หลี่เจาเกอตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ย้อนกลับไปจับกุมคนร้ายตามหมายจับอย่างเบิกบาน ขณะนี้ไป๋เชียนเฮ่อกำลังรินสุราเองดื่มเองอยู่บนหอสุรา ยังไม่ทันจะดื่มหมดหนึ่งจอกก็พบว่าหลี่เจาเกอไปแล้วหวนกลับมาใหม่
เขาถามอย่างประหลาดใจ “น้องสาว ไฉนเจ้ากลับมาเสียแล้ว หรือพบเจอคนเลวเข้า”
“ไม่ใช่” หลี่เจาเกอพูดๆ อยู่ก็พลันยกกระบี่กดบนร่างไป๋เชียนเฮ่อโดยไม่มีวี่แวว “ข้ากลับมาเพื่อจะจับกุมคนเลว”
ไป๋เชียนเฮ่อถูกจู่โจมจนมึนงง คาดไม่ถึงสักนิดว่านางจะมาไม้นี้ รอจนเขาตอบสนองได้ รีบดิ้นรนขัดขืน ค่อยพบว่าเหมือนเจอผีกลางวันแสกๆ ไม่ว่าจะสำแดงฝีมือไปเท่าไรล้วนไม่อาจหลุดพ้นกระบี่ของนางได้เลย “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
“เรียบง่ายยิ่ง ก็จับกุมเจ้าไปที่ว่าการเพื่อขึ้นเงินรางวัลน่ะสิ”
“เพราะอะไรกัน”
“เพราะข้าขาดค่าเดินทางไปลั่วหยาง”
ไป๋เชียนเฮ่อออกแรงดิ้นรน จวบจนเขาแน่ใจว่าตนเองไม่มีโอกาสจะหนีรอดเงื้อมมือนางโดยสิ้นเชิงและนางก็มีทีท่าว่าจะจับกุมเขาไปที่ว่าการจริงๆ เขาจึงลนลานขึ้นมาทันที “น้องสาว…ไม่สิ พี่สาว! พวกเรามีอันใดพูดจากันดีๆ เถิด ท่านขาดเงินก็บอกกันแต่แรกสิ ข้าไปส่งท่านยังได้ ไยจะต้องไปที่ว่าการ ทำลายไมตรีระหว่างกันให้ได้เล่า”
“ก็ถูก…” หลี่เจาเกอพึมพำเสียงเบา ไป๋เชียนเฮ่อนับว่าเตือนสตินาง เขาคือเทพขโมยเชียวนะ ระดับตำบลไม่มีที่คุมขังนักโทษ ส่วนคุกของที่ว่าการอำเภอทั่วๆ ไปจะขังเขาอยู่หมัดได้อย่างไรกัน อีกอย่างเมื่อครู่นางก็ลั่นวาจาไปแล้วว่าจะเว้นทางรอดให้เขาหนึ่งสาย ดังนั้นนางจะไม่จับเขาเข้าคุกเอง ให้ศาลต้าหลี่มาลงมือแล้วกัน ในเมื่อคุกของที่ว่าการอำเภอทั่วๆ ไปขังเขาไม่อยู่ มิสู้คุมตัวเขาไปถึงนครลั่วหยางแล้วให้ศาลต้าหลี่มารับช่วง
หลี่เจาเกอรู้สึกว่าวิธีนี้ดียิ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ค่าเดินทางก็ประหยัดได้ อีกทั้งไปถึงนครลั่วหยางแล้วยังจะ ‘กรรโชกทรัพย์’ ศาลต้าหลี่ได้หนึ่งก้อน เรียกว่าทำกำไรงามแบบไร้ต้นทุน นางจึงแย้มยิ้มให้ไป๋เชียนเฮ่อ ถอนกระบี่ออกแล้วกล่าวว่า “ดีเลย ไปกันเถิด”
ไป๋เชียนเฮ่อทางหนึ่งพูดจาชวนฟังกับหลี่เจาเกอ อีกทางหนึ่งหมุนข้อมือยืดเส้น ทันใดนั้นเขาพลันกระโดดขึ้นสู่หลังคาโดยปราศจากเค้าลาง เผ่นหนีไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว ภายใต้ฝ่าเท้าอันว่องไวของเขาบ้านเรือนร้านตลาดแทบกลายเป็นเสี้ยวเงา เขาหัวเราะหึๆ อย่างกระหยิ่มลำพอง “นางหนู เกลือที่ข้าเคยกินยังมากกว่าข้าวที่เจ้าเคยกินด้วยซ้ำ ยังริอ่านจะจับข้า รอชาติหน้าเถอะ”
ไป๋เชียนเฮ่อเหินร่างกระโดดเลี้ยวจากบนหอสูง ไม่นึกว่าเกือบถลาเข้าชนคมกระบี่เล่มหนึ่ง เขารีบหยุดฝีเท้าสุดตัว กว่าจะหยุดอยู่หน้าปลายกระบี่ได้อย่างฉิวเฉียด
หลี่เจาเกอยิ้มกล่าวอยู่ตรงหน้าเขา “วิชาตัวเบาไม่เลว”
ไป๋เชียนเฮ่อมองหลี่เจาเกอราวกับเห็นผี เขาย่องถอยหลังสองก้าวก่อนหมุนขวับวิ่งไปยังทิศทางตรงข้าม หลี่เจาเกอรั้งกระบี่ถอนใจเบาๆ “เจ้าแน่ใจนะว่ายังจะหนี”
ฝีเท้าของไป๋เชียนเฮ่อชะงักไปดื้อๆ เขาท่องยุทธภพมาสิบกว่าปีเพิ่งเคยเจอสตรีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้หนแรก เขาเหลียวหลังไปฝืนยิ้มถาม “น้องสาว…หรือพี่สาว ท่านคิดจะทำอันใดกันแน่”
“ข้าบอกไปแล้วนี่” หลี่เจาเกอยืนอยู่บนหลังคา มองเขาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ริมฝีปากแดงแย้มนิดๆ “ไปราชธานีตะวันออก”