตอบแทนรายปีสองเท่า เท่ากับความสุขสิบเท่า
แต่เธอไม่สามารถพูดแบบนี้กับคนอื่นได้ เพราะเป็นเรื่องที่หยาบคาย
“นี่…”
ทันใดนั้นเยี่ยนอันก็ถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมา “หรือที่จริงแล้วฟู่หมิงอวี่โปรยยาเสน่ห์อะไรใส่คุณ เขาใช้เสน่ห์ยั่วยวนคุณใช่หรือเปล่า หืม?”
ถึงอย่างไรคนก็ถูกแย่งไปแล้ว เยี่ยนอันจึงไม่ต่อสู้ดิ้นรนอย่างไร้ความหมายอีก เขาแค่สนใจในตัวผู้หญิงคนนี้เล็กน้อย ขณะที่พูดกับเธอจึงแฝงไปด้วยเจตนายั่วเย้าโดยไม่รู้ตัว
หร่วนซือเสียนน่าจะฟังความหมายของเยี่ยนอันออกแล้วเช่นกัน จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ประธานเยี่ยน ทำไมถึงพูดแบบนี้คะ”
คนที่ปลายสายผ่อนคลายลงพลางกล่าวด้วยความริษยา “ไม่ใช่เหรอ ฟู่หมิงอวี่คนนี้ปกติแล้วก็ใช้ใบหน้านั้นเที่ยวหลอกลวงต้มตุ๋นไปทั่ว สร้างความหายนะให้กับผู้หญิงไม่น้อย”
คงจะจริง ทุกเช้าเขาจะต้องตื่นขึ้นมาส่องกระจกแล้วคงคิดว่าตัวเองหล่อระเบิดแน่ๆ
ในสมองของหร่วนซือเสียนปรากฏท่าทางที่ฟู่หมิงอวี่ชื่นชมตัวเองอยู่หน้ากระจก จึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“รองประธานฟู่น่ะ รูปลักษณ์โดดเด่นชวนตะลึง บุคลิกหน้าตาหล่อเหลาผ่าเผย ท่วงท่าองอาจไม่ธรรมดา…”
กล่าวออกมาได้เพียงครึ่งหนึ่ง เธอก็มองไปที่จอแอลอีดีซึ่งมีภาพของคนกลุ่มใหญ่เดินออกมา และคนที่เดินนำหน้าอยู่นั้น…
วาจาโต้ตอบของหร่วนซือเสียนไม่ได้หยุดลง เธอยังคงพูดต่อไป
“กิริยาวาจาสุภาพเรียบร้อย ภาพลักษณ์ผึ่งผาย…”
เงาคนด้านหลังยืนนั่งไม่ขยับแล้ว สายตาสิบกว่าคู่จ้องมองมา และมีสายตาคู่หนึ่งร้อนแรงที่สุด
เสียงของหร่วนซือเสียนเบาลงเรื่อยๆ
ไม่
นี่ไม่ใช่ภาพของการกลับมาเจอกันอีกครั้งอย่างที่เธอจินตนาการไว้
เดิมทีเธอแค่อยากถากถางฟู่หมิงอวี่กับเยี่ยนอันสักหน่อย แต่ตอนนี้ถูกคนพบเข้าแล้ว ไม่แน่ว่าคนคนนี้อาจจะจินตนาการขึ้นมาอีกว่าเธอกำลังแสดงความรู้สึกรักใคร่ชื่นชมเขาอยู่
ตอนนี้เธอต้องรีบกลับลำอย่างเร่งด่วน
“สง่างามอย่างอิสระ มีความเป็นธรรมชาติอย่างไร้ข้อจำกัด…ที่ว่ามานี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย”
“…”
ทุกประโยคสามารถโน้มน้าวจิตใจให้คนคล้อยตามได้ แต่จู่ๆ กลับเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน จู่โจมกลุ่มคนที่ตั้งใจฟังให้หยุดฟังจนตั้งตัวแทบไม่ทัน และชั่วขณะหนึ่งพวกเขาก็หวังว่าตัวเองคงจะหูหนวก
พวกเขาหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น หลังจากนั้นก็เดินไปข้างหน้าต่อ เพียงแต่ฝีเท้าแข็งทื่อไปเล็กน้อยเท่านั้น