ปีที่อายุสิบสี่นางสามารถล้มหมีหนึ่งตัวด้วยตนเองแล้ว ตอนนางแบกหนังหมีกลับมากลับพบว่าตาเฒ่าโจวหายไป ในบ้านเหลือทิ้งไว้เพียงคัมภีร์ไม่มีปกหนึ่งเล่มกับเหรียญสำริดเลอะๆ สิบกว่าเหรียญ
ตาเฒ่าโจวหายสาบสูญ
หลี่เจาเกอถูกทอดทิ้งอีกครา
อย่างไรก็ไม่ใช่หนแรกที่ถูกทอดทิ้ง นางเศร้าใจอยู่สองวันก็ปลงตกในไม่ช้า ชีวิตควรดำเนินไปเช่นไรก็ดำเนินต่อไปเช่นนั้น ยามว่างหลังล่าสัตว์ในป่าดำ นางก็จะถือโอกาสฝึกเคล็ดจิตที่ตาเฒ่าโจวทิ้งไว้ นางไม่รู้ว่าเคล็ดจิตในคัมภีร์เล่มนั้นเป็นวิชาอันใด ทว่าไหนๆ ชีวิตอยู่ว่างก็ถือโอกาสฝึกดูแล้วกัน
หลี่เจาเกอเติบโตอย่างหยาบๆ ลวกๆ เช่นนี้จนกระทั่งอายุสิบเจ็ด ปีที่นางอายุสิบเจ็ดทิวเขาสิบหลี่เกิดแผ่นดินไหว หมู่บ้านป่าดำได้รับแรงสั่นสะเทือนเป็นระลอกจนบ้านเรือนพังถล่ม แผ่นดินเกิดรอยแยก ประสบภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง ชาวบ้านเอาชีวิตรอดท่ามกลางภัยอันตราย โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย ทว่าแผ่นดินไหวก็ทำให้สัตว์ร้ายแมลงมีพิษในทิวเขาแตกตื่น กรูยกรังออกมาทางชายป่า หมู่บ้านป่าดำไม่อาจอยู่อาศัยได้อีก หลี่เจาเกอจึงจำต้องติดตามคนในหมู่บ้านตัดทะลุใจกลางป่าดำออกไปลี้ภัยยังเมืองหรงโจว
นั่นคือหนแรกที่นางได้เห็นโลกภายนอก ประตูเมืองหรงโจวใหญ่โตโอฬาร สูงตระหง่านขึ้นจากพื้น เหนือประตูเมืองปักธงทิวโบกสะบัด มีทหารสวมเกราะถือหอก นางมองภาพฉากนี้อย่างตื่นตะลึงยิ่งยวด
เห็นกันอยู่ว่านางโตมาในป่าเขา ไม่เคยเห็นโลกกว้างเช่นนี้ ทว่าส่วนลึกในใจกลับผุดภาพรางๆ ภาพหนึ่งขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์
คล้ายเป็นหอสังเกตการณ์เหนือประตูเมืองอันน่าเกรงขามเป็นระเบียบเช่นเดียวกันนี้ เป็นทหารที่สง่าองอาจดุจเดียวกัน เพียงแต่ประตูเมืองนั้นยังสูงกว่าและใหญ่กว่าประตูเมืองหรงโจว
นั่นคือที่ใดกันนะ เหตุใดนางจึงระลึกภาพเช่นนี้ออกมาได้
ไม่รอให้หลี่เจาเกอคิดได้กระจ่าง แถวผู้เข้าเมืองก็เลื่อนถึงกลุ่มของนางแล้ว ทหารเฝ้าประตูเมืองซักถามความเป็นมา ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านตอบอยู่หัวแถว หลี่เจาเกอก็เงยหน้าเห็นภาพเหมือนภาพหนึ่งตรงจุดติดประกาศบนกำแพงประตูเมือง
ประกาศของราชสำนักที่ติดอยู่ข้างภาพเหมือนภาพนั้นระบุว่า…ภายหลังฮ่องเต้กับเทียนโฮ่ว กลับจากบวงสรวงฟ้าดินที่ภูเขาไท่ซาน เทียนโฮ่วในฐานะบุตรสะใภ้สักการะเหวินเต๋อฮองเฮา แล้วพลันสะกิดใจคิดถึงพระธิดาขึ้นมา
เทียนโฮ่วคือฮองเฮาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน รัชศกหย่งฮุยปีที่สิบสามได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮา รัชศกหย่งฮุยปีที่สิบหกได้ออกว่าราชการคู่กับฮ่องเต้ เหตุการณ์นี้เรียกว่าสององค์เหนือหัวเสด็จท้องพระโรง รัชศกหย่งฮุยปีที่สิบแปดอู่ฮองเฮาตั้งตำแหน่งตนเองเป็นเทียนโฮ่ว มีเกียรติศักดิ์ไร้ผู้ทัดเทียม เสมือนก้าวปราดเดียวขึ้นถึงชั้นเมฆ ชีวิตเช่นนี้ตามหลักแล้วไม่น่าจะมีสิ่งใดให้นึกเสียดายอีก ทว่าเทียนโฮ่วผู้ราบรื่นทุกประการกลับมีโรคใจอยู่เรื่องหนึ่ง
ในรัชศกหย่งฮุยปีที่สิบสองขณะเทียนโฮ่วยังเป็นสนมเอกชั้นเจาอี๋ มณฑลทหารซั่วฟาง ก่อกบฏ เชื้อพระวงศ์ชนชั้นสูงต่างรุดหนีออกจากนครฉางอันซึ่งเวลานั้นยังเป็นราชธานีอยู่ ระหว่างหลบหนีลงใต้พระธิดาองค์โตของอู่เจาอี๋หรือก็คือองค์หญิงอันติ้งหลี่เจาเกอในวัยเพียงหกชันษาได้พลัดหายไป
อันที่จริงไม่ใช่พลัดหายไปหรอก เป็นเพราะถูกหวังฮองเฮาละทิ้งต่างหาก ว่ากันว่าตอนนั้นทัพกบฏกำลังไล่หลังมา องค์หญิงอันติ้งวิ่งหนีโซซัดโซเซตามหลังรถม้าของหวังฮองเฮากับอู่เจาอี๋ หวังฮองเฮากลัวจะถูกทัพกบฏไล่ทันจึงทำใจเหี้ยมตัดเชือกที่จะดึงตัวองค์หญิงน้อยขึ้นรถม้า เมื่อเชือกขาดผึงองค์หญิงน้อยก็ตกสู่คลื่นทหารกบฏ นับแต่นั้นไม่รู้เป็นตายร้ายดี
เด็กหญิงหกขวบผู้หนึ่งตกอยู่ท่ามกลางกองทัพกบฏ มีหรือยังจะรอดชีวิตได้ ทุกคนจึงยอมรับกันโดยนัยว่าองค์หญิงอันติ้งสิ้นพระชนม์แล้ว อู่เจาอี๋ปวดร้าวยากทานทน ฮ่องเต้เองก็กริ้วยิ่ง ประณามหวังฮองเฮาว่าใจคอดุจอสรพิษ ไม่นานนักก็ปลดสตรีสกุลหวังผู้นี้จากตำแหน่งฮองเฮา ปีถัดมาเหตุกบฏซั่วฟางยุติลง ฮ่องเต้พร้อมด้วยสตรีตำหนักในจึงย้ายกลับนครฉางอัน ปีเดียวกันนั้นฮ่องเต้ก็ต้านกระแสคัดค้าน แต่งตั้งอู่เจาอี๋ขึ้นเป็นฮองเฮาองค์ใหม่
หลังจากอู่เจาอี๋ขึ้นเป็นฮองเฮาก็อวยยศย้อนหลังแก่องค์หญิงอันติ้งพระธิดาองค์โตชนิดไม่กริ่งเกรงใดๆ ที่ศักดินากับทรัพย์สินแพรพรรณก็เพิ่มให้ราวไม่ต้องใช้เงินในท้องพระคลัง กระทั่งต่อมาพระธิดาองค์เล็กค่อยๆ เติบใหญ่ขึ้น ในที่สุดอู่ฮองเฮาจึงค่อยก้าวออกมาจากความทุกข์ที่สูญเสียพระธิดาได้
เมื่อมีองค์หญิงเล็กแล้ว องค์หญิงใหญ่ผู้มีชะตาอาภัพก็คล้ายกลายเป็นอดีตที่ล่วงเลย หลายปีมาแล้วที่ในวังไม่มีใครเอ่ยถึงนางอีก นึกไม่ถึงว่าการไปบวงสรวงฟ้าดินและสักการะบรรพชนหนนี้กลับสะกิดแผลทำให้เทียนโฮ่วระลึกถึงพระธิดาขึ้นมา
ภายหลังกลับถึงราชธานีตะวันออก เทียนโฮ่วจึงสั่งให้วาดภาพเหมือนขององค์หญิงอันติ้งส่งไปยังที่ทำการระดับอำเภอและระดับเมืองต่างๆ ทั้งบัญชาว่าให้ติดภาพไว้บริเวณที่สะดุดตาที่สุด เทียนโฮ่วยังประกาศต่อทั่วหล้าเกี่ยวกับนาม อายุ เครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับขององค์หญิงอันติ้งขณะพลัดหายไป โดยรับปากว่าจะตกรางวัลแก่ผู้แจ้งร่องรอยขององค์หญิง ขอเพียงตรวจสอบแล้วถูกต้อง ผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับเงินรางวัลพันตำลึง ขุนนางท้องที่นั้นจะได้เลื่อนตำแหน่งในทุกกรณี