บทที่ 87 ข้อห้าม
กู้หมิงเค่อถูกหลี่เจาเกอยั่วโมโหจากไปแล้ว นางอมยิ้มรับช่วงหลักฐาน เอ่ยกับผู้ใต้บัญชาที่ติดตามนางมา “จงขนสิ่งเหล่านี้กลับกองงานปราบปีศาจ ศพผู้ตายนำไปไว้ที่ห้องเก็บศพ เก็บรักษาให้ดี”
ผู้ใต้บัญชาประสานมือขานรับ ฮ่องเต้แบ่งทหารหลวงกองกำลังอุดรมาให้หลี่เจาเกอหนึ่งพันนาย ปัจจุบันนางมีบริวารเหลือเฟืออย่างที่ไม่เคยเป็น ขณะทหารเข้าๆ ออกๆ ขนสิ่งของ นางจับตามองอยู่บนทางระเบียง เฮ่อหลันชิงเดินช้าๆ มาจนถึงข้างกายนางแล้วยิ้มถาม “น้องสาวคล้ายสนิทกับรองตุลาการกู้มาก เหตุใดวันนี้จงใจยั่วโมโหเขาเล่า”
สายตาหลี่เจาเกอจับจ้องกลุ่มคนที่กำลังเดินไปมา เอ่ยเย็นชาโดยไม่แม้แต่จะเอียงหน้าไป “ข้อแรก…ในเวลางานท่านควรเรียกข้าว่าผู้บัญชาการ ข้อสอง…ข้ากับเขาสนิทกันหรือไม่ เป็นธุระกงการอะไรของท่าน”
ถ้อยคำเหล่านี้ของนางไม่ไว้หน้ากันแม้แต่น้อย รอยยิ้มของเฮ่อหลันชิงค่อยๆ หุบลง “ไม่ว่ากับผู้ใดองค์หญิงเซิ่งหยวนล้วนเฉยเมย เว้นแต่กับรองตุลาการกู้ที่ปฏิบัติต่างไป ข้ายังนึกว่าในใจขององค์หญิงเขาไม่เหมือนผู้อื่นเสียอีก”
เดิมเฮ่อหลันชิงเอ่ยเช่นนี้เจตนาจะยั่วยุหลี่เจาเกอ นึกไม่ถึงว่านางกลับหัวเราะ เหลียวมาจ้องเขาด้วยแววตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ก็ไม่เหมือนน่ะสิ ถึงอย่างไรรูปโฉม ท่วงที วาจา และความรู้ของเขาล้วนแต่เลิศล้ำเหนือสามัญ มี ‘ไข่มุกหยก’ เช่นนี้เป็นตัวเปรียบเทียบ ผู้ใดยังจะเหลือบแล ‘ลูกตาปลา’ เล่า บุรุษพื้นๆ มายั่วยุต่อหน้าข้าล้วนป่วยการเปล่า ท่านว่าถูกต้องหรือไม่พี่เฮ่อหลัน”
เฮ่อหลันชิงฝืนหยักยกริมฝีปาก ปั้นหน้ายิ้มแต่ใจไม่ยิ้ม “ในสายตาของคนรักย่อมแลเห็นซีซือ องค์หญิงเซิ่งหยวนกล่าวถูกต้อง”
หลังหลี่เจาเกอพูดกระทบกระเทียบเฮ่อหลันชิงด้วยวาจาติดหอกพกกระบอง ไปหนึ่งยกก็ถอนสายตาคืนมา คร้านกระทั่งจะเจือจานหางตาให้ สำหรับบุรุษพื้นๆ ชวนเอียนแต่กลับเชื่อมั่นในตนเองสุดขีดพรรค์นี้อย่าไปไว้หน้า ที่เฮ่อหลันชิงรุ่มร่ามจนถึงขั้นนี้ก็เพราะสตรีรอบข้างคอยตามใจ
หานกั๋วฟูเหรินมีบุตรชายเพียงคนเดียว ประกอบกับเฮ่อหลันชิงมีรูปโฉมดี ตั้งแต่วัยเด็กก็ปากแดงฟันขาว เป็นที่เอ็นดูของหานกั๋วฟูเหรินกับหยางฮูหยินอย่างยิ่ง ผู้อาวุโสสตรีในสกุลอู่ตามใจเขา สาวใช้ในจวนสกุลเฮ่อหลันตามใจเขา แม้แต่คณิกาข้างนอกก็โอนอ่อนต่อเขาทุกอย่าง นานวันเข้าจึงบ่มเพาะเป็นนิสัยหยิบโหย่งแล้งน้ำใจ แต่เฮ่อหลันชิงเองไม่เห็นว่าน่าอดสู กลับมองเป็นเกียรติยศเสียอีก
สตรีข้างนอกตามใจเขา หลี่เจาเกอกลับไม่ เฮ่อหลันชิงเสียท่าให้หลี่เจาเกอหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดก็ไม่กล้าตอแยนางอีกและเดินฮึดฮัดจากไป นางแค่นเสียงฮึในใจเบาๆ ก่อนสั่งการผู้ใต้บัญชาของกองงานปราบปีศาจ “พวกเจ้าขนย้ายต่อ ประเดี๋ยวไม่ต้องรอข้า นำกลับกองงานปราบปีศาจไปได้เลย ไม่ช้าข้าจะตามไป”
“รับทราบ”
หลี่เจาเกอมาสืบคดีในบ้านหานกั๋วฟูเหรินย่อมไม่อาจมาแล้วกลับเลย ก่อนจากจะอย่างไรก็ต้องไปคารวะท่านป้าสักหน่อย นางเดินไปถึงเรือนหลัก หานกั๋วฟูเหรินกับเฮ่อหลันหมิ่นคอยอยู่ในห้องนานแล้ว เมื่อสาวใช้เข้ามาแจ้ง หานกั๋วฟูเหรินจึงวางช้อนน้ำแกงลง ถอนใจเนิบช้า “มาได้เสียที”
เฮ่อหลันหมิ่นยืนขึ้นจะพยุงผู้เป็นมารดาให้ลุก หลี่เจาเกอเข้าประตูมาเห็นจึงเอ่ยยับยั้ง “ท่านป้าช้าก่อน ท่านไม่ค่อยสบาย สงบใจพักเถิด ข้าจะกล้ารบกวนท่านป้าลุกขึ้นได้อย่างไร”
หานกั๋วฟูเหรินลุกพอเป็นพิธีก็นั่งกลับไปบนตั่งช้าๆ เฮ่อหลันหมิ่นจัดสาบเสื้อ ก่อนยอบกายคำนับหลี่เจาเกอ “องค์หญิงเซิ่งหยวน”
“น้องเฮ่อหลัน”
หานกั๋วฟูเหรินเอนตะแคงบนตั่งคนงาม มีสาวใช้คุกเข่าอยู่สองข้างคอยโบกพัดให้นางเบาๆ นางใช้มือหนึ่งหนุนแก้ม อีกมือป้องปากหาว แขนเสื้อจึงเลื่อนร่นจากท่อนแขนเผยให้เห็นผิวผ่องอิ่มเอิบแถบใหญ่
หลี่เจาเกอเห็นแล้วถามว่า “ท่านป้าเป็นอันใดไป เมื่อคืนหลับไม่สนิทหรือ”
หานกั๋วฟูเหรินลดมือลงก่อนบ่นอุบ “ไม่รู้เกิดอันใดขึ้น พักนี้กลางวันข้ามักเหนื่อยเพลียยิ่ง กลางคืนอยากจะนอนก็นอนไม่หลับ พอถึงกลางวันก็ง่วงไม่เลิกราอีก น่ารำคาญใจจริงๆ”