มิหนำซ้ำอำเภอเลวี่ยหยางอยู่ที่มณฑลหล่งซีกันดารห่างไกล ที่ศักดินาอยู่ตรงนั้น โดยรวมชั่วชีวิตคงไม่อาจเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ใดแล้ว
ทว่า…เหล่านี้เกี่ยวอันใดกับหลี่เจาเกอเล่า นางยืนอยู่ท้ายโถงไม่พูดจา เทียนโฮ่วเห็นนางมาแล้วจึงถามว่า “เจาเกอ เจ้ากลับมาแล้วหรือ”
“เพคะ” หลี่เจาเกอเดินขึ้นหน้าไปคำนับฮ่องเต้กับเทียนโฮ่ว “ได้ยินว่างานมงคลของพี่หญิงอี้อันกำหนดแล้ว ลูกจึงเข้าวังมาดู”
จบคำนางประสานมือคารวะหลี่เจินแล้วเอ่ยเรียบๆ “ยินดีกับงานมงคลของพี่หญิงอี้อัน”
หลี่เจินได้นางกำนัลพยุงขึ้นจากพื้น หมุนตัวมาคารวะตอบหลี่เจาเกอ เฉวียนต๋ายืนอยู่ในโถงตำหนัก เผชิญหน้าองค์ชายองค์หญิงเต็มโถงไม่รู้ว่าควรตอบสนองเช่นไรดี
หลี่เจาเกอต้องเข้าออกประตูวังทุกวัน ไม่นานนี้เองเฉวียนต๋ายังทำความเคารพหลี่เจาเกอที่หน้าประตูวังอยู่เลย พริบตาเดียวก็กลายมาเป็นพี่เขยของหลี่เจาเกอแล้ว ฐานะเปลี่ยนไวเสียจนเฉวียนต๋าวิงเวียนตาลาย
หลังจากหลี่เจาเกอทักทายเขาเป็นคนแรก คนอื่นๆ เห็นว่าหลี่เจินจะต้องแต่งกับองครักษ์เป็นที่แน่นอนแล้วจึงพากันเดินขึ้นหน้ามากล่าวแสดงความยินดี พวกหลี่ฉังเล่อกับหลี่ไหวไม่รู้สึกเท่าไร เพราะไม่ว่าพี่เขยจะเป็นใครล้วนไม่กระทบต่อฐานะของพวกตน ทว่าตอนชายารัชทายาทกล่าวทักทายเฉวียนต๋า ในใจยังเกิดความรู้สึกอันซับซ้อนอยู่บ้าง
นางเป็นถึงบุตรสาวสกุลหลู เป็นชายารัชทายาทผู้สูงศักดิ์เกินใคร ถึงกับจะต้องกลายเป็นญาติกับองครักษ์เฝ้าประตูวังผู้หนึ่ง ซ้ำร้ายหลี่เจินโตกว่าหลี่ซั่น ตนยังจะต้องเรียกเฉวียนต๋าว่า ‘พี่เขย’ เพียงคิดถึงภาพเหตุการณ์นี้ ในใจก็รู้สึกเหมือนกลืนแมลงวันลงไปไม่มีผิด
หลังเหล่าองค์ชายองค์หญิงกล่าวทักทายจบ ฐานะของเฉวียนต๋าก็นับว่าผ่านการยอมรับจากเชื้อพระวงศ์แล้ว เทียนโฮ่วอมยิ้มมองฉากเหตุการณ์ด้านล่างก่อนเอ่ย “คนครอบครัวเดียวกันสุขสันต์กลมเกลียว เห็นแล้วพาให้เบิกบานใจ เรื่องน่ายินดีเช่นนี้สมควรแบ่งปันแก่เหล่าขุนนางด้วยจริงๆ นางข้าหลวง! จงแจ้งต่อราชสำนักให้ร่วมยินดีกับการครองคู่กันขององค์หญิงอี้อันและองครักษ์หน่วยอี้เว่ยเฉวียนต๋า ไปแจ้งกรมพิธีการด้วย ให้พวกเขาเริ่มเตรียมงานแต่งขององค์หญิงอี้อันทันที”
นี่เทียนโฮ่วกำลังแจ้งข่าวดีอยู่เสียเมื่อไร กำลังสำแดงบารมีอยู่ชัดๆ พวกขุนนางยกเรื่ององค์หญิงอี้อันมาถึงหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ เปลือกนอกเพื่อจะทวงความเป็นธรรมให้บุตรีของพระองค์ แท้ที่จริงเพื่อจะต่อต้านการรวบอำนาจของเทียนโฮ่วต่างหาก เทียนโฮ่วจึงใช้การแต่งงานนี้ตบหน้าขุนนางเหล่านั้นเสียเลย ให้คนทั้งหมดได้เห็นว่าเป็นอริกับนางจะมีผลลงเอยเช่นนี้
เทียนโฮ่วลั่นวาจา ไม่มีใครกล้าชักช้า นางข้าหลวงรีบยอบกายขานรับ เดินชดช้อยมุ่งไปนอกประตู ตอนนี้เองหลี่เจินที่ยืนก้มหน้าโดยตลอดพลันเปล่งเสียงขอร้องฮ่องเต้กับเทียนโฮ่วว่า “ลูกขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทกับเทียนโฮ่ว ทว่าลูกไม่ได้พบพี่ชายสิบปีแล้ว ขอฝ่าบาทโปรดทรงเมตตาให้พี่ชายกลับมาร่วมงานแต่งของลูกกับราชบุตรเขยได้หรือไม่เพคะ”
บุตรธิดาในโถงนี้หลี่เจินมีอาวุโสสูงสุด พี่ชายที่นางกล่าวถึงคืออู๋อ๋องหลี่สวี่ สิ้นเสียงของนางตำหนักเหวินเฉิงทั้งหลังก็ตกอยู่ในความเงียบ ฮ่องเต้นิ่งครุ่นคิด หลี่เจินเห็นเช่นนั้นจึงรีบคุกเข่าลง “ในชีวิตของลูกคงได้จัดงานแต่งเพียงหนเดียวนี้ สตรียามออกเรือนล้วนมีพี่ชายเป็นผู้ส่ง ลูกเพียงอยากพบเขาในพิธีแต่งงาน ขอฝ่าบาทโปรดทรงเห็นใจลูกสองคนพี่น้องที่ไม่ได้พบกันถึงสิบปี ส่งเสริมลูกหนนี้ด้วยเถิดเพคะ”
หลี่เจินคำนับติดกันสามครั้ง ทุกครั้งหน้าผากล้วนจรดพื้น จริงใจยิ่งยวด ฮ่องเต้ไม่ตอบคำ หันไปมองเทียนโฮ่ว หลี่เจินสัมผัสได้ถึงการกระทำของฮ่องเต้ พาให้หัวใจเย็นเฉียบ
มีแค่หลี่เจาเกอกับหลี่ฉังเล่อหรือที่เป็นบุตรีของพระองค์ หลี่เจินผู้นี้ไม่ใช่หรือไรกัน หลี่ฉังเล่ออยู่กับฮ่องเต้มาแต่เล็ก หลี่เจินรู้ตัวว่าเทียบกับหลี่ฉังเล่อไม่ได้ แต่หลี่เจาเกอเล่า หลี่เจาเกอเพิ่งตามหาคืนมา เอ่ยถึงความสนิทสนมเกรงว่าคงไม่เหนือกว่าหลี่เจินสักเท่าไร เหตุใดแม้แต่ข้อเรียกร้องจะเป็นขุนนางในราชสำนักฮ่องเต้ยังอนุญาตหลี่เจาเกอได้ หลี่เจินเพียงแค่อยากให้พี่ชายมาร่วมงานแต่ง ไฉนฮ่องเต้กลับลังเลแล้วลังเลอีก
ฮ่องเต้ไม่เอ่ยวาจา หน้าผากของหลี่เจินยังคงก้มจรดพื้น บรรยากาศในโถงค่อยๆ ผนึกค้าง เทียนโฮ่วรออย่างเย็นใจครู่หนึ่ง ชื่นชมสภาพอับจนของหลี่เจินจนพอใจค่อยเอ่ยราวสงเคราะห์เจือจาน “ข้าเป็นมารดาที่ใจดี มององค์ชายองค์หญิงทั้งหมดในวังดุจเดียวกันกับบุตรที่ให้กำเนิดเอง พวกเจ้ามีข้อเรียกร้อง ข้าเคยปฏิเสธเมื่อใดกัน ในเมื่ออี้อันอยากพบอู๋อ๋อง เช่นนั้นก็ให้อู๋อ๋องพาชายาของเขากลับมาราชธานีตะวันออกสักเที่ยวแล้วกัน”
หลี่เจินพรูลมหายใจยาว โขกศีรษะให้เทียนโฮ่วเสร็จค่อยลุกขึ้นช้าๆ การสั่งสอนของเทียนโฮ่วหนนี้สยบขวัญคนทั้งในนอก เฉวียนต๋าผวาจนไม่กล้าพูดจา หลี่เจาเกอก้มหน้ามองเสื้อผ้าของตน ส่วนหลี่ฉังเล่อตัวลีบอย่างหวาดกลัว ไม่กล้าขัดขืนมารดาอีกแล้ว
น่ากลัวเหลือเกิน หากนางไม่เชื่อฟังมารดาจะถูกยกให้องครักษ์สักหน่วยส่งเดชเช่นกันหรือไม่
หลี่ฉังเล่อเพียงคิดถึงเหตุการณ์เช่นนั้นก็ตื่นกลัวจนตัวสั่น