รอยยิ้มในดวงตาของหลี่เจาเกอหม่นจางลง สีหน้าพลันขรึมตามไปด้วย ที่แท้…นี่สินะจุดประสงค์ของเขา หากไม่ใช่เพื่อคนพวกนี้ คาดว่าเขาคงดูแคลนการมาตำหนักบรรทมของนางด้วยซ้ำ
คนจริงกล้าทำกล้ารับ หลี่เจาเกอผงกศีรษะรับโดยไม่ลังเลใดๆ “เป็นข้า”
จ้าวอ๋องหลี่ไหว…คือน้องชายของหลี่เจาเกอและเป็นอดีตรัชทายาท ตั้งแต่ปีกลายเสียงเรียกร้องในราชสำนักให้แต่งตั้งจ้าวอ๋องหลี่ไหวเป็นผู้สืบบัลลังก์เริ่มดังหนาหูขึ้นทุกที มีขุนนางไม่น้อยลอบพูดจาแทนหลี่ไหว สิ่งที่น่าหวั่นใจคือเสด็จแม่ก็เผยท่าทีว่าจะมอบบัลลังก์ให้หลี่ไหวเช่นกัน หลี่เจาเกอล่วงเกินผู้คนไปตั้งมากเพียงนั้น หากนางไม่อาจเป็นฮ่องเต้ คนตายรายถัดไปก็คงเป็นนางเอง นางจึงได้แต่ให้ร้ายหลี่ไหวว่าคิดคด ลงโทษเนรเทศเขาแล้วสังหารระหว่างเดินทาง
ใช่นางจริงเสียด้วย เผยจี้อันกำนิ้วมือแน่นจนเป็นกำปั้น เส้นเลือดเขียวปูดโปนบนหลังมือ “ต้าเซิ่งฮ่องเต้สวรรคตกะทันหัน…ใช่เจ้าหรือไม่”
ต้าเซิ่งฮ่องเต้ก็คือเสด็จแม่อู่จ้าว หลี่เจาเกอยอมรับโดยไม่อิดเอื้อน “เป็นข้า”
ภายหลังข่าวการตายของหลี่ไหวแพร่มาถึงวังหลวง เสด็จแม่ก็กระอักเลือด อาการป่วยพลันทรุดหนักลง เดือนสิบเอ็ดหรือก็คือเดือนที่แล้วเสด็จแม่เรียกหลี่เจาเกอไปพบหน้าแท่นบรรทม ซักถามว่าเรื่องที่หลี่ไหวคิดคดเป็นมาอย่างไรกันแน่
หลี่เจาเกอยังจะทำเช่นไรได้ เดินมาจนถึงก้าวนี้นางสิ้นไร้ทางถอยแล้ว นางจึงได้แต่สังหารเสด็จแม่ ปลอมแปลงพระราชโองการ ตั้งให้ตนเองเป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป
“สกุลเผยของข้ามีชื่อเสียงสุจริตมาร้อยปี สกุลท่านตาของข้าก็สร้างคุณูปการมาหลายชั่วคน แต่สุดท้ายลงเอยด้วยการถูกถอดยศ ริบตำแหน่ง บ้านแตกสาแหรกขาด…ใช่ฝีมือเจ้าหรือไม่”
“เป็นข้า”
สกุลท่านตาของเผยจี้อันคือสกุลจ่างซุน เป็นตระกูลใหญ่ลือเลื่องในอดีตเมืองหลวงฉางอัน ไม่เพียงเคยมีสตรีในตระกูลเป็นฮองเฮา สกุลจ่างซุนยังได้รับความสำคัญจากเหวินจงและเกาจงฮ่องเต้สององค์ก่อน ในเมื่อเสด็จแม่หมายจะแหวกเปิดม่านมุก ไม่อยู่หลังม่านก้าวขึ้นเป็นฮ่องเต้เสียเองก็มีแต่โค่นสกุลจ่างซุนทิ้ง ทว่าบิดาของเผยจี้อันไม่รู้จักขอบเขต ช่วยพูดจาแทนสกุลจ่างซุน จึงต้องโทษเฉกเช่นกัน หลี่เจาเกอพยายามรักษาชีวิตคนสกุลเผยจนสุดกำลังแล้ว หาไม่สกุลเผยตกอยู่ในเงื้อมมือขุนนางที่ใช้ทัณฑ์ทารุณอย่างโหดเหี้ยมกลุ่มนั้นมีหรือยังจะรอดตัวอย่างปลอดภัยได้
เผยจี้อันดวงตาแดงฉาน เบ้าตาแทบปริแตก คั่งแค้นจนอยากถลกหนังกัดกลืนสตรีที่อยู่เบื้องหน้าสายตาทั้งเป็น หลายปีมานี้ทุกครั้งที่เขานึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านตา ญาติผู้พี่สกุลจ่างซุน และคนสกุลเผยต้องประสบ เขาล้วนแค้นใจจนอยากจะปลิดชีพตนเองให้สาบสูญไปจากโลกใบนี้ชั่วกาล นี่ล้วนต้องโทษเขาผู้เดียวที่โดนถูกสตรีผู้นี้เพ่งเล็งจึงชักนำเภทภัยไม่สิ้นสุดมาสู่วงศ์ตระกูลและท่านตา
เผยจี้อันฝืนข่มตาหลับสุดกำลังหนึ่งหน ก่อนจะถามต่อ “ฉู่เยวี่ยถูกโจมตีจากตรอกสองข้างระหว่างทางเข้าวัง รถเสียหายคนสิ้นชื่อ ตอนนางหมดลมยังอุ้มท้องสามเดือน นี่ก็เป็นฝีมือเจ้าด้วย?”
ก่อนหน้านี้หลี่เจาเกอตอบด้วยแววตากระจ่าง น้ำเสียงหนักแน่น นางรู้ตัวว่าฆ่าคนและรู้ด้วยว่าหากนางไม่ฆ่าพวกเขาก่อน หลี่ไหว เสด็จแม่ และคนสกุลจ่างซุนก็จะต้องฆ่านาง นี่เป็นการต่อสู้ทางการเมืองทั้งสิ้น ผู้ใดพ่ายแพ้ผู้นั้นรับชะตา มีความยุติธรรมใดให้เรียกร้องเล่า ทว่าคำถามหนนี้หลี่เจาเกอกลับเงียบไป
เผยฉู่เยวี่ยคือน้องสาวของเผยจี้อัน คบหาสนิทสนมกับหลี่ฉังเล่อ นับได้ว่าเป็นสหายที่โตมาด้วยกัน ตอนหลี่เจาเกอออกคำสั่งสังหารเผยฉู่เยวี่ย นางไม่รู้เลยว่าเผยฉู่เยวี่ยตั้งครรภ์อยู่
แต่นั่นแล้วอย่างไรเล่า ฆ่าไปแล้วก็คือฆ่าไปแล้ว หลี่เจาเกอไม่ได้แก้ต่างให้ตนเอง ยังคงยอมรับอย่างเฉียบขาด “มิผิด เป็นข้า”
ถ้อยคำประโยคนี้เป็นดั่งฟางเส้นสุดท้ายกดทับจิตใจเผยจี้อันจนพังครืน เขาจ้องมองหลี่เจาเกออย่างปวดร้าวระคนชิงชัง “เพราะเหตุใดกันหลี่เจาเกอ เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วย หากเจ้าแค้นข้าก็มาลงที่ข้าให้เต็มที่ เหตุใดต้องทำร้ายคนในครอบครัวข้า เหยียบย่ำวงศ์ตระกูลข้า”
หลี่เจาเกอไม่อยากตอบคำถามจำพวกนี้ การสนทนาหนนี้หาความรื่นรมย์ไม่ได้เลยจริงๆ นางจึงหมุนตัวไปส่องคันฉ่องจัดแต่งแขนเสื้อของตนพลางกล่าว “ถึงฤกษ์ยามมงคลแล้ว เหล่าขุนนางยังคอยอยู่ด้านนอก ข้าจะต้องไปตำหนักหานหยวนก่อน คิดว่าท่านคงไม่อยากตามข้าไปร่วมพิธี เช่นนั้น…ราชบุตรเขยก็เชิญกลับเถิด”
หลี่เจาเกอหันแผ่นหลังให้เผยจี้อัน นางหารู้ไม่ว่าในดวงตาของเขาได้ฉายประกายแดงรางๆ ดูบ้าบิ่นผิดธรรมดา ไม่คล้ายคนปกติโดยสิ้นเชิง เผยจี้อันกอดความเพ้อฝันสุดท้ายอันริบหรี่ไว้พลางถาม “ฉังเล่อเล่า”
มือของหลี่เจาเกอที่จัดแต่งแขนเสื้ออยู่พลันชะงัก นางหลุบตาลงชั่วครู่แล้วลดแขนเสื้อลงช้าๆ ริมฝีปากหยักยิ้ม “ก็เป็นข้าเช่นกัน”
นางสังหารคนไปมากเพียงนั้น ทว่ามีแต่ตอนสังหารหลี่ฉังเล่อเท่านั้นที่นางรู้สึกสาสมใจ
ความเพ้อฝันริ้วใยสุดท้ายของเผยจี้อันดับสูญแล้ว ตอนเขาถามประโยคนี้ออกไป ถึงขั้นภาวนาว่าหลี่เจาเกอจะปฏิเสธ ต่อให้นางโป้ปดก็ไม่เป็นไร ทว่า…นางไม่ยี่หระแม้แต่จะหลอกเขา
สตรีผู้นี้โหดร้ายไร้น้ำใจถึงขั้นนี้