จุติรัก พลิกชะตาร้าย
ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 87-88
คุณหนูของบ้านคหบดี…ภรรยาของรองหัวหน้าหน่วยน้ำจัณฑ์…กับสาวใช้ของจวนสกุลเฮ่อหลัน หากนี่เป็นคดีฆ่าต่อเนื่อง ฆาตกรจะต้องมีความแค้นลึกล้ำต่อพวกนาง ขณะเดียวกันยังต้องติดต่อกับสตรีที่อยู่ต่างชนชั้นกันทั้งสามคนนี้ได้ หลี่เจาเกอนึกถึงสภาพการตายของสามคนนี้…ปวดท้อง กระอักเลือก ปวดบิดจนถึงแก่ความตาย ฟังคล้ายถูกพิษบางอย่าง ทว่าเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพตรวจไม่พบพิษในศพเลย
นางรู้ว่าถูกพิษเป็นสิ่งที่ตรวจได้ยากที่สุด เพราะได้แต่อาศัยการตรวจเทียบกับพิษที่มีอยู่ในปัจจุบัน หากไม่ใช่สารพิษซึ่งเป็นที่รู้จัก เช่นนั้นก็ไม่ต่างกับงมเข็มในมหาสมุทร ต้องไล่ตรวจสอบไปทีละอย่างๆ สิ่งมีพิษในใต้หล้ามากมายปานนี้ ใครจะรู้ได้ว่าผู้ตายถูกสิ่งใดคร่าชีวิตกันแน่
สำหรับคดีวางยาพิษฆ่าต่อเนื่อง…วิธีหนึ่งคือสืบหาสิ่งที่ผู้ตายเคยสัมผัสก่อนเสียชีวิต อีกวิธีหนึ่งคือสืบความเชื่อมโยงระหว่างบุคคล หากสามคนนี้ตายด้วยฝีมือฆาตกรต่อเนื่องจริง สามบ้านนี้ก็ต้องมีจุดที่เกี่ยวโยงทับซ้อนกันอยู่
หลี่เจาเกออ่านบันทึกคดีอย่างละเอียด…คหบดีผู้นั้นค้าขายต่วนแพร เป็นคนอ่อนน้อม กำไรเล็กน้อยก็พอใจแล้ว ปกติไม่เคยบาดหมางกับผู้อื่น นึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีใครปองร้ายบุตรสาวของเขา ส่วนรองหัวหน้าหน่วยน้ำจัณฑ์กองงานสมโภชเป็นขุนนางขั้นเก้าผู้หนึ่ง ในราชธานีตะวันออกถือว่าตำแหน่งธรรมดาเสียไม่มี ฮูหยินของเขาก็เช่นกัน เพียงเลี้ยงดอกไม้เลี้ยงนก วันอากาศดีออกไปชมทิวทัศน์กับสตรีชนชั้นเดียวกัน แนวการใช้ชีวิตล้วนไม่มีอันใดต่างไปจากภรรยาขุนนางเล็กๆ ทั่วๆ ไป ธรรมดาเสียจนไม่มีกระทั่งศัตรูคู่แค้น ส่วนหวั่นเซียงสาวใช้คนโปรดของเฮ่อหลันชิงแม้มีศัตรูไม่น้อย ทว่าล้วนเป็นสาวใช้ในเรือนหลัง ปกติแก่งแย่งผลประโยชน์ ชิงรักหักสวาทต่างเป็นยอดฝีมือ แต่ถ้าให้ลงมือจริงสตรีเหล่านั้นไม่มีปัญญาแม้แต่จะฆ่าไก่ ไม่น่าจะก่อคดีที่ชาญฉลาดวางยาพิษต่อเนื่องเช่นนี้ได้
หลี่เจาเกอยิ่งอ่านยิ่งปวดศีรษะ ค้นดูภูมิหลังวงศ์ตระกูลของคนทั้งสาม พบว่าคหบดี รองหัวหน้าหน่วยน้ำจัณฑ์ กับจวนสกุลเฮ่อหลันหาความเกี่ยวข้องกันไม่ได้เลย ผู้ตายทั้งสามต่างไม่รู้จักกัน แต่ไรมาไม่เคยไปมาหาสู่ ยากจะคิดได้จริงๆ ว่าที่แท้เป็นสิ่งใดเชื่อมโยงสามบ้านนี้เข้าด้วยกันได้
หลี่เจาเกอค้นคว้าตลอดบ่าย จวบจนเลิกงานก็ยังคิดอยู่ บัดนี้นางย้ายออกจากวังหลวงจื่อเวยไปพำนักในจวนองค์หญิงของตนเองแล้ว ครั้นขี่ม้ากลับถึงจวน ผู้เฝ้าประตูมองเห็นนางก็รีบวิ่งมาจูงม้า “คำนับองค์หญิง”
หลี่เจาเกอลงจากม้า ส่งเชือกบังเหียนให้ผู้เฝ้าประตู “จูงไปป้อนหญ้า ดูแลให้ดี”
“บ่าวทราบแล้ว”
หลี่เจาเกอสั่งการเรื่องม้าพาหนะเสร็จก็กลับเรือนหลักไปแช่ชำระกาย จวนองค์หญิงเซิ่งหยวนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ย่านเฉิงฝูฟาง ติดกับเขตวังชั้นนอก ออกจากประตูมาก็คือแม่น้ำลั่ว ทัศนียภาพงามตา ทำเลที่ตั้งดีเยี่ยม เดิมคฤหาสน์นี้จะเป็นสินเจ้าสาวของหลี่ฉังเล่อ เมื่อห้าปีก่อนเริ่มทยอยสร้าง ปัจจุบันเป็นสิ่งปลูกสร้างที่วิจิตรหรูหรา โอฬารภูมิฐานยิ่ง หลี่เจาเกอเข้าพำนักอย่างผ่าเผย ไม่รู้สึกสักนิดว่าตนเองแย่งสิ่งของของหลี่ฉังเล่อมา จวนองค์หญิงเป็นทรัพย์สินของราชสำนัก ฮ่องเต้พระราชทานแก่ผู้ใดก็เป็นของผู้นั้น ชาติก่อนมันเป็นของหลี่เจาเกอ ชาตินี้ก็เช่นกัน ทั้งสองชาติภพหลี่ฉังเล่อล้วนไม่อาจชิงไป หากจะตัดพ้อก็ตัดพ้อฮ่องเต้กับเทียนโฮ่วแล้วกัน
ภายหลังแช่ชำระกาย หลี่เจาเกอมุ่นเรือนผมยาวที่เปียกชื้นขึ้นลวกๆ ไปห้องหนังสืออ่านเอกสารคดีต่อ หน้าต่างของห้องหนังสือเปิดออกกึ่งหนึ่ง พู่มู่ลี่ไกวตัวแผ่วเบา ครั้นอ่านไปได้สักพักนางได้ยินเสียงตวาดของสาวใช้แว่วมาจากด้านนอก
นางลุกเดินไปม้วนมู่ลี่ขึ้น มองจากหน้าต่างไปยังลานสวนเห็นพวกสาวใช้ของจวนองค์หญิงถือลำไม้ไผ่กำลังขับไล่บางอย่างในดงไม้ นางมองครู่หนึ่งก่อนถาม “พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่”
พวกสาวใช้เหลียวหลังมาเห็นว่าเป็นหลี่เจาเกอต่างรีบทำความเคารพ “คำนับองค์หญิง พวกหม่อมฉันเสียงดังรบกวนองค์หญิงแล้วใช่หรือไม่”
“ไม่เป็นไร” หลี่เจาเกอโบกมือผ่านๆ “พวกเจ้ากำลังหาอะไรน่ะ”
“แมวดำตัวหนึ่งเพคะ” พวกสาวใช้ตอบ “ทางวังหลวงไม่อนุญาตให้เลี้ยงแมว ไม่รู้แมวดำตัวนี้วิ่งมาจากที่ใด วันนี้วนเวียนอยู่ทั้งวัน ไล่ตีอย่างไรก็ไม่ยอมไปเสียที พวกหม่อมฉันกลัวว่ากลางคืนมันจะส่งเสียงร้องรบกวนองค์หญิง ดังนั้นจึงออกมาขับไล่”
“แมว?” หลี่เจาเกอคาดไม่ถึงอยู่บ้าง ทางวังหลวงห้ามเลี้ยงแมวนางเองก็รู้ นี่เป็นกฎลับที่ไม่ถูกเขียนไว้ นับแต่เซียวซูเฟยตายในวังก็มีแมวไม่ได้อีก
สภาพการตายของอดีตหวังฮองเฮากับเซียวซูเฟยแสนอเนจอนาถ ถูกตัดมือเท้า ยัดร่างใส่ถัง สุดท้ายให้ขาดอากาศตายทั้งเป็น เทียนโฮ่วอำมหิตยิ่ง ถึงกับแช่คนทั้งสองนี้ในถังสุราแขวนโสมคน ทรมานอยู่หลายวันค่อยยอมเอาชีวิต
เทียนโฮ่วเคียดแค้นถึงขั้นนี้เพราะมีสาเหตุ หลังจากเซียวซูเฟยกับหวังฮองเฮาถูกปลด ทั้งสองถูกขังในตำหนักเย็นด้วยกัน มีครั้งหนึ่งฮ่องเต้แข็งใจไม่ไหว ลอบไปเยี่ยมพวกนาง เห็นอดีตภรรยารักกับอนุคนงามตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ พระองค์ก็ปวดใจยิ่งยวด ครั้นเรื่องนี้แพร่ไปถึงหูเทียนโฮ่ว เทียนโฮ่วก็โกรธมาก ไปหาฮ่องเต้อย่างดุดัน ฮ่องเต้ทั้งรักทั้งกลัวเทียนโฮ่ว ยามนางแข็งขึ้น พระองค์จะอ่อนลง สุดท้ายพระองค์ถูกนางเกลี้ยกล่อม มอบอำนาจเต็มให้นางลงโทษอดีตหวังฮองเฮากับเซียวซูเฟย
พระองค์รู้ตั้งแต่ตัดสินใจนี้แล้วว่าพวกนางจะเผชิญกับสถานการณ์ใด ทว่าพระองค์ไม่ถามไถ่ไยดี ปล่อยให้เทียนโฮ่วออกหน้าเป็นนางร้าย เทียนโฮ่วจับสตรีทั้งสองแช่ในถังสุราเพื่อจะถากถางที่พวกนางเพ้อฝัน หมายพลิกฟื้นคืนมาด้วยการแสดงความอ่อนแอต่อฮ่องเต้ ในเมื่อพวกนางเคลิ้มฝันเก่งนัก เช่นนั้นก็จงแช่ในถังสุราให้เต็มที่ ให้พวกนางเคลิ้มเมาไปถึงในกระดูก
ว่ากันว่าก่อนตายเซียวซูเฟยเคยแผดตะโกนราวคลุ้มคลั่งว่า ‘อาอู่นางมารปลิ้นปล้อน ชั่วช้าจนถึงขั้นนี้! ขอให้ชาติหน้าข้าเกิดเป็นแมว อาอู่เป็นหนู ได้เค้นคอมันทั้งเป็น!’
เสียงครวญครางของอดีตหวังฮองเฮากับเซียวซูเฟยก้องวนเวียนในตำหนักเย็นสามวัน นางกำนัลขันทีทุกคนที่ได้ยินเสียงคร่ำครวญหวนไห้นี้ล้วนตัวสั่นงันงก ฝันร้ายติดกันถึงครึ่งปี ต่อมาในวังจึงไม่มีใครกล้าเลี้ยงแมวอีก