หยางหวาแม้ไม่เข้าใจว่ากฎสวรรค์เป็นเช่นไร ทว่าเห็นสีหน้าของหมู่ตานแล้ว มีหรือจะไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของ ‘การเพิ่มโทษอีกหนึ่งขั้น’ ต้องร้ายแรงยิ่ง เขาถูกเชือกมัดขาดอิสรภาพ ถึงกระนั้นก็ยังคลานไปเบื้องหน้าอย่างยากลำบากเพื่อเอ่ยขอความเมตตา “หมู่ตานเป็นผู้บริสุทธิ์ ล้วนโทษข้าแต่ผู้เดียว ข้าขโมยเสื้อผ้าของหมู่ตานไป ทำให้นางไม่อาจกลับสวรรค์ เป็นข้าที่หลอกล่อให้นางรั้งอยู่บนโลกมนุษย์จนตกเป็นภรรยาของข้า หากเทียนจุนจะลงโทษก็ลงโทษข้าแล้วกัน อย่าตำหนิหมู่ตานเลย!”
ฉินเค่อผู้รั้งตำแหน่งเป่ยเฉินเทียนจุนมองคนเบื้องล่างอย่างสงบ นับพันปีที่ผ่านมาเขาได้ยินถ้อยคำจำพวกนี้ไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว โทษทัณฑ์ที่ราชสำนักสวรรค์ใช้กับผู้มีใจฝักใฝ่ปุถุชนแม้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทว่าผู้ฝ่าฝืนทั้งที่รู้อยู่แก่ใจกลับยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นการตัดสินเซียนรายที่ห้าที่ลักลอบใช้ชีวิตฉันสามีภรรยากับมนุษย์ รายก่อนๆ ยังกล่าวได้ว่าเลอะเลือน ไม่รู้ความ ด้อยประสบการณ์ แต่เซียนหมู่ตานดูแลร้อยบุปผามาพันปีไม่เคยผิดพลาด นางถึงกับกระทำผิดข้อหานี้เช่นกัน ทำให้ฉินเค่อยากจะเข้าใจจริงๆ
จริงอยู่ความรักของหมู่ตานกับหยางหวาแกร่งยิ่งกว่าทองคำ ในห้วงวิกฤตต่างยังคิดจะปกป้องอีกฝ่าย ทว่านี่เกี่ยวอันใดกับฉินเค่อเล่า
ฉินเค่อกล่าวพิพากษาด้วยเสียงเปี่ยมหลักการ “เซียนหมู่ตานกระทำผิดทั้งที่รู้ชัดแจ้ง ลอบมีใจฝักใฝ่ปุถุชน ตามกฎต้องเราะกระดูกเซียน ทำลายพลังวัตร ริบตำแหน่งหัวหน้าแห่งร้อยบุปผา ถอดชื่อออกจากสมุดรายนามบุปผชาติ ลงไปเวียนว่ายในสังสารวัฏ รับความทุกข์จากการเวียนว่ายเป็นเวลาหกชาติภพ หยางหวาหลอกล่อเซียนหญิงแห่งราชสำนักสวรรค์ ต้องโทษประหาร ผนึกดวงวิญญาณให้เวียนว่ายแต่ในเดรัจฉานภูมิ ไม่ได้รับนิรโทษไปชั่วกัลป์”
หมู่ตานฟังจบม่านตาก็ขยายกว้าง พร่ำอ้อนวอนโดยไม่สนใจสภาพอันทุลักทุเล “เป่ยเฉินเทียนจุน ท่านจะลงโทษก็มาลงโทษข้าน้อย ไม่เกี่ยวกับท่านพี่หยางเลย! เป็นข้าน้อยที่ลอบลงไปแดนมนุษย์ เป็นข้าน้อยที่ไม่เคร่งครัดในกฎระเบียบ หากจะส่งไปเวียนว่ายในเดรัจฉานภูมิก็ส่งข้าน้อยไปเถิด ท่านพี่หยางเป็นผู้บริสุทธิ์นะเจ้าคะ!”
หมู่ตานวอนขออย่างรวดร้าวเสียงแล้วเสียงเล่า ทว่าฉินเค่อล้วนไม่หวั่นไหว ในแววตาไร้สุขไร้เศร้า “จงดำเนินการทันที”
ทหารสวรรค์รีบก้าวเข้ามาคุมตัวหยางหวาเพื่อนำไปทิ้งลงเดรัจฉานภูมิ เซียนหมู่ตานเพียรขอร้องทว่าไร้ผล ครั้นเห็นคนรักจะถูกทหารสวรรค์พาตัวไป นางก็ตวาดก้อง พลันออกแรงจนดิ้นหลุดจากเชือกพันธนาการเซียน เผยอาวุธวิเศษประจำกายแล้วโจมตีไปยังทหารสวรรค์
ถึงอย่างไรหมู่ตานก็เป็นหัวหน้าแห่งร้อยบุปผา พลังวัตรไม่อาจดูเบา ทว่าการโจมตีที่นางทุ่มสุดแรงนี้เพิ่งจะไปถึงกลางทางก็พลันถูกไอหนาวยะเยือกขุมหนึ่งรัดพันไว้ สุดที่นางจะไปถึงข้างกายหยางหวาได้ นางร่วงตกจากกลางอากาศดังปึง ยิ่งนางดิ้นรนไอหนาวกลับยิ่งรัดแน่น หยางหวาเห็นเช่นนั้นเบ้าตาก็แทบจะปริแตก “หมู่ตาน…”
“ท่านพี่หยาง…”
หมู่ตานน้ำตานองหน้า ได้แต่เบิกตามองคนรักถูกทหารสวรรค์พาตัวไป นับแต่นี้ทุกชาติทุกภพล้วนต้องเกิดเป็นเดรัจฉาน ถูกเชือดฆ่า ถูกใช้แรงงาน ไม่อาจหลุดพ้นจนชั่วกัลป์ หมู่ตานทรุดฮวบ พลันแหงนหน้ากู่ร้องต่อฟ้าก่อนเอ่ยเสียงรันทด “ข้าเพียงแต่รักคนผู้หนึ่งเท่านั้น ข้าทำผิดอันใดกันแน่”
ได้เวลาแล้ว ฉินเค่อยกมือเบาๆ ก็มีคนก้าวเข้ามาคุมตัวหมู่ตานไปรับโทษโดยไม่ชักช้า นางถูกลากพาออกไปจากวังอวี้ซวี ก่อนจากนางดิ้นรนตลอดทางอย่างไม่อาจทำใจรับได้ ดวงตาทั้งคู่จ้องฉินเค่อเขม็งพลางเอ่ยเสียงแหลมสูงตรมตรอม “ฉินเทียนจุน ท่านไร้ไมตรีไร้ปรารถนา ไร้ใจไร้รัก ข้าขอสาปแช่งให้วันหน้าท่านรักทว่าไม่อาจได้มา ต้องมองดูคนที่รักลาจากท่านไปกับตา ทนทุกข์ในสังสารวัฏชั่วชีวิตเฉกเช่นกัน!”
เสียงของหมู่ตานโหยหวนบาดหู ทหารสวรรค์ผู้ดำเนินการตามกฎล้วนรู้สึกพรั่นพรึงจนสั่นเทาไปทั้งร่าง ผิดกับฉินเค่อที่ตั้งแต่ต้นจนจบมองหมู่ตานอย่างเรียบเฉย มองส่งนางจากไปเช่นนั้นโดยไร้ซึ่งอารมณ์แม้น้อยนิด
เนิ่นนานภายหลังหมู่ตานจากไป เสียงอันแหลมคมของนางคล้ายยังคงสะท้อนก้องอยู่ในวังอวี้ซวี เซียนชั้นผู้น้อยที่มาถ่ายทอดคำพูดตื่นกลัวจนไม่กล้าระบายลมหายใจแรง เขาเดินกล้าๆ กลัวๆ เข้ามาในวังอวี้ซวี ตัวลีบอยู่ข้างประตูขณะเอ่ยเสียงเบา “เป่ยเฉินเทียนจุนขอรับ หนานจี๋เทียนจุนขอเรียนเชิญ”
สวรรค์เก้าชั้นฟ้ามีราชสำนักสวรรค์คอยดูแลงานทั้งปวงบนผืนฟ้า ทุกคนเมื่อบรรลุเป็นเซียนแล้ว ขั้นตอนแรกจะต้องมารายงานตัวและลงชื่อที่ราชสำนักสวรรค์ รอรับตำแหน่งที่ว่างลงแล้วไปทำหน้าที่ในความรับผิดชอบของแต่ละคน ทว่าเมื่อปราณวิเศษในแดนมนุษย์ลดน้อยลงทุกขณะ มนุษย์ที่บรรลุเป็นเซียนได้ก็พลอยมีน้อยแสนน้อย เส้นทางสู่สวรรค์จึงแทบจะขาดสะบั้นไปแล้ว
บนแดนสวรรค์ยกให้ราชสำนักสวรรค์มีศักดิ์สูงสุด ส่วนราชสำนักสวรรค์ยกให้เทียนจุนทั้งสี่มีศักดิ์สูงสุด