บทที่ 130 เนรเทศ
เมื่อก่อนไม่ว่าหลี่เจาเกอถามสิ่งใด กู้หมิงเค่อล้วนตอบได้สบาย ทว่าหนนี้นางถามจบไปนานสองนาน เขาก็ยังคงไม่ตอบคำ
นางช้อนตาขึ้นอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง “ท่านถึงกับไม่รู้?”
“เป็นธรรมดา” กู้หมิงเค่อลดมือลง นิ้วมือถูข้อนิ้วช้าๆ “ข้าเป็นคนธรรมดาผู้หนึ่งเท่านั้น จะรู้ทุกสิ่งไปได้อย่างไร”
ยังแสดงอยู่อีก หลี่เจาเกอลอบเหลือกตา “ไม่มีคนอื่นเสียหน่อย ท่านไม่จำเป็นต้องแสดง”
กู้หมิงเค่อหลุดหัวเราะ “ข้าไม่รู้จริงๆ”
นางถึงกับคิดว่าเขาเล่นตัว นี่มองเขาสูงเกินไปแล้ว
นับแต่เกิดจนตาย กระทั่งถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าอันใดคือวิถีแห่งราชัน
หลี่เจาเกอเพ่งมองสีหน้ากู้หมิงเค่อโดยละเอียด พบว่าเขาเปิดเผยเป็นธรรมชาติ ในแววตามีหวนระลึก มีครุ่นคิด ทว่าไม่มีล้อเล่น นี่เขากำลังไตร่ตรองอย่างจริงจังอยู่
นางรู้สึกว่าหาได้ยากไม่น้อยจึงพูดกึ่งล้อเล่น “ข้าหลงนึกว่าท่านรู้ไปทุกสิ่ง ทำได้ทุกอย่างเสียอีกนะ ที่แท้…บนโลกนี้ก็มีสิ่งที่ท่านไม่รู้คำตอบเช่นกัน”
“ย่อมแน่นอน” กู้หมิงเค่อช้อนรองแขนเสื้อพลางรินน้ำชาให้ตนเอง “ข้าก็เป็นคน ย่อมมีข้อจำกัดของตนเอง”
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเขาบอกว่าตัวเขาเองมีข้อจำกัด นางอดตะลึงไม่ได้ ที่ผ่านมาในสายตาของนาง เขาไร้อารมณ์ไร้ปรารถนา เพียบพร้อมไร้ที่ติมาโดยตลอด ไม่เคยทำผิดพลาด และไม่เคยเห็นแก่ตัว เป็นเพราะเพียบพร้อมเหลือเกินจึงดูคล้ายเทวรูปสักองค์บนแท่นบูชา ไม่คล้ายมนุษย์ผู้หนึ่งเลย ทว่าตอนนี้นางพลันตระหนักได้ว่าเขาเองก็มีบางสิ่งที่เกินกำลัง เขาเองก็มีข้อจำกัดและสิ่งที่ขาดหาย
กู้หมิงเค่อเอ่ยจบ ไม่เห็นหลี่เจาเกอพูดจาเสียทีจึงยกมือโบกตรงหน้านางหนึ่งที ส่งผลให้แววตานางรวมตัวในพริบตา เขาชักมือกลับคืนก่อนถาม “คิดอะไรอยู่”
ดวงตานางจรดค้างบนมือข้างนั้นโดยจิตใต้สำนึก ฝ่ามือของเขาแคบเรียว นิ้วมือเรียวยาว ผิวพรรณขาวเนียนดุจหยก ข้อนิ้วนูนเพียงเล็กน้อยได้สัดส่วนงดงาม มิอาจไม่กล่าวว่ามือคู่นี้ชวนมองอย่างยิ่ง
เขาช่างเป็นผู้โชคดีที่ได้รับความเอ็นดูเป็นพิเศษจากเทพผู้รังสรรค์สรรพสิ่ง
หลี่เจาเกอคิดฟุ้งซ่านไปพลางส่ายศีรษะตอบไปพลาง “ไม่มีอะไร”
กู้หมิงเค่อไม่ได้ซักไซ้ เอ่ยอย่างเนิบช้า “เดิมทีวันนี้…ข้านึกว่าท่านจะไม่ไปเสียอีก”
หลี่เจาเกอรู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องสกุลเผย นางจะไม่ออกหน้าก็ได้ ทว่าเขาคือคุณชายในตระกูลเขยของสกุลเผย ไปพึ่งพาอาศัยที่บ้านนั้นตั้งหลายปีเพียงนี้ เสื้อผ้า อาหาร ที่พัก เครื่องเขียน ทุกอย่างล้วนเป็นของดีที่สุด ไม่ว่าอย่างไรสกุลเผยก็ให้ความเมตตาต่อเขาอย่างเต็มที่
บัดนี้สกุลเผยมีภัย หากเขาไม่แสดงออกอันใดเลย ไม่ว่าด้านความสัมพันธ์หรือเหตุผลล้วนฟังไม่ขึ้น แต่หากเขาออกหน้าเองอาจทำให้ฮ่องเต้ไม่พอใจก็เป็นได้ ดังนั้นนางจึงชิงเป็นฝ่ายพาคนออกมาก่อนเสียเลย ฮ่องเต้ย่อมไม่มีหนทางจะว่ากล่าวอันใดแล้ว
หลี่เจาเกอตอบเรียบๆ “สามีภรรยาคือคนคนเดียวกัน น้าชายกับญาติผู้น้องของท่านมีภัย ข้าย่อมไม่อาจนิ่งดูดาย”
กู้หมิงเค่อพิศมองนางแน่วนิ่งใต้แสงไฟ เดิมทีเขาตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ปรากฏว่าวันนี้กลับมาถึงจวนองค์หญิง ผู้ติดตามแจ้งเขาว่านางออกไปแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็รู้ได้ว่านางต้องไปที่คุกนครบาล
เดิมทีเขากับนางแต่งงานกันหลอกๆ เป็นผู้ใหญ่สองคนที่ฝืนมาอยู่ด้วยกันแบบเด็กน้อยกำลังเล่นพ่อแม่ลูก แค่รักษาความปรองดองแต่เปลือกนอกไว้ก็ไม่ง่ายดายแล้ว นึกไม่ถึงเลยนางจะทำเพื่อเขาได้ถึงขั้นนี้ เห็นกันอยู่ว่าเรื่องนี้นางไม่แสดงท่าทีจะเป็นผลดีกับนางมากกว่า