ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 87-88 – หน้า 10 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 87-88

10 of 10หน้าถัดไป

วันนี้เป็นพิธีแต่งงานขององค์หญิงชั้นกงจู่ครั้งแรกในรอบหลายปี นอกจากพวกหลี่เจาเกอที่เป็นน้องต่างมารดา ชายาอ๋องกับเซี่ยนจู่เชื้อพระวงศ์สายอื่นก็มากันด้วย แต่เทียนโฮ่วแสดงชัดว่าไม่ชอบองค์หญิงอี้อัน ทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยงจึงสำรวมอย่างยิ่ง เครื่องแต่งกายไม่กล้าสวมหรูหราเกินไป แม้แต่สีหน้าก็ไม่กล้าเผยเกินพอดี

นอกจากเชื้อพระวงศ์สกุลหลี่ แขกเหรื่ออื่นๆ ต่างทยอยมาถึงแล้ว เห็นพวกหลี่เจาเกอองค์ชายองค์หญิงกลุ่มนี้นั่งอยู่รวมกัน คนทางบ้านเฉวียนต๋าไม่กล้าเข้ามาใกล้โดยสิ้นเชิง ต่างจากเผยจี้อันกับกู้หมิงเค่อที่เดินหนึ่งหน้าหนึ่งหลังเข้าประตูตรงมาคารวะคนกลุ่มนี้ “คำนับองค์หญิงเซิ่งหยวน จ้าวอ๋อง องค์หญิงก่วงหนิง”

นับแต่หลี่เจาเกอมาถึง หลี่ฉังเล่อก็ไม่อยากจะพูดจา ขณะกำลังแสนเบื่อหน่ายพลันแลเห็นเผยจี้อัน พาให้ดวงตานางสว่างวาว “พี่เผย!”

ชายาของจวิ้นอ๋องผู้หนึ่งเห็นแล้วเอ่ยกลั้วหัวเราะทันที “องค์หญิงก่วงหนิงไม่ตื่นเต้นต่อพวกเรา แต่พอเห็นคุณชายเผยกลับเรียกพี่เสียงหวาน ช่างน่าน้อยใจจริงๆ”

ชายาอ๋องกับฮูหยินจำนวนมากร่วมกันหัวเราะ หลี่ฉังเล่อค้อนใส่พวกนางอย่างขุ่นเคือง เบ้ปากกระตุกแขนเสื้อของหลี่ไหว “พี่ชายสาม ท่านดูสิพวกนางรังแกข้า”

หลี่ไหวยิ้มเอ่ย “ชายาอู่หลิงอ๋องรังแกเจ้า เจ้าฟ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ มิสู้เจ้าไปหาท่านอาอู่หลิงอ๋อง ให้ท่านอาออกหน้าให้เจ้า”

อู่หลิงอ๋องเป็นคนรุ่นเดียวกับฮ่องเต้ ชายาอู่หลิงอ๋องนับเป็นอาสะใภ้ของพวกหลี่ไหว คำกล่าวของหลี่ไหวไม่นับว่าผิด พอดีตงหยางจ่างกงจู่เข้ามาจากด้านนอก ได้ฟังคำกล่าวนี้ก็หัวเราะเสียงดัง “จ้าวอ๋องไม่กล้าออกหน้า แต่ข้ากล้า ก่วงหนิง เป็นใครกันรังแกเจ้า เจ้าบอกป้ามา ป้าจะไปทวงคำอธิบายจากคนเหล่านั้นประเดี๋ยวนี้”

ในโถงจัดเลี้ยงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ชายาอู่หลิงอ๋องทำท่าขอให้ตงหยางจ่างกงจู่ละเว้น ตงหยางจ่างกงจู่โชกโชนในวงสังคม เมื่อมีนางอยู่วาจาเพียงไม่กี่คำก็ทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นได้

ตงหยางจ่างกงจู่ดูคล้ายพูดเล่น แท้ที่จริงให้การดูแลครบทุกคน ไม่ยอมให้คนโปรดคนใดถูกละเลย นางเอ่ยถึงทีละคนไปหนึ่งรอบพลันพบว่าขาดไปอีกผู้หนึ่ง จึงเอ่ยถาม “เซิ่งหยวนเล่า นางยังไม่มาหรือ”

เมื่อตงหยางจ่างกงจู่ทักขึ้นมา คนอื่นๆ ก็พากันหันหลังมอง “จริงด้วย องค์หญิงเซิ่งหยวนเล่า เมื่อครู่นางเข้ามาแล้วชัดๆ”

เกาจื่อฮั่นขันอาสาไปค้นหา หลังจากค้นหาไประยะทางหนึ่งบังเอิญมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นหลี่เจาเกอกับบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหัวเลี้ยวของทางระเบียงคล้ายพูดคุยอันใดกันอยู่ ผู้คนพบว่าเกาจื่อฮั่นหยุดนิ่ง ครั้นเดินไปใกล้ๆ มองเห็นภาพเหตุการณ์ด้านนอกก็พากันเอ่ยเย้า “โอ๊ะ นี่องค์หญิงเซิ่งหยวนมีวาจาใดต้องพูดคุยกับรองตุลาการกู้กันนะ แม้แต่ในงานแต่งของพี่สาวก็ไม่ยอมเพลาลง”

เกาจื่อฮั่นลดม่านลง ก่อนเอ่ยปนยิ้ม “กองงานปราบปีศาจกับศาลต้าหลี่อยู่ติดกัน อาจมีงานของทางการอันใดต้องสนทนากันก็เป็นได้”

คนทั้งหมดได้ยินพากันหัวเราะครืน สนทนางานของทางการในงานแต่ง เกาจื่อฮั่นช่างพูดเล่นได้เก่งยิ่งนัก ขณะบรรยากาศในโถงจัดเลี้ยงกำลังครื้นเครง หลี่ฉังเล่อลอบปลีกตัวจากหลี่ไหว เดินหน้าระรื่นไปถึงข้างกายเผยจี้อัน ทว่านางยินดีล้นใจ เผยจี้อันกลับดูใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เนิ่นนานยังคงไม่แยแสนางเสียที เอาแต่มองไปข้างนอก นางชักไม่พอใจจึงถามอย่างหัวเสีย “พี่เผย ท่านมองอะไรอยู่น่ะ”

เผยจี้อันถอนสายตาคืนมา ทั้งที่เขายืนเป็นจุดสนใจในงาน แต่กลับรู้สึกว่าตนเองเข้ากับรอบข้างไม่ได้เลย “ไม่มีอันใดหรอก”

 

ขณะนี้ที่นอกโถง หลี่เจาเกอกำลังระบายทุกข์กับกู้หมิงเค่อ “ข้าให้คนจับตามาตั้งสามเดือน ไป๋เชียนเฮ่อกับโจวเซ่าจ้องจนตาลายก็ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ หากฆาตกรก่อคดีในวันจื่อ เช่นนั้นเหตุใดผ่านวันจื่อไปตั้งหลายหนกลับไม่เคลื่อนไหวเลยเล่า ท่านแน่ใจนะว่าสามคดีนี้เป็นคดีฆ่าต่อเนื่อง”

“ไม่แน่ใจนัก ข้าก็บอกแล้วว่าเป็นการคาดเดา” กู้หมิงเค่อมองหลี่เจาเกอพลางเอ่ยอย่างเย็นใจ “เมื่อแรกเป็นท่านที่ดึงดันจะแย่งชิงคดีนี้ไป ตอนนี้ไม่มีเบาะแสกลับมาคาดคั้นข้า องค์หญิง หลักเหตุผลอยู่ที่ใดกัน”

หลี่เจาเกอหน้าบึ้ง ไม่อยากจะพูดจาอีก โม่หลินหลางปลอมตัวเป็นสาวใช้ติดตามอยู่ด้านหลังหลี่เจาเกอ ฟังมาถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ต้องพูดเสียงเบา “องค์หญิง ที่นี่คืองานแต่งของผู้อื่น พวกท่านคุยกันเรื่องคดีคนตาย…” จะไม่มีปัญหาจริงๆ น่ะหรือ

หากเป็นเมื่อก่อนโม่หลินหลางไม่เชื่อเด็ดขาดว่าหนุ่มสาวรูปงามคู่หนึ่งจงใจหลบหลีกฝูงชนเพียงเพื่อมาคุยงานของทางการ ทว่าตอนนี้นางเชื่อแล้ว

องค์หญิงกับรองตุลาการกู้…ล้วนไม่ใช่คนทั่วไปนี่นา

กู้หมิงเค่อแม้ปากพูดเสียงแข็ง ทว่ายังคงช่วยสางเบาะแสเป็นเพื่อนหลี่เจาเกอ ด้วยสัญชาตญาณที่เขาทำคดีมานานปี มีคนตายในวันจื่อติดกันสามคดีรวดจะต้องมีเลศนัยแน่นอน แต่ไฉนสามเดือนมานี้อีกฝ่ายจึงไม่ลงมืออีกเลย

ขณะคนทั้งสองถกกันอย่างจริงจัง เสียงอันคุ้นเคยของคนผู้หนึ่งก็พลันดังมาจากด้านข้าง

“พี่ชาย” เผยจี้อันยืนอยู่ใต้ชายคา นิ่งมองมาทางนี้ “ขบวนรับเจ้าสาวใกล้มาถึงแล้ว”

ตอนนี้หลี่เจาเกอค่อยหันมองรอบด้าน พบว่าทุกคนกำลังเดินมุ่งไปด้านนอก อีกทั้งแว่วเสียงดนตรีมาจากทิศทางของประตูจวนแล้ว หลี่ฉังเล่อติดตามลูกพี่ลูกน้องสตรีไปชมความครึกครื้นเช่นกัน เดินไปได้สักพักพลันพบว่าเผยจี้อันหายไป ในใจนางกระวนกระวายโดยไม่รู้สาเหตุ เหลียวไปก็เห็นเขายืนอยู่ด้านหลัง กำลังมองประจันกับกู้หมิงเค่อและหลี่เจาเกอข้ามทางระเบียง

ฉับพลันนั้นหัวใจของหลี่ฉังเล่อเต้นขาดไปหลายจังหวะ รีบยกชายกระโปรงวิ่งกลับไปคล้องแขนเผยจี้อันดุจตอนเด็กเล่นกันแล้วถามแง่งอน “พี่เผย พวกท่านคุยอะไรกันน่ะ”

โม่หลินหลางยืนอยู่หลังหลี่เจาเกอ รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างสี่คนนี้อ่อนไหวอย่างน่าประหลาด ขณะที่กำลังคิดว่าตนเองควรหาข้ออ้างบางอย่างหลบฉากไปใช่หรือไม่ ก็ได้ยินหลี่เจาเกอเอ่ยขึ้น “หลินหลาง ขบวนบ่าวสาวมาแล้ว พวกเราไปชมพิธีที่ด้านหน้ากัน”

โม่หลินหลางชะงักไปวูบเดียวก็รีบขานรับ หลี่เจาเกอใบหน้าไร้อารมณ์ เดินผ่านเผยจี้อันกับหลี่ฉังเล่อไปโดยไม่แลแม้แต่หางตา ทำเสมือนสองคนนี้ไร้ตัวตนโดยสิ้นเชิง เดินห่างไปชั่วระยะทางหนึ่งจึงหันมาบอกกู้หมิงเค่อว่า “คำพูดที่เหลือรอพรุ่งนี้ข้าค่อยพูดกับท่าน”

ภายหลังหลี่เจาเกอจากไปไกลโดยไร้ความอาวรณ์ มีเสียงตะโกนเรียกหลี่ฉังเล่อดังมาจากด้านหน้า หลี่ฉังเล่อเหลือบมองเผยจี้อันปราดหนึ่ง คลายมือที่กอดแขนเขาอยู่ออกอย่างเสียอารมณ์ เอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านป้ากำลังเรียกข้า ข้าไปก่อนนะ”

นางจากไปแบบเดินหนึ่งก้าวเหลียวหลังสามครา ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบเผยจี้อันไม่ได้หันมองนางสักแวบเดียว รอจนผู้อื่นล้วนจากไปไกลแล้ว เผยจี้อันก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป จับจ้องกู้หมิงเค่อด้วยท่าทางที่เกือบเรียกได้ว่าก้าวร้าว “พี่ชาย ท่านมีคำพูดอะไรกันแน่ จึงต้องพูดกับองค์หญิงตามลำพังตำตาพระญาติพระวงศ์ทั้งหลายให้ได้”

เผยจี้อันระแวง หรือกล่าวได้ว่าไม่ใช่ระแวง แต่แน่ใจเลยว่ากู้หมิงเค่อเจตนา วันนี้ผู้มาร่วมชมพิธีล้วนเป็นผู้ที่ติดต่อใกล้ชิดกับวังหลวง ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้กู้หมิงเค่อเรียกหลี่เจาเกอไปสนทนาคิดหวังอันใดกันแน่

กู้หมิงเค่อยิ้มเรียบๆ สะบัดแขนเสื้อเดินเนิบนาบมาจากทางระเบียง ยามเดินเฉียดไหล่เผยจี้อัน เสียงกระจ่างหมดจดของกู้หมิงเค่อก็ดังขึ้น “ไม่ว่าข้ามีเป้าประสงค์ใด เกี่ยวอะไรกับเจ้าเล่า”

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 25 .. 67 

10 of 10หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in จุติรัก พลิกชะตาร้าย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน อุบายรักลิขิตเสน่หา บทที่ 20

บทที่ 20 ความรักลึกซึ้งแนบแน่น เฮ่อหลันฉือไม่มีท่าทางประหนึ่งไม่ยี่หระต่อความตายแต่บนใบหน้ายังคงดูสงบนิ่งอย่างเห็นได้ชัด...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 137-138

บทที่ 137 ยามนั้นอวี้ฉือเฟยเยี่ยนเองก็เปลี่ยนเป็นชุดพันรอบอกสำหรับเล่นน้ำแล้ว นางเกิดมาแขนขายาว ดังนั้นท่อนล่างถัดจากเสื...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 139-140

บทที่ 139 เซียวอ๋องเดินทางเข้าเมืองหลวงไปเข้าเฝ้าครั้งนี้นับว่าราบรื่นผิดปกติ ฮ่องเต้เรียกพบองค์ชายรองในห้องทรงพระอักษรท...

community.jamsai.com