เทียนจุนทั้งสี่ยึดตามจตุรทิศมีดังนี้ ฉินเค่อครองตำแหน่งเป่ยเฉินเทียนจุนแห่งฟ้าอุดร เซียวหลิงครองตำแหน่งหนานจี๋เทียนจุนแห่งฟ้าทักษิณ จวินฉงครองตำแหน่งตงหยางเทียนจุนแห่งฟ้าบูรพา เสวียนโม่ครองตำแหน่งซีขุยเทียนจุนแห่งฟ้าประจิม โดยนับเป่ยเฉินเทียนจุนฉินเค่อผู้ดูแลการพิพากษาลงทัณฑ์เป็นหัวหน้าของเทียนจุนทั้งสี่ หนานจี๋เทียนจุนเซียวหลิงสามารถทำนายอนาคตจากคันฉ่องวิเศษ ฐานะจึงเป็นรองเพียงฉินเค่อ
ฉินเค่อมาถึงวังซานชิงของเซียวหลิง แขนเสื้อยาวเพิ่งจะเหยียดออกก็เอ่ยตรงเข้าประเด็นหลักโดยไม่มีโอภาปราศรัย “เซียวเทียนจุน ท่านเรียกหาข้าด้วยเรื่องใด”
เซียวหลิงจนใจอยู่บ้าง สองคนร่วมงานกันมาพันปีแล้ว เขาเองเห็นว่าความร่วมมือที่ผ่านมาน่าพึงพอใจ เพียงแต่ฉินเค่อพบเจอเขาทีไรมักทำห่างเหินเฉยเมยเช่นนี้เป็นประจำ เขาจึงลองยิ้มเย้า “ฉินเทียนจุน ออกจากโถงศาลแล้วผ่อนคลายสักนิดก็ได้กระมัง ท่านทำตัวเช่นนี้ไม่คล้ายพูดคุยกับสหาย กลับคล้ายสอบสวนนักโทษอยู่”
ฉินเค่อนั่งลงตรงข้ามกับเซียวหลิงก่อนถาม “คันฉ่องซวีหมี คงมีความเคลื่อนไหวแล้ว”
เซียวหลิงเลิกคิ้ว เขาถอดใจที่จะคุยกระชับความสัมพันธ์กับฉินเค่อจึงหุบรอยยิ้มบนใบหน้า รีบเอ่ยเข้าประเด็นหลัก “ใช่ ซีขุยเทียนจุนกักตนมาหนึ่งร้อยปี วันนี้คันฉ่องซวีหมีตรวจสามพันโลกธาตุ และพบการเปลี่ยนแปลงที่ตำแหน่งประจิม ข้าเสี่ยงทายให้ซีขุยเทียนจุนดูแล้ว หนนี้เกรงว่าเขาจะฟันฝ่าไปไม่พ้น”
ฉินเค่อฟังแล้วขมวดคิ้ว พวกเขาทั้งสี่แม้เป็นเทียนจุนเช่นเดียวกัน ทว่าอำนาจหน้าที่และภารกิจต่างกันโดยสิ้นเชิง เป่ยเฉินเทียนจุนแห่งฟ้าอุดรดูแลการพิพากษาลงทัณฑ์ หนานจี๋เทียนจุนแห่งฟ้าทักษิณทำนายอนาคต ตงหยางเทียนจุนแห่งฟ้าบูรพาดูแลด้านกสิกรรม ส่วนซีขุยเทียนจุนแห่งฟ้าประจิมควบคุมการเข่นฆ่า
หน้าที่กับนามยกย่องของเทียนจุนทั้งสี่ทิศนี้จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ผู้ที่นั่งครองตำแหน่งเทียนจุนกลับเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง เนื่องด้วยซีขุยเทียนจุนควบคุมการเข่นฆ่ามักถูกพลังความชั่วร้ายจากการฆ่าล้างทั่วหล้ารุกราน แต่ไรมาจึงธาตุไฟเข้าแทรกได้ง่าย เสวียนโม่นั่งตำแหน่งซีขุยเทียนจุนมาสองพันปี นับว่ายืนหยัดได้ยาวนานที่สุดในบรรดาซีขุยเทียนจุนรุ่นก่อนๆ ทว่าบัดนี้เขาก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน
ฟ้าดินแบ่งออกเป็นสี่ขั้วทิศ ทุกทิศต้องมีผู้รักษาการณ์ ไม่เช่นนั้นจะเกิดฟ้าลาดดินเอียง ขุนเขาถล่มน้ำสมุทรทะลัก นำมาซึ่งความปั่นป่วนครั้งใหญ่ หากเสวียนโม่ฝ่าเคราะห์นี้ไปไม่พ้น การหาตัวเลือกซีขุยเทียนจุนรุ่นถัดไปก็เร่งด่วนคับขันยิ่ง
ฉินเค่อถาม “คันฉ่องซวีหมีมีคำชี้แนะอื่นหรือไม่”
เซียวหลิงส่ายศีรษะ “ไม่มี แต่ทิศประจิมไอสังหารเข้มข้น ในราชสำนักสวรรค์ผู้ที่กดข่มไอสังหารทั่วหล้าได้ไหวก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนนั้น ไม่จำเป็นต้องให้คันฉ่องซวีหมีชี้แนะหรอก เดิมทีเทพดาราไท่ไป๋ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่น่าเสียดายเขาหายสาบสูญไปเสียแล้ว”
ดาวไท่ไป๋ควบคุมการศึก เทพดาราไท่ไป๋โจวฉางเกิงขึ้นชื่อว่าเป็น ‘มารคลั่งยุทธ์’ ประจำราชสำนักสวรรค์ ว่ากันว่าก่อนโจวฉางเกิงจะสำเร็จเป็นเซียน เขาเป็นชาวยุทธ์ยอดฝีมือผู้หนึ่งในแดนมนุษย์ ฝึกยุทธ์จนถึงขั้นสุดยอดแล้วพลันทะลวงจุดชีพจรพิเศษได้ จึงเข้าสู่มรรคาด้วยเพลงยุทธ์ หลังจากบำเพ็ญเพียรอีกหลายปีก็บรรลุเป็นเซียน
ทว่าภายหลังโจวฉางเกิงบรรลุเป็นเซียนได้เลื่อนขึ้นรับตำแหน่งเทพดารา แต่กลับไม่ยอมรับคำอบรมตักเตือน ก่อความวุ่นวายไว้มิใช่น้อย เมื่อหลายปีก่อนเขาละเมิดกฎสวรรค์เพราะดื่มสุรา ซ้ำยังปฏิเสธการรับโทษ ทำร้ายทหารสวรรค์จนบาดเจ็บแล้วหลบหนีไป ราชสำนักสวรรค์ประกาศจับเขาเรื่อยมา น่าเสียดายที่จนบัดนี้ยังจับกลับมาไม่ได้
ฉินเค่อถามอีก “มีเบาะแสของโจวฉางเกิงบ้างหรือไม่”
“ไม่มี” เซียวหลิงตอบ “แต่ต่อให้จับโจวฉางเกิงกลับมา เขาก็ต้องไปรับโทษในคุกสวรรค์ ไม่อาจแก้ปัญหาเร่งด่วนนี้ได้ อีกอย่างด้วยอุปนิสัยของเขาไม่เหมาะกับตำแหน่งสูง ตอนเขารับตำแหน่งเทพดารายังเป็นหัวโจกฝ่าฝืนกฎสวรรค์ ขืนให้เขารับตำแหน่งเทียนจุน จะทำอย่างไรให้ผู้อื่นยอมรับนับถือเล่า”
ฉินเค่อเข้าใจแล้วจึงถามตรงๆ “ท่านมีตัวเลือกใหม่อยู่แล้วกระมัง”
“มิกล้า เพียงมีบางคนจะนำเสนอเท่านั้น” เซียวหลิงกล่าวพลางปรับคันฉ่องซวีหมี ภาพบนคันฉ่องหยุดอยู่ที่ร่างบุรุษผู้หนึ่ง “ผู้ที่เหมาะสมที่สุด…ต้องนับเทพดาราทันหลาง จี้อัน”
ตัวเลือกของเซียวหลิงตรงกับที่ฉินเค่อคิดไว้ ดาวทันหลางควบคุมอำนาจทรัพย์สิน เมื่อดาวทันหลางจุติลงไปในแดนมนุษย์ โดยทั่วไปหากไม่เป็นขุนนางทรงอำนาจขุนศึกนามกระเดื่องก็ต้องเป็นฮ่องเต้ผู้สถาปนาแคว้น คนเช่นนี้ให้ประจำทิศประจิมสะกดไอสังหารย่อมจะเหมาะเจาะพอดี
เพียงแต่…ฉินเค่อขบคิดเล็กน้อยก่อนกล่าว “ดูเหมือนจี้อันจะไปเผชิญด่านเคราะห์ในแดนมนุษย์ วันนี้เขาควรจะกลับมาแล้วนี่”
“นี่ก็คือจุดประสงค์ที่ข้าเรียกท่านมา” แขนเสื้อยาวของเซียวหลิงโบกเบาๆ ภาพบนคันฉ่องซวีหมีก็แปรเปลี่ยน ปรากฏเป็นภาพวังหลวงในแดนมนุษย์ “เขาเผชิญด่านเคราะห์ล้มเหลวเสียแล้ว”