เพียงแต่บัดนี้ผู้ที่ยืนอยู่ในสวนประจิมของจวนสกุลเผยและจะกำหนดอนาคตชะตาของกู้หมิงเค่อนั้นได้กลายเป็นฉินเค่อแล้ว
หลังฉินเค่อบรรลุข้อตกลงกับเซียวหลิง เขาก็ออกจากวังซานชิงรุดมายังแดนมนุษย์ ขณะเดียวกันเซียวหลิงก็หมุนวงล้อแห่งสังสารวัฏ ย้อนกาลเวลา รวมถึงชำระล้างความทรงจำของเหล่ามนุษย์ สำหรับคนอื่นๆ บนโลกแล้วห้วงเวลาของพวกเขาได้ถอยจากรัชศกหยวนจยาปีที่หนึ่งกลับมายังรัชศกหย่งฮุยปีที่ยี่สิบสองโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัวใดๆ นึกเพียงว่าตนเองหลับไปหนึ่งตื่น มีเพียงเผยจี้อันกับหลี่เจาเกอคู่อริคู่นี้ที่เก็บรักษาความทรงจำของชาติก่อนไว้
ส่วนผู้ที่ตายไปในชาติก่อนและอยู่นอกเส้นทางของคนคู่นี้ อย่างเช่นกู้หมิงเค่อตัวจริงที่ป่วยตายไปตั้งแต่ก่อนหลี่เจาเกอจะตั้งตนเป็นฮ่องเต้ เขาได้เข้าสู่สังสารวัฏไปเวียนว่ายแล้วจะไม่กลับสู่โลกในฐานะเดิมอีก ผู้ที่มาสวมฐานะนี้ของเขาจึงเป็นเป่ยเฉินเทียนจุนฉินเค่อ
เพื่อให้สะดวกต่อฉินเค่อผู้มีภารกิจติดตัว ขณะเซียวหลิงชำระล้างความทรงจำของมนุษย์จึงถือโอกาสปรับเปลี่ยนภาพจำที่พวกเขามีต่อกู้หมิงเค่อเสียด้วยเลย กล่าวคือเมื่อผู้คนในชาตินี้นึกถึงกู้หมิงเค่อมักจะรู้สึกว่าเลือนรางดุจชมบุปผาในสายหมอก จวบจนได้พบฉินเค่อตัวเป็นๆ ค่อยพลันนึกได้ว่านี่สิกู้หมิงเค่อ จากนั้นสุ้มเสียง หน้าตา และอุปนิสัยของกู้หมิงเค่อคนเดิมก็จะถูกแทนที่ด้วยลักษณะของฉินเค่อทั้งหมด พูดได้อีกอย่างว่ากู้หมิงเค่อที่มนุษย์เห็นอยู่แท้จริงแล้วคือฉินเค่อนั่นเอง
ไหนๆ กู้หมิงเค่อก็เป็นคนขี้โรค ภาพจำที่คนส่วนใหญ่มีต่อเขาจึงเลือนรางเป็นทุนเดิม ปรับเปลี่ยนภาพจำแค่เท่านี้ย่อมไม่ดูผิดปกตินัก อีกอย่างทำเช่นนี้แม้จะเสี่ยงอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ดีกว่าให้ฉินเค่อใช้วิชาแปลงโฉมตลอดภารกิจ กู้หมิงเค่อป่วยกระเสาะกระแสะ อารมณ์เปราะบาง ทว่าฉินเค่อไม่เป็นเช่นนั้น ต่อให้เขาเป็นเทพเซียนสวมรอยเป็นผู้อื่นนานวันเข้าก็เผยพิรุธได้เช่นกัน
ฉะนั้นมิสู้ปรับเปลี่ยนความทรงจำที่ผู้คนมีต่อกู้หมิงเค่อคนเดิม แล้วให้ฉินเค่อลงสนามอย่างเป็นตัวของตัวเอง มุ่งทำภารกิจให้ลุล่วงจะดีกว่า
เดิมทีความเร็วในการเดินทางของฉินเค่อสอดคล้องกับความเร็วที่เซียวหลิงปรับปรุงสังสารวัฏ ทว่าระหว่างทางฉินเค่อแวะไปภูเขาผิงซานหนึ่งเที่ยว เวลาจึงล่าช้ากว่าที่คาดไว้เล็กน้อย ฉินเค่อต้องการแน่ใจว่าจวนสกุลเผยทางนี้จะไม่เผยพิรุธจึงเสกหุ่นเวทตัวหนึ่งส่งเข้าห้องของกู้หมิงเค่อจากระยะไกลและให้แสดงออกว่าล้มป่วย นี่ก็คือสาเหตุที่เจียวเหว่ยบอกว่าคุณชายดูซึมเซา ไม่กินอาหารไม่ดื่มน้ำ พูดคุยด้วยก็ไม่มีท่าทีตอบสนอง
กาลเวลาที่เซียวหลิงปรับใหม่คือเวลาในแดนมนุษย์เท่านั้น หนึ่งวันในแดนสวรรค์เท่ากับหนึ่งปีในแดนมนุษย์ สำหรับแดนสวรรค์วันเวลายังคงดำเนินไปตามปกติ อดีตเซียนหมู่ตานหัวหน้าแห่งร้อยบุปผาได้เข้าสู่สังสารวัฏไปรับโทษแล้ว เป่ยเฉินเทียนจุนจะหายหน้าไปโดยไม่รู้สาเหตุเพียงไม่กี่วัน แม้แต่เทพดาราทันหลางก็จะแค่กลับมาช้ากว่ากำหนดที่คาดไว้เดิมเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
เงื่อนไขแรกของทั้งหมดนี้ก็คือเทพดาราทันหลางเผชิญด่านเคราะห์ได้ราบรื่น ไม่ต้องปรับเวลาเริ่มใหม่อีกหน
เวลาครู่เดียวฉินเค่อก็จดจำชีวประวัติของกู้หมิงเค่อได้ขึ้นใจ จากนั้นก็นั่งลงหลังโต๊ะหนังสือ พลิกดูตำราของกู้หมิงเค่อ ไม่นานนักกระทั่งอุปนิสัยและความชอบของกู้หมิงเค่อเขาก็รู้กระจ่างดุจนิ้วบนฝ่ามือ
นี่ช่างเป็นภารกิจที่น่าเบื่อยิ่ง สวมฐานะเป็นผู้อื่นเพื่อแฝงตัวในแดนมนุษย์ คอยช่วยเทพดาราทันหลางให้เดินไปตามรอยทางชีวิตที่ลิขิตไว้ กล่าวตามสัตย์ว่าในสายตาของฉินเค่อไม่ต่างอันใดกับเด็กน้อยเล่นขายของ หากไม่ใช่เห็นแก่ที่เทพดาราทันหลางคือตัวเลือกซีขุยเทียนจุนคนถัดไป ไม่ว่าอย่างไรฉินเค่อก็ไม่ยอมรับงานที่หมดเปลืองเวลาเช่นนี้แน่
เขาคิดในใจอย่างมุ่งมั่นว่าจะต้องไม่มีหนหน้า
หนนี้จะต้องสำเร็จ
อย่างน้อยเบาะแสของโจวฉางเกิงก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่เหนือความคาดหมาย นี่นับเป็นเรื่องเดียวที่ทำให้ฉินเค่อรู้สึกว่าตนลงมาแดนมนุษย์หนนี้ยังมีคุณค่า ในเมื่อรู้ร่องรอยของโจวฉางเกิงแล้ว การจะจับตัวอีกฝ่ายก็ลำบากเพียงยกมือ เขาไม่รีบร้อนจะไปจับกุมประเดี๋ยวนี้หรอก เขากำลังทำภารกิจอยู่ รอจนเสร็จเรื่องของเทพดาราทันหลางค่อยไปตามจับโจวฉางเกิงก็ไม่สาย
ภารกิจจะต้องทำไปทีละอย่าง ไม่อาจแทรกลำดับกัน