เสียงบ่นของหานกั๋วฟูเหรินทั้งบอบบางทั้งหยาดเยิ้ม นุ่มนวลดุจสายน้ำ ราวแมวน้อยกำลังออดอ้อน หลี่เจาเกอไม่ใช่บุรุษ แต่เล็กก็ไม่ค่อยจะเข้าใจว่าการออดอ้อนมีจุดน่าเอ็นดูอยู่ตรงที่ใด เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้จึงเสนอแนะอีกฝ่ายไปอย่างจริงจังยิ่ง “ท่านป้ากลางวันง่วงเพลีย กลางคืนนอนไม่หลับ น่าจะเพราะขาดการออกกำลัง ร่างกายจึงอ่อนแอไม่มีเรี่ยวแรง มิสู้ท่านป้ายืดเส้นสายมากหน่อย จะขี่ม้ายิงธนู วิ่ง หรือเดินเล่นสัมผัสธรรมชาติก็ได้”
หลี่เจาเกอกล่าวจบ ในห้องก็ตกสู่ความเงียบช่วงสั้นๆ ชั่วครู่ให้หลังหานกั๋วฟูเหรินป้องหน้ากึ่งหนึ่ง เอ่ยปนยิ้มหวาน “ขอบใจเซิ่งหยวนยิ่งนักที่เตือน เพียงแต่ข้าอายุมากแล้ว เทียบกับสาวๆ อย่างพวกเจ้าไม่ไหว คร้านจะขยับตัว”
หลี่เจาเกอคิดในใจ…อีกฝ่ายบ่นชัดๆ ว่าง่วงเพลีย ตนเสนอวิธีแก้ให้กลับบอกว่าคร้านจะขยับ ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่ หลี่เจาเกอไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกจึงพยักหน้าเอ่ยว่า “ท่านป้าจัดการเองตามที่เห็นควรเถิด พี่เฮ่อหลันกับน้องสาวล้วนกตัญญู จะต้องแบ่งเบาความกลัดกลุ้มให้ท่านได้แน่”
หานกั๋วฟูเหรินฟังถึงตรงนี้นัยน์ตาก็สั่นไหว มือยันตั่งอันงามประณีต ลุกขึ้นนั่งช้าๆ แล้วถอนใจกล่าว “ข้าเหน็ดเหนื่อยมาครึ่งค่อนชีวิต บัดนี้อยากจะพักผ่อนเสพสุขอยู่หรอก แต่จนใจที่พวกเขาพี่ชายกับน้องสาวก่อกวนเก่งไม่แพ้กัน จะให้ข้าสบายใจได้อย่างไร หมิ่นเอ๋อร์ยังดีหน่อย ปีนี้นางครบสิบเจ็ดพอดี ข้าจะคัดสรรสามีดีๆ ให้นาง ชั่วชีวิตนี้ของนางก็นับว่ามั่นคงแล้ว ทว่าเจ้าใหญ่นี่สิใจไม่นิ่งเสียที ข้าพูดตั้งหลายครั้งว่าจะสู่ขอสตรีให้ เขากลับบอกอยู่เรื่อยว่าตนเองอายุยังน้อย ไม่อยากถูกสตรีผูกมัด เฮ้อ ไม่รู้เมื่อไรข้าจึงจะได้อุ้มหลาน”
เฮ่อหลันหมิ่นโบกพัดให้มารดา ได้ยินเช่นนี้ก็ปรายตามองหลี่เจาเกอเบาๆ ก่อนเอ่ย “ท่านแม่ ท่านอย่าร้อนใจไปเลย ที่พี่ใหญ่ไม่อยากแต่งงาน เพียงเพราะยังไม่พบเจอคนที่ชอบ รอจนเขาได้พบเจอ ใจก็จะนิ่งเอง”
หานกั๋วฟูเหรินหัวเราะคิก “แม่หวังจะให้ใจเขานิ่งไวๆ ไม่รู้ว่าแม่นางบ้านใดหนอจะทำให้เขาเก็บจิตเก็บใจเลิกว่อกแว่กได้”
หลี่เจาเกอไม่ชอบเล่นปริศนาคำทายกับสตรี แต่ไม่ได้หมายความว่านางฟังไม่เข้าใจ นับรวมสองชาตินางเคยเจอผู้คนมาตั้งเท่าไร สตรีในเรือนหลังอย่างพวกหานกั๋วฟูเหรินหรือจะมีฝีมือในการสังเกตสีหน้าวาจาของผู้อื่นเทียบนางได้ นางสังเกตเห็นแววตาของเฮ่อหลันหมิ่น พิจารณาร่วมกับความนัยที่คล้ายมีคล้ายไม่มีในคำพูดของหานกั๋วฟูเหรินกับท่าทีคลุมเครือของเฮ่อหลันชิง มีหรือจะไม่เข้าใจว่าสามแม่ลูกนี้หมายทำอันใด
ที่แท้หานกั๋วฟูเหรินเขียนจดหมายถึงเทียนโฮ่วให้หลี่เจาเกอรับช่วงคดีสาวใช้จวนสกุลเฮ่อหลัน เปลือกนอกเพื่อจะขับไล่คนศาลต้าหลี่ แต่แท้จริงต้องการจับคู่หลี่เจาเกอกับเฮ่อหลันชิงต่างหาก สายตาของหานกั๋วฟูเหรินมองสูงลิ่ว เลือกเฟ้นไปมารู้สึกว่าสตรีตระกูลใหญ่ในราชธานีตะวันออกไม่มีใครคู่ควรกับบุตรชายที่รักของนางเลย จึงหันไปหมายตาองค์หญิงแทน
ด้วยอุปนิสัยของหานกั๋วฟูเหรินกับหยางฮูหยิน ไม่มีทางจะยอมให้เฮ่อหลันชิงแต่งกับองค์หญิงที่เกิดจากสนมชายา ทว่าหลี่ฉังเล่อสนิทกับสกุลเผยมาแต่เล็ก ต่อให้หานกั๋วฟูเหรินเข้าข้างบุตรชายตนเองถึงเพียงใด นางก็แจ้งใจว่าเขาทาบเผยจี้อันไม่ติด เดิมทีจึงดับความคิดหวังในตัวองค์หญิงไปแล้ว กระทั่งหลี่เจาเกอหวนคืนมา
หลี่เจาเกออ่อนกว่าเฮ่อหลันชิงสี่ปี มีที่ศักดินามั่งคั่ง รูปโฉมงดงาม ทั้งยังเป็นบุตรีคนโตที่เกิดจากฮองเฮา ดูจากการเปลี่ยนแปลงทิศทางลมในวังหลวงช่วงหนึ่งปีมานี้ ฮ่องเต้สนับสนุนหลี่เจาเกอยิ่งยวด โปรดปรานไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหลี่ฉังเล่อไข่มุกน้อยแห่งราชธานีตะวันออก หานกั๋วฟูเหรินค่อยๆ ตรึกตรอง เห็นว่าหลี่เจาเกอถึงวัยแต่งงานแล้ว ขืนไม่ออกเรือนก็จะไม่มีคนต้องการอีก มิสู้มาเป็นภรรยาเฮ่อหลันชิง ลูกพี่ลูกน้องเกี่ยวดองกันอีกชั้น เหมาะเจาะพอดีไม่ใช่หรือไร
ส่วนเรื่องที่หลี่เจาเกอเผยหน้าเผยตาอยู่ข้างนอกทั้งวี่วันนั้น หานกั๋วฟูเหรินสามารถเปิดใจกว้างไม่ถือสา เฮ่อหลันชิงไม่อาจทนลำบาก ต้องเป็นผู้มีทรัพย์จึงจะเลี้ยงดูเขาไหว แม้หลี่เจาเกอมีจริตโอนอ่อนในฐานะภรรยาไม่เพียงพอ ทว่าอย่างน้อยยังหาเงินทองได้ หานกั๋วฟูเหรินกับเฮ่อหลันชิงย่อมสามารถกล้อมแกล้มยอมรับไว้
หานกั๋วฟูเหรินนึกว่าแววตามองสำรวจของตนเก็บงำดียิ่ง ทั้งที่จริงแล้วหลี่เจาเกอทำเป็นมองไม่เห็น
หลี่เจาเกอเงียบไปครู่หนึ่ง ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี นางเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก บุรุษที่เกาะสตรีกินแต่กลับยังช่างเลือกช่างติรู้สึกว่าตนเองสูงส่งเสียเต็มประดา นางไม่ถือสาที่จะหาเลี้ยงครอบครัว แต่ปัญหาคือเหตุใดนางจะต้องเลือกเฮ่อหลันชิงเล่า
ด้วยฐานะอำนาจของนาง เพียงกระดิกนิ้วก็มีบุรุษถมเถปรี่เข้าหา เป็นหนุ่มหน้าขาวพรรค์เดียวกัน นางมิสู้เลือกไป๋เชียนเฮ่อยังดีกว่า อย่างน้อยไป๋เชียนเฮ่อก็มีวิชาตัวเบาต่อยตีได้ เฮ่อหลันชิงนั่นทำอะไรเป็นบ้าง