ฉินเค่อตระหนกนิดๆ ครั้นเห็นภาพบนคันฉ่องซวีหมีเป็น ‘บรรยากาศอันยิ่งใหญ่’ ที่มีเลือดเจิ่งนองพื้น เขาก็นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนเอ่ย “จี้อันครองตำแหน่งดาวทันหลาง จุติลงไปแล้วกลับกลายเป็นบัณฑิตกระนั้นหรือ”
“มิใช่ เขาศึกษาทั้งบุ๋นบู๊ หากยึดตามลิขิตเดิมเขาจะมีความสามารถเป็นทั้งแม่ทัพออกรบทั้งเสนาบดีในราชสำนัก” เซียวหลิงถอนใจยาวเหยียด ปรับภาพบนคันฉ่องไปยังร่างสตรีผู้หนึ่ง “จะโทษก็โทษสตรีผู้นี้แล้วกัน”
ฉินเค่อจรดสายตาไปยังร่างสตรีบนคันฉ่อง นางมีรูปโฉมล้ำเลิศ บนร่างสวมชุดพิธีการของฮ่องเต้ ทว่ากลับล้มอยู่กลางกองเลือด สิ้นลมหายใจไปแล้ว ฉินเค่อมองเพียงปราดเดียวก็ถอนสายตากล่าวว่า “เขาเผชิญด่านเคราะห์ล้มเหลวถือเป็นเรื่องของเขา เกี่ยวอันใดกับสตรีด้วยเล่า”
“ไม่ใช่ข้าจะปัดความรับผิดชอบให้นะ เรื่องนี้…เกี่ยวกับนางด้วยจริงๆ” เซียวหลิงเก็บคันฉ่องซวีหมี รินน้ำชาให้ฉินเค่อหนึ่งถ้วยก่อนเอ่ย “จี้อันไปจุติในแดนมนุษย์เปลี่ยนใช้นามว่าเผยจี้อัน เดิมทีเขาเผชิญด่านเคราะห์นี้ลุล่วงได้ ดูตามที่เทพลิขิตชะตาได้เขียนไว้…เผยจี้อันมีชาติกำเนิดสูงส่ง พบความสำเร็จตั้งแต่เป็นหนุ่ม ทว่าในวัยผู้ใหญ่วงศ์ตระกูลประสบเหตุเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง กล่าวได้ว่าร่วงสู่ก้นเหว ราชวงศ์ที่เขาอยู่จะมีฮ่องเต้หญิงมาปกครอง สกุลเผยสูญเสียความโปรดปรานจนถูกเนรเทศทั้งตระกูล การหมั้นหมายของเขากับองค์หญิงก่วงหนิงก็ถูกยกเลิก ต่อมาเขาหล่อหลอมจิตใจอยู่ที่ชายแดน สร้างผลงานการรบหลายครา ได้เลื่อนจากผู้น้อยปลายแถวขึ้นเป็นผู้บัญชาการมณฑลทหาร หลายปีให้หลังเขาประกาศจะฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย นำทัพบุกเข้าเมืองหลวงปลดฮ่องเต้หญิง สนับสนุนรัชทายาทขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ ขณะเดียวกันก็ได้สานวาสนาเดิมกับองค์หญิงก่วงหนิง บุตรสาวของเขากับนางจะกลายเป็นฮองเฮาองค์ถัดไปของราชวงศ์ ส่วนบุตรชายจะได้แต่งกับพระธิดาของฮ่องเต้องค์ใหม่ ก่อเกิดเป็นเรื่องราวอันดีงามแห่งยุคสมัย ได้ครองตำแหน่งสูงทั้งฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ เป็นผู้โด่งดังพรั่งพร้อมด้วยความสำเร็จ ทว่าตอนนี้…เพราะสตรีเมื่อครู่นั้นสอดเท้าแทรกเข้ามา ไม่เพียงตัดเส้นทางราชการของเผยจี้อัน ยังขวางวาสนาเขาที่ต้องครองคู่กับองค์หญิงก่วงหนิง เป็นเหตุให้เขาไม่อาจปลงตกจากบ่วงรัก เผชิญด่านเคราะห์ล้มเหลว”
ชั่วขณะที่ฟังจบฉินเค่อไม่รู้ว่าควรเอ่ยคำประเมินเช่นไรดี สุดท้ายเห็นแก่หน้าสหายร่วมงานจึงเอ่ยอย่างอ้อมค้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ความไปสักหน่อย”
“มิใช่เขาไม่ได้ความ เขาพยายามสุดกำลังแล้ว” ข้อนี้เซียวหลิงต้องก้าวออกมาพูดให้ความเป็นธรรมแก่เทพดาราทันหลางบ้าง “เขาฮึดสู้มาโดยตลอด แต่ท่านตากับท่านลุงในสกุลจ่างซุนถูกประหารตัดศีรษะ ญาติผู้น้องในสกุลเผยก็ตายเพราะถูกเนรเทศ คู่หมั้นของเขาถูกพรากไปไม่พอ น้องสาวแท้ๆ พร้อมเด็กในครรภ์ก็ยังถูกสั่งฆ่า เหตุนี้ทำให้มารดาของเขาโกรธจนป่วยหนัก ท่านย่าเองก็ลาโลกไปด้วยความเจ็บแค้น เรื่องเหล่านี้ล้วนเกิดจากน้ำมือสตรีผู้เดียว เขาเดือดดาลจนสุดทน ท้ายที่สุดเลือกตายตกไปพร้อมสตรีผู้นั้นก็ชอบด้วยเหตุผล”
ฉินเค่อไม่รู้รายละเอียดเหตุการณ์มากนักจึงไม่แสดงความคิดเห็น เพียงแต่จากคำบรรยายของเซียวหลิง เผยจี้อันอนาถไม่น้อยจริงๆ ส่วนสตรีผู้นั้นก็ไม่แคล้วโหดเกินไป
เซียวหลิงกล่าวต่อ “ตามหลักแล้วชาติภพนี้ไม่ลุล่วง จัดการให้เขาไปเกิดในชาติภพใหม่ก็ใช้ได้ แต่ราชสำนักสวรรค์กำลังเผชิญวิกฤตการณ์ ไม่อาจรอคอยเขาเข้าสู่สังสารวัฏอีกรอบ ดังนั้นข้าจึงอยากให้เขาหวนสู่ชาติภพนี้อีกครั้งด้วยความทรงจำเดิม”
“ได้” ฉินเค่อเอ่ย “แต่เหตุต้นผลกรรมมีกฎของมันอยู่ หากเขาได้ชีวิตใหม่ ศัตรูของเขาก็ควรได้ชีวิตใหม่พร้อมความทรงจำเดิมด้วย ไม่เช่นนั้นฝ่ายที่รู้ล่วงหน้าเล่นงานฝ่ายที่ไม่ได้ตั้งตัว โดยหลักเหตุผลแล้วหาเป็นธรรมไม่”
เซียวหลิงรู้อยู่แล้วว่าฉินเค่อจะพูดเช่นนี้ กล่าวกันว่ากฎระเบียบในราชสำนักสวรรค์เข้มงวด ทว่าฉินเค่อยังแข็งกระด้างกว่ากฎสวรรค์อันเยียบเย็นเสียอีก วาดหวังให้ฉินเค่อเห็นพ้องมอบสิทธิพิเศษแก่เทพดาราทันหลาง…ไม่มีทางเสียล่ะ
เซียวหลิงรู้ว่าไม่มีปัญญาโน้มน้าวฉินเค่อ จึงถือโอกาสเปลี่ยนมาเกริ่นอีกเรื่องเสียเลย “ข้าก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน เพียงแต่สตรีผู้นั้นโหดเหลือเกินจริงๆ ขืนไม่มอบความทรงจำในชาติภพเดิมให้ เขาคงเอาชนะนางไม่ได้หรอก ครั้นมอบความทรงจำแก่เขาก็จะต้องมอบความทรงจำแก่หลี่เจาเกอ ข้าได้ใช้คันฉ่องซวีหมีตรวจหนึ่งพันโลกธาตุใหญ่เพื่อคะเนความเป็นไปได้หลายร้อยรูปแบบแล้ว…ผลเกือบทั้งหมดออกมาว่าเขาจะล้มเหลวอีก”