ทุกสิ่งล้วนหวนคืนสู่ช่วงที่เส้นทางของนางยังไม่ได้เริ่มต้น อีกทั้งนางจะได้เริ่มต้นเร็วกว่าชาติก่อนตอนที่นางได้รับรู้ฐานะของตนเองถึงหนึ่งปี
สิ่งที่หลี่เจาเกอคาดเดาได้รับการยืนยันแล้ว นางจึงผลิยิ้มให้เสี่ยวหู่อย่างหาได้ยาก “ข้าไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่นอนเยอะจนเลอะเลือน จำปีได้ไม่ชัดเจน เสี่ยวหู่ เจ้าความจำไม่เลว วันหน้าเข้าไปในเมืองแล้วหาโอกาสเล่าเรียนให้มากๆ เถอะ รักษาตัวด้วย”
พยับเมฆบนฟ้าเคลื่อนมาต่อเนื่อง แสงดาวหม่นสลัวลง พาให้ป่าดำที่อยู่เบื้องหลังยิ่งแลคล้ายสัตว์ร่างยักษ์กำลังอ้าปากกว้างคำรามดังซ่าๆ เพียงมองก็ชวนหวั่นหวาด หลี่เจาเกอแม้หันแผ่นหลังให้ความมืดมิด แต่นัยน์ตาดำที่ตัดพื้นขาวชัดเจนคู่นั้นกลับพราวรัศมีเจิดจรัส
ประดุจดวงดาราสถิตค้างอยู่บนโลกมนุษย์
เสี่ยวหู่ตะลึงงัน ผ่านไปพักใหญ่กว่าจะดึงสติคืนมาได้ “ตกลง”
เสียงหลี่เจาเกอปิดประตูแว่วมาถึงข้างกาย เสี่ยวหู่เกาศีรษะ รู้สึกราวพื้นดินร้อนลวก กระทั่งจะยืนก็ยืนไม่ติดแล้ว เขาหัวเราะหึๆ สองหนก่อนจะพลันกระโดดตัวลอยสามฉื่อ* วิ่งฉิวมุ่งหน้ากลับบ้านของตนเอง
หลังจากส่งเสี่ยวหู่กลับไป หลี่เจาเกอก็ค้นขวดยาที่ตาเฒ่าโจวเคยปรุงไว้ออกมา จัดวางบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบอยู่ข้างๆ เกี๊ยวชามนั้น นางระแวดระวังตัวจนเคยชิน ไม่กินสิ่งของของคนนอก ทว่าเจตนาดีของเสี่ยวหู่นางรับเอาไว้แล้ว
มีแค้นต้องชำระ มีคุณต้องทดแทน นี่คือกฎเกณฑ์ที่ตาเฒ่าโจวสอนนาง เดิมนางตั้งใจจะพกยาเหล่านี้ออกเดินทาง แต่นางระมัดระวังตัวให้มากขึ้นก็ได้ ยาเหล่านี้ทิ้งไว้ให้บ้านเสี่ยวหู่ใช้จะดีกว่า
หลี่เจาเกอพกอาวุธติดตัวกลับไม่รำคาญว่าแข็งตำเนื้อ พอเอนตัวลงบนเตียงก็หลับตานอนไปทั้งอย่างนั้น นี่เป็นความเคยชินของนางมาหลายปีแล้ว ขืนให้นางปลดอาวุธออกกลับจะนอนไม่หลับเอา
รุ่งเช้าเพิ่งจะยามห้า* ในบ้านที่ห่างไกลผู้คนที่สุดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่บ้านป่าดำก็มีเสียงการเคลื่อนไหว ประตูลานเปิดออกแล้วปิดลงอย่างแผ่วเบา เงาร่างสีเขียวสายหนึ่งฉวยยามรุ่งสางรุดเข้าสู่ป่าดำซึ่งมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดผืนนั้นโดยไม่เหลียวหลังกลับ
ป่าดำกว้างใหญ่ไพศาล ตลอดปีแสงตะวันส่องไม่ถึงใต้ยอดไม้ บนพื้นยิ่งมีใบไม้ร่วงสะสมเป็นชั้นหนา ข้างใต้นั้นไม่รู้มีสิ่งใดซุกซ่อนอยู่บ้าง ต่อให้หลี่เจาเกอเคยพบเจอภูตผีปีศาจมามาก ชั่วขณะนี้ก็ไม่กล้าประมาท ทุกย่างก้าวของนางล้วนมองจนแน่ใจ เลียบไปตามบริเวณที่พื้นแห้ง มุ่งสู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ไปอย่างรอบคอบ
ชาติก่อนชาวหมู่บ้านป่าดำก็ออกจากป่าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แม้ต้องอ้อมไกล ทว่าข้อดีคือปลอดภัยกว่า หลี่เจาเกอตั้งใจว่าจะออกจากภูเขาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ก่อน จากนั้นก็จัดหาม้าพาหนะในตัวตำบลแล้วค่อยเร่งตะบึงสู่นครลั่วหยางด้วยความเร็วสูงสุด
สถานการณ์ในราชสำนักพริบตาผกผันนับพันหมื่น นางหมายจะกระทำการใหญ่ ฉะนั้นกลับสู่ใจกลางของราชสำนักไปวางหมากได้เร็ว โอกาสกุมชัยในวันหน้าก็จะยิ่งมาก ชาติก่อนนางอายุสิบแปดค่อยกลับถึงนครลั่วหยาง หลายๆ ด้านล้วนสายเกินการณ์ ชาตินี้นางจะต้องทำให้ตนเองเดินไปบนเส้นทางอันถูกต้องแต่แรกเริ่ม
หลี่เจาเกอเดินทางอย่างระมัดระวังเช่นนี้ไปห้าวัน นางคำนวณเส้นทางเงียบๆ รู้ว่าตนเข้าใกล้ใจกลางของป่าดำอันเป็นบริเวณที่อันตรายที่สุดและลึกลับที่สุดแล้ว ปีศาจกินคนที่เล่าลือกันก็ผลุบโผล่บริเวณนี้นี่เอง
ตะวันลับเหลี่ยมเขา ผืนป่าครึ้มลงอย่างรวดเร็ว ในป่าทึบไม่อาจเร่งเดินทางยามราตรี หลี่เจาเกอจึงมัดห่อสัมภาระไว้กับตัวอย่างแน่นหนา หาต้นไม้ใกล้ๆ ที่ดูรื่นตาสักต้นแล้วกระโดดขึ้นไปบนคาคบด้วยท่วงท่าอันพลิ้วเบา ใบไม้ไม่สะเทือนแม้สักใบ
นางหลับตาอยู่บนคาคบ กอดกระบี่ไว้ในอ้อมอก ตั้งใจจะนอนในอิริยาบถนี้ แสงสว่างหรี่ลงทุกขณะ สายลมลอดผ่านยอดไม้ บังเกิดเสียงแซกซ่าจากส่วนลึกของผืนป่า
หลี่เจาเกอลืมตาขึ้นช้าๆ มือกุมกระชับด้ามกระบี่โดยไร้เสียง
มีบางสิ่งกำลังมา
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 5 พ.ย. 67