หลี่เจาเกอไม่อยากนั่งอยู่ต่อไป ถึงขั้นเสียใจภายหลังไม่น้อย เมื่อครู่นางไม่น่ายั่วโมโหกู้หมิงเค่อจนเขาจากไปเลย คดีนี้สมควรมอบให้ศาลต้าหลี่ทำ
หานกั๋วฟูเหรินกับสาวใช้จวนสกุลเฮ่อหลันล้วนมองหลี่เจาเกอด้วยแววตายิ้มเย้า พวกนางนึกว่าจะได้เห็นแม่นางน้อยวัยกำดัดขวยเขินหน้าแดง ทว่ากลับเห็นหลี่เจาเกอเพียงยืนขึ้นอย่างเย็นชา สายตานิ่งกระจ่าง ใบหน้าดุจฉาบเกล็ดน้ำแข็ง “พี่เฮ่อหลันอายุอานามไม่น้อย ถึงเวลาเร่งหาพี่สะใภ้แล้วจริงๆ เพียงแต่เขาประพฤติตนไม่สำรวม คบหาสตรีผู้รู้ใจไปทั่วทุกแห่ง คิดจะหาพี่สะใภ้ที่ใจกว้างสักคนเกรงว่าคงไม่ง่าย ท่านป้าต้องเร่งมือหน่อยแล้ว”
หานกั๋วฟูเหรินสีหน้าแข็งค้าง ยืดกายขึ้นกำลังจะพูดจากลับถูกหลี่เจาเกอชิงกล่าวก่อน “ข้ายังมีธุระที่กองงานปราบปีศาจ ต้องกลับแล้ว ภายหน้าวันมงคลของพี่เฮ่อหลัน ข้าจะพาราชบุตรเขยมาร่วมแสดงความยินดีถึงจวนแน่นอน ท่านป้ามิต้องส่ง ข้าขอตัว”
จบคำหลี่เจาเกอก็หมุนตัวจากไปทันที คร้านกระทั่งจะมองท่าทีตอบสนองของหานกั๋วฟูเหริน เดิมหานกั๋วฟูเหรินดุจแมวเรื่อยเฉื่อยขดร่างอยู่บนตั่ง ยามนี้สีหน้าสบายอารมณ์ถูกกวาดหาย หน้าเนียนเปลี่ยนสีจากแดงเป็นขาว สุดท้ายกลายเป็นเขียวคล้ำ
เฮ่อหลันหมิ่นไม่รู้ว่าควรจะออกไปส่งหลี่เจาเกอหรือควรจะรั้งอยู่ที่นี่ปลอบโยนมารดา ครั้นเหลือบเห็นสีหน้ามารดาจึงกล่าวว่า “ท่านแม่ องค์หญิงเซิ่งหยวนถือดีเอาแต่ใจ ท่านอย่าได้นำพา ต่อให้นางเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้สักเพียงใด เรื่องแต่งงานก็ยังคงต้องฟังคำสั่งของบิดามารดาอยู่ดี”
รอยโทสะบนใบหน้าหานกั๋วฟูเหรินยากจะสลาย นับแต่น้องสาวนางขึ้นเป็นเทียนโฮ่ว ทุกคนล้วนประจบนาง น้อยนักจะมีคนกล้าชักสีหน้าให้นางดู นางนึกว่าเกี่ยวดองกันอีกชั้นจะชื่นมื่นด้วยกันทุกฝ่าย ผลกลับกลายเป็นถูกผู้เยาว์ถากถางซึ่งหน้า นางจะกล้ำกลืนโทสะนี้ได้อย่างไรกัน
ใบหน้าที่ทาแป้งเนียนยังคงกรุ่นโทสะขณะนางปาผ้าเช็ดหน้าอย่างฉุนเฉียว “ข้าอุตส่าห์เจตนาดี นางไม่รับน้ำใจก็ช่าง ถึงกับยกคำว่าราชบุตรเขยมายั่วโมโหข้า นี่ใช่สิ่งที่สตรียังไม่ออกเรือนผู้หนึ่งสมควรจะพูดหรือ”
ด่าจบหานกั๋วฟูเหรินนั่งสักพักก็ยังคงโกรธไม่หาย “มีใครไปพูดอะไรกับนางใช่หรือไม่ ไฉนอยู่ดีๆ นางพูดว่า ‘จะพาราชบุตรเขยมาร่วมแสดงความยินดีถึงจวน’ ”
สาวใช้ที่กำลังทุบขาให้หานกั๋วฟูเหรินอยู่ข้างตั่งก้มหน้างุด ไม่กล้าระบายลมหายใจแรง หญิงรับใช้อาวุโสผู้หนึ่งกระอึกกระอัก สุดท้ายยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูหานกั๋วฟูเหริน “ฮูหยิน ในวังมีข่าวลือว่าองค์หญิงเซิ่งหยวนชมชอบคุณชายตระกูลเขยของสกุลเผยยิ่งยวด แม้แต่ฝ่าบาทกับเทียนโฮ่วก็ทรงรับรู้”
“หืม?” หานกั๋วฟูเหรินเลิกคิ้ว คุณชายตระกูลเขยที่ต้องอาศัยชายคาสกุลเผยมีหรือจะเผยอมาเทียบบุตรชายนางได้ นางยิ้มเยาะถามอย่างดูแคลน “คนตกอับจากที่ใดกัน”
“ทายาทคนเดียวของสกุลกู้แห่งก่วงหยวนเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้อาวุโสกล่าว “ก็คือรองตุลาการกู้แห่งศาลต้าหลี่ที่มาเยือนจวนในวันนี้”
“คือเขา?” หานกั๋วฟูเหรินเบิกตาโตอย่างตกใจ ต่อให้นางไม่ไถ่ถามเรื่องภายนอก พักนี้ก็ยังได้ยินว่าฮ่องเต้เห็นคนหนุ่มผู้หนึ่งสำคัญมากจนเลื่อนตำแหน่งข้ามขั้นให้ นึกไม่ถึงเลยว่าบุรุษที่หลี่เจาเกอพึงใจก็คือเขา
หานกั๋วฟูเหรินมุ่นคิ้ว หน้าขรึมลง เช่นนี้จัดการค่อนข้างยากแล้ว
หลี่เจาเกอออกจากประตูใหญ่จวนสกุลเฮ่อหลันยังคงรู้สึกสะอิดสะเอียนแทบแย่ รอจนกลับถึงกองงานปราบปีศาจจิตใจนางสงบดังเดิมแล้ว นางไม่ใช่แม่นางทั่วไปในเรือนหลัง หากเป็นแม่นางอื่นถูกบิดามารดาบีบคั้นให้แต่งกับคนที่ไม่ชมชอบอาจจะร่ำไห้ยอมรับชะตา ทว่านางไม่
เรื่องที่นางไม่ยินยอมทำจะไม่มีใครบังคับใจนางได้ เทียนโฮ่วก็ไม่ได้
นางไม่คิดจะสืบสาวว่าเทียนโฮ่วรับรู้ความตั้งใจของหานกั๋วฟูเหรินหรือไม่กันแน่ ในเมื่อเทียนโฮ่วส่งนางไปสกุลเฮ่อหลันสืบคดี สิ่งที่นางจะทำก็คือสืบคดีเท่านั้น
ครั้นนางเดินเข้ามาในกองงานปราบปีศาจ ผู้ใต้บัญชาก็รายงานว่า “ผู้บัญชาการ ศาลต้าหลี่ส่งเอกสารคดีมาแล้ว ท่านเห็นว่าวางไว้ที่ใดดีขอรับ”
หลี่เจาเกอตอบ “วางไว้บนโต๊ะข้า”
“ขอรับ”
หลี่เจาเกอไปสั่งงานที่โถงตะวันออก รอจนกลับมาที่โถงหลัก เอกสารคดีก็จัดวางบนโต๊ะของนางอย่างเป็นระเบียบแล้ว นางหยิบเอกสารคดีขึ้นมาม้วนหนึ่ง ลายมือบนนั้นงามหมดจด ม้วนเอกสารสะอาดตา เบาะแสจดบันทึกเป็นลำดับขั้นตอน มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นงานเขียนของกู้หมิงเค่อ
นางไม่มีความละอายที่ยึดครองผลสำเร็จจากแรงงานผู้อื่นแม้แต่น้อย เปลี่ยนอิริยาบถแล้วอ่านต่ออย่างสบายใจ