ไป๋เชียนเฮ่อสูดหายใจทางปากอย่างตื่นตะลึง คำตอบเรียบง่ายไม่กี่ประโยคนี้กลับแฝงข้อมูลอันน่าตระหนก เขานึกว่าตนเองตะลุยยุทธภพมาโชกโชน แต่พอเจอภูตสุนัขดำตัวนั้นก็ยังคงขวัญกระเจิงจนแข้งขาอ่อน ผิดกับแม่นางน้อยโฉมงามดูไร้พิษภัยผู้นี้ที่ถึงกับทำให้มันบาดเจ็บหนักได้
คนจริงไม่เผยตัว สุนัขกัดจะไม่เห่า…คำคนโบราณไม่ได้หลอกลวงข้า!
อันที่จริงต่อมาไป๋เชียนเฮ่อเยือกเย็นลงก็ขบคิดได้ปรุโปร่ง ตัวประหลาดสีดำมิดหมีตัวนั้นผิวแกร่งจนฟันแทงไม่เข้า ทว่าหลี่เจาเกอกลับยิงมันทรุดในเกาทัณฑ์เดียว ในเมื่อนางยิงมันบาดเจ็บได้ก็ย่อมมีฝีมือจะสังหารมัน
อาวุธของคนทั่วไปจะทำร้ายภูตผีปีศาจได้อย่างไรกัน ตั้งแต่ตอนนั้นไป๋เชียนเฮ่อก็ควรคิดได้แล้วว่าหลี่เจาเกอไม่ใช่คนธรรมดา
เร้นกายในภูเขาลึก ไม่ติดต่อโลกภายนอก รูปโฉมงดงาม อายุก็น้อยจนน่าตกใจ…ข้อมูลเหล่านี้เป็นไปได้มากว่านางคือศิษย์ของผู้บำเพ็ญพรตที่เก่งกาจท่านหนึ่ง
ปัจจุบันทุกสำนักความเชื่อในใต้หล้าต่างเบ่งบานโดยเสรี โดยเฉพาะเต๋าและพุทธเฟื่องฟูแพร่หลาย บางคนฝึกยุทธ์เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง บางคนฝึกเต๋าเพื่อแสวงหาความเป็นอมตะ โดยสรุปทุกสำนักไม่ก้าวก่ายกัน ผู้ฝึกตนกับปุถุชนไม่ข้องแวะกัน ชาวยุทธ์กับภิกษุนักพรตต่างขีดเส้นแบ่งเขตของตนเอง แต่ละฝ่ายเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง เมื่อก่อนไป๋เชียนเฮ่อเองก็หลีกลี้หนีห่างจากแม่ชีนักพรตหญิง ทว่ากับแม่นางน้อยผู้นี้เป็นข้อยกเว้น
จะมากจะน้อยไป๋เชียนเฮ่อก็พอมีฝีมือในการมองคนอยู่ เขารู้สึกโดยตลอดว่าดรุณีน้อยตรงหน้านี้เป็นบุคคลไม่สามัญ อีกทั้งเขาอ่านนางไม่ทะลุจึงยิ่งสนใจใคร่รู้ในตัวนาง
ไป๋เชียนเฮ่ออมยิ้มมองพิจารณาหลี่เจาเกอ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงเอ้อระเหย “น้องสาว ต่อจากนี้เจ้าตั้งใจจะไปที่ใดเล่า”
ความเร็วในการกินอาหารของหลี่เจาเกอสูงยิ่ง เพียงชั่วเวลาที่สนทนากันนางก็กินอิ่มพอสมควรแล้ว นางวางตะเกียบสองข้างคู่กันบนโต๊ะ ใช้ผ้าเช็ดปากจนสะอาดค่อยตอบ “ราชธานีตะวันออก”
“โอ๊ะ ลั่วหยาง!” ไป๋เชียนเฮ่อสังเกตอากัปกิริยาของนาง รอยยิ้มที่มุมปากยิ่งแฝงนัยลุ่มลึก “ลั่วหยางกับเจี้ยนหนานไม่ใช่ใกล้ๆ น้องสาวกล้าเดินทางตัวคนเดียวหรือ”
“มีอันใดไม่กล้า” หลี่เจาเกอพูดพลางลุกขึ้นยืน ถือกระบี่พร้อมกับประสานมือคารวะ “เจ้าเลี้ยงอาหารข้าหนึ่งมื้อ ข้าจะเว้นทางรอดให้เจ้าหนึ่งสาย ขอตัว”
ไป๋เชียนเฮ่อเลิกคิ้วอย่างห้ามไม่อยู่ เว้นทางรอดให้เขาหนึ่งสาย? น้ำคำของแม่นางน้อยช่างคุยโตนัก! ไป๋เชียนเฮ่อโลดแล่นในยุทธภพมาสิบกว่าปี เคยล้วงลึกคลังเก็บทองคำของคหบดีอันดับหนึ่งแห่งเจียงหนาน เคยสำรวจคุกของศาลต้าหลี่ อุทยานหลวงก็เคยเข้าไปหลายหน ต่อให้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในราชวงศ์ก็ยังไม่กล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้ต่อหน้าเขาไป๋เชียนเฮ่อ
ไป๋เชียนเฮ่อไม่ได้พูดตอบ อมยิ้มมองหลี่เจาเกอจากไป เห็นกันอยู่ว่านางเพิ่งอายุสิบห้าสิบหก แต่กลับไม่มีความร่าเริงเช่นดรุณีน้อยวัยนี้พึงมี นางกอดกระบี่เดินไปบนถนน ไม่ช้าก็หายลับตา ไป๋เชียนเฮ่อลูบคาง รู้สึกว่านางน่าสนใจยิ่ง
ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกอยู่ตลอดว่าอีกไม่นานเขากับนางจะได้พบกันอีก
ความจริงเป็นเช่นนี้ไม่ผิดเลย ภายหลังหลี่เจาเกอออกจากตัวตำบลหนานหลิน ค่อยพลันฉุกคิดถึงปัญหาหนึ่งข้อ
นางย่อมไม่อาจเดินเท้าไปนครลั่วหยาง แต่หากจะซื้อหาม้าพาหนะ นางก็ไม่มีเงิน
หลี่เจาเกอไม่ต้องกังวลใจเรื่องเงินทองมานานหลายปีแล้ว นานเสียจนเมื่อครู่นางไม่ทันนึกว่าการเดินทางไกลจะต้องใช้เงิน
นางกลัดกลุ้มเพียงครู่เดียวก็เงยหน้าเห็นหมายจับแผ่นหนึ่งติดอยู่หน้าประตูทางเข้าตำบล เป็นหมายจับจอมโจรย่องเบาไป๋เชียนเฮ่อ รางวัลนำจับหนึ่งหมื่นเฉียน
ด้านล่างสุดประทับตราของศาลต้าหลี่
หลี่เจาเกอขบคิดเล็กน้อยก็รู้สึกว่าใช้ได้ ถึงแม้ชาติก่อนกองงานปราบปีศาจกับศาลต้าหลี่จะเป็นคู่แข่งกันเรื่อยมา แต่ตอนนี้หาเงินจากคู่แข่งบ้างก็ไม่นับว่าลดตัวหรอก