บทที่ 5 สังหารภูต
หลี่เจาเกอกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ นิ้วมือวางบนด้ามกระบี่ ท่ามกลางหมู่ใบไม้แว่วเสียงความเคลื่อนไหวดังแซกซ่า เงาดำสายหนึ่งพลันโฉบผ่านพื้นหญ้าทะยานพรวดมุ่งขึ้นมาบนต้นไม้ หลี่เจาเกอชักกระบี่ออกจากฝักทันใด สิ้นเสียงชิ้งก็พาดกระบี่บนลำคอของอีกฝ่ายแล้ว
ผู้มาห่อหุ้มด้วยชุดดำทั้งร่าง เขาคาดไม่ถึงว่าบนต้นไม้มีคนอยู่จึงรีบโบกสองมือยอมจำนน “จอมยุทธ์หญิงโปรดไว้ชีวิต ข้าน้อยมิได้มีเจตนาจะล่วงเกิน ทว่ามีตัวประหลาดไล่หลังมา เห็นแก่ที่พวกเราเป็นมนุษย์ด้วยกัน อนุญาตให้ข้าน้อยซ่อนตัวตรงนี้สักครู่เถิด”
หลี่เจาเกอย่อมแน่ใจว่าเขาเป็นมนุษย์จึงปล่อยให้เขาหนีขึ้นต้นไม้มา สายตานางกวาดผ่านร่างของอีกฝ่าย บุรุษผู้นี้สวมชุดดำสำหรับเคลื่อนไหวยามค่ำคืน ข้างแก้มขาวเกลี้ยงเกลา ริมฝีปากแดง ซี่ฟันขาว คิ้วตาทอดไมตรี มีลักษณะของเจ้าหนุ่มหน้าขาว อยู่พอสมควร ทว่าดูจากนัยน์ตาที่ทอประกายลุ่มลึกกับพลังตัวเบาที่โฉบยอดหญ้าย่ำสายลมโดยไม่ทิ้งรอย เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เจ้าหนุ่มหน้าขาวจำพวกนั้นหรอก
หลี่เจาเกอไม่ได้ถามที่มาของคนชุดดำ หลังจากแน่ใจว่าเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามส่งเดช นางจึงเก็บกระบี่แล้วเอ่ยเสียงเย็นชา “เงียบๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะโยนเจ้าลงไป”
คนชุดดำพยักหน้าอย่างรีบลน สองคนเพิ่งตกลงกันเสร็จ เสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังมาจากส่วนลึกของป่า สองคนจึงกลั้นลมหายใจพร้อมกันโดยไม่ต้องสื่อสารใดๆ
หลี่เจาเกอเคยฝึกเคล็ดจิต ในความมืดมิดยังคงเห็นวัตถุได้ดังปกติ นางมองผ่านเงาไม้ที่สั่นไหว แลเห็นเงาตะคุ่มร่างมหึมาสีดำปลอดตลอดตัวกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ขนของมันยาวเฟื้อยจนระพื้น ไม่อาจมองรูปลักษณ์ได้ถนัดชัดเจน ทว่าดวงตาของมันกลมโตปานกระพรวนสำริด แผ่ซ่านกลิ่นอายอันตรายจากเบื้องหลังเส้นขนอันดกหนา
มันเดินอย่างเชื่องช้าเฉไปเฉมา ดูไม่มีแบบแผนสักนิด ครั้นเห็นตัวประหลาดขนดำประชิดมาทางนี้ใกล้ขึ้นทุกขณะ นิ้วมือของหลี่เจาเกอก็กุมด้ามกระบี่แน่น คนชุดดำกลั้นลมหายใจ เครียดเกร็งไปทั้งร่าง
ตัวประหลาดขนดำหอบหายใจดังฟืดฟาด ก่อนเดินมุ่งหน้าต่อคล้ายไม่ค้นพบคนทั้งสองแต่อย่างใด คนชุดดำลอบเบาใจ ผิดกับหลี่เจาเกอที่แววตาเรืองวาบ กระโดดลงจากต้นไม้โดยไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมกับตะโกนก้อง “วิ่ง!”
คนชุดดำถูกนางทำให้ตกใจ ทว่าเขาท่องยุทธภพมาหลายปี ล้วนอาศัยความเฉียบไวและวิชาตัวเบายังชีพ ชั่วพริบตาที่นางเคลื่อนไหวจึงรีบกระโดดตาม เขาเพิ่งออกห่างคาคบก็เห็นเถาวัลย์จำนวนมากเลื้อยพันขึ้นมาถึงตำแหน่งที่สองคนเพิ่งอยู่เมื่อครู่แล้ว บนเถาวัลย์เต็มไปด้วยหนามสีแดง เลื้อยขยับแผ่วเบาราวกับมีความนึกคิด มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ของดีอันใด
คนชุดดำหัวใจเย็นวาบ เขาคือเทพขโมยพันมือไป๋เชียนเฮ่อ โลดแล่นในยุทธภพมาหลายปีเพียงนี้ไม่ได้ตายด้วยเงื้อมมือของทางการหรือของศัตรู จะต้องสิ้นชื่อในป่าดงเขาลึกนี่น่ะหรือ ไป๋เชียนเฮ่อยังไม่ทันจะสัมผัสพื้น ตัวประหลาดขนยาวสีดำตัวนั้นก็คำรามกระโจนเข้าใส่ เขาจึงได้แต่ปรับกำลังภายในกลางคัน หักเลี้ยวกลางอากาศเอาดื้อๆ หลบรอดการโจมตีของตัวประหลาดขนยาวได้อย่างฉิวเฉียด
ไป๋เชียนเฮ่อลงสัมผัสพื้นอย่างทุลักทุเล เท้าหยั่งพื้นแล้วก็รีบถอยปราดโดยไม่กล้าหยุดพักหายใจ เขาสร้างชื่อด้วยวิชาตัวเบา นานมากแล้วที่ไม่ได้หนีกระเซอะกระเซิงเช่นนี้ ทว่าตัวประหลาดที่ขนรุงรังจนมองรูปลักษณ์ได้ไม่ชัดตัวนั้นคล้ายจำแนกหาเขาได้อย่างแม่นยำ สิ้นเสียงหอนหนึ่งหนก็โถมตัวรุกไล่มาถึงเขาแล้ว
ตัวประหลาดขนยาวอ้าปากใหญ่ที่แดงปานอ่างเลือด ไป๋เชียนเฮ่อมองเห็นเขี้ยวแหลมในนั้น เดิมนึกว่าชีวิตนี้ของตนกำลังจะจบสิ้นลง ทันใดนั้นเองด้านบนก็มีสายลมเย็นวาบผ่าน เป็นสตรีผู้หนึ่งโฉบข้ามศีรษะของเขาไปเตะใส่ใบหน้าขนเฟิ้มของเจ้าตัวประหลาดอย่างหนักหน่วง