จุติรัก พลิกชะตาร้าย
ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 87-88
ชายารัชทายาทอยู่หลังหลี่ซั่นรู้สึกว่าภาพจำที่ตนมีต่อวังหลวงพลิกคว่ำโดยสิ้นเชิง หากวันนี้จุดประสงค์ที่เทียนโฮ่วเรียกทุกคนมาคือเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเทียนโฮ่วประสบผลสำเร็จอย่างงาม
เมื่อก่อนชายารัชทายาทรู้เพียงว่าเทียนโฮ่วเผด็จการ แต่ไม่เคยคาดคิดว่ามารดาสามีของตนจะอำมหิตได้ถึงขั้นนี้
ชายารัชทายาทรู้สึกเคว้งคว้างไม่น้อย เดิมทีนึกว่าอดทนจนหลี่ซั่นขึ้นครองราชย์ ตนได้เป็นฮองเฮาแล้วจะเสพสุขได้อย่างเต็มที่ ทว่าปัจจุบันฮ่องเต้เจ็บป่วยออดแอด ส่วนเทียนโฮ่วกลับเห็นชัดว่าไม่มีเค้าของคนอายุสั้นเลย ต่อให้หลี่ซั่นได้ขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่นจริงๆ เบื้องบนมีไทเฮาเช่นนี้อยู่ผู้หนึ่ง ตนจะมีชีวิตอยู่ดีได้จริงๆ หรือ
ในโถงไม่มีใครพูดจา เงียบกริบกระทั่งเข็มหล่นสักเล่มก็ต้องได้ยิน ตอนนี้เองพลันมีเสียงอุทานตกใจของนางกำนัลผู้หนึ่งดังมาจากเบื้องนอก นางกำนัลผู้นั้นรีบป้องปากตนเองทว่ายังคงสายเกินการณ์ ผู้คนในโถงล้วนมองมาทางประตูแล้ว หลี่เจาเกอมองผ่านบานหน้าต่างที่แง้มอยู่ เห็นแมวดำตัวหนึ่งกระโจนจากมุมกำแพงขึ้นไปบนชายคา หนีหายไปอย่างรวดเร็ว
บรรดานางกำนัลรู้ว่าเทียนโฮ่วไม่ชอบแมว บ่าวรับใช้ทั้งหมดต่างก็ตกใจจนหน้าซีด ขันทีที่เป็นหัวหน้าตัวสั่นเทิ้มคุกเข่าลงกล่าวขออภัย “ขอเทียนโฮ่วโปรดอย่ากริ้ว กระหม่อมเองก็ไม่รู้ว่าแมวจรวิ่งเข้ามาจากที่ใด กระหม่อมจะไปตีมันให้ตายประเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
เทียนโฮ่วปรายตาผ่านๆ มองไปยังทิศทางที่แมวดำหลบหนี “สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งเท่านั้น นึกว่าข้าจะเก็บมาใส่ใจจริงๆ น่ะหรือ คนบางคนมีชีวิตอยู่ยังไม่มีปัญญาสู้กับข้า นับประสาอะไรกับตายไปแล้ว ไม่ต้องไล่มันหรอก ปล่อยไปเถอะ”
ขันทีไม่รู้ว่าในน้ำเต้าของเทียนโฮ่วขายยาอะไร จึงขานรับอย่างกล้าๆ กลัวๆ วาจาครึ่งหลังของเทียนโฮ่วชี้ชัดอย่างยิ่ง หลี่เจินยืนอยู่ในโถงตำหนักเหวินเฉิงสัมผัสได้ถึงสายตาลอบพิจารณาจากรอบทิศ ทำให้แทบต้องแทรกแผ่นดินหนี หลี่เจาเกอจุปากอยู่ในใจ ก่อนประสานมือกล่าวก่อนใคร “เทียนโฮ่วทรงรู้แจ้งในเหตุผล เป็นแบบอย่างของลูกโดยแท้ กองงานปราบปีศาจมีคดีปองร้ายอีกหลายคดีที่ยังไม่คลี่คลาย ในเมื่อฝ่าบาทกับเทียนโฮ่วไม่มีสิ่งใดแล้ว ลูกขอตัวออกไปก่อนเพคะ”
ฮ่องเต้กับเทียนโฮ่วพยักหน้า ปล่อยหลี่เจาเกอออกจากตำหนัก พวกหลี่ไหวเห็นเช่นนั้นก็พากันขอตัวบ้าง หลี่เจาเกอก้าวออกจากประตูโถง ยกชายชุดเดินลงบันไดหน้าตำหนักไปภายใต้แสงแดดอำไพ ก่อนจากยังกวาดตามองทิศทางที่แมวดำหายลับนั้นเงียบๆ
เมื่อวานในจวนองค์หญิงของนางก็มีแมวดำผลุบโผล่ วันนี้ยังพบเห็นแมวดำในวังชั้นในอีก เป็นแค่ความบังเอิญแน่หรือ
นับจากค้นพบว่าคดีคนตายต่อเนื่องนั้นจะเกิดเหตุทุกๆ สิบสองวัน หลี่เจาเกอก็ระมัดระวังยิ่งยวด สั่งให้พวกไป๋เชียนเฮ่อจับตาความเคลื่อนไหวในเมืองอย่างใกล้ชิด แต่ที่น่าแปลกคือ…รอจนถึงวันจื่อครั้งถัดไปนครลั่วหยางกลับไม่มีคนเจ็บตาย
นางนึกว่าฆาตกรกำลังหลบซ่อน ทว่ารอจนวันจื่อผ่านไปอีกหลายครั้งเหตุการณ์ก็ยังสงบเรื่อยมา นางนั่งอยู่ในโถงหลักของกองงานปราบปีศาจ มองเอกสารคดีที่อยู่ตรงหน้า พึมพำเสียงเบา “หรือคนตายทุกสิบสองวันเป็นแค่ความเข้าใจผิดของข้าเอง ฆาตกรไม่ได้เจาะจงเลือกวันแต่อย่างใด สามคนนี้วันตรงกัน เป็นความบังเอิญล้วนๆ”
หลี่เจาเกอกดคลึงหว่างคิ้ว แสนจะปวดหัว นางคิดจะลองเปลี่ยนแนวทางไขคดี ทว่าลึกๆ กลับมีลางสังหรณ์บางอย่าง รู้สึกอยู่ตลอดว่าเบื้องหลังวันที่เหล่านี้มีเลศนัย
ขณะคดีทางนี้ไม่คืบหน้าแม้แต่น้อย เวลากลับผ่านไปไวดุจสายน้ำไหล พริบตาก็ถึงวันแต่งงานของหลี่เจินกับเฉวียนต๋าแล้ว เทียนโฮ่วพระราชทานสมรสให้ตอนปลายเดือนสาม จากนั้นก็เร่งรัดกรมพิธีการให้จัดงานโดยเร็ว ดูจากท่าทีของเทียนโฮ่วแทบจะยัดเยียดหลี่เจินออกเรือนไปในวันรุ่งขึ้นเลยด้วยซ้ำ
เทียนโฮ่วหมายจะให้หลี่เจินไสหัวออกไปจากเรือนเยี่ยถิงอย่างไม่สมฐานะองค์หญิง ทว่ากรมพิธีการไม่อาจจัดการเช่นนั้น เจ้ากรมพิธีการแบกรับแรงกดดันมหาศาล ยื้อเวลาไปมาจนสุดท้ายกำหนดงานแต่งเป็นวันที่สองเดือนเจ็ด
ความจริงเดือนเจ็ดฉุกละหุกอย่างยิ่ง แม้แต่บุตรสาวชาวบ้านทั่วไปจะออกเรือน ขั้นตอนก่อนงานแต่งก็ยังต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี หลี่เจินในฐานะองค์หญิงกลับใช้เวลาเพียงสามเดือนก็ถึงวันแต่งแล้ว นับเป็นกรณีตัวอย่างโดยแท้
หลี่เจินแต่งงาน หลี่เจาเกอในฐานะน้องสาวจะอย่างไรก็ต้องไปร่วมงาน ส่วนอู๋อ๋องผู้แสนรุ่มร้อนใจก็รุดมาถึงราชธานีตะวันออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทันงานแต่งของหลี่เจินจนได้ ในวันที่สองเดือนเจ็ดหลี่เจาเกอมอบหมายงานแก่พวกไป๋เชียนเฮ่อแล้วออกจากกองงานปราบปีศาจมาแต่เนิ่นๆ
นางกลับมาจวนองค์หญิงของตนก่อน เปลี่ยนสวมชุดหรูฉวินสีแดงคลุมทับด้วยเสื้อนอกแขนกว้างสีเงินปักลายสีน้ำหมึก แขนคล้องผ้าคลุมไหล่สีเหลือง จากนั้นจะมุ่งหน้าไปยังจวนองค์หญิงอี้อัน ทว่าเครื่องแต่งกายนี้ไม่เหมาะจะขี่ม้า นางจึงสั่งให้ผู้เฝ้าประตูนำรถม้ามาคันหนึ่ง
หลี่เจาเกอต่างจากคนว่างงานอย่างหลี่ฉังเล่อและหลี่ไหว นางกลับจากที่ทำงานค่อยออกเดินทาง ต่อให้ปลีกตัวจากกองงานปราบปีศาจเร็วกว่ายามปกติมาก ตอนมาถึงจวนองค์หญิงอี้อันก็ไม่เช้าแล้ว ขณะนี้ในจวนประดับประดาด้วยโคมไฟกับแถบแพร ผู้ดูแลจวนกำลังต้อนรับแขกอยู่หน้าประตู หลี่เจาเกอกวาดมองคร่าวๆ แม้จวนจะตกแต่งงามหรูยิ่งยวด แต่ในรายละเอียดยังคงมองออกถึงความฉุกละหุก
อย่างไรเสียก็มีเวลาเพียงสามเดือน แม้แต่สินเจ้าสาวยังเตรียมไม่ครบถ้วน จัดงานแต่งเลยสุกเอาเผากินเกินไปจริงๆ เมื่อหลี่เจาเกอเข้าจวนไป คนในโถงจัดเลี้ยงได้ยินว่านางมาแล้วต่างพากันลุกขึ้นต้อนรับ “องค์หญิงเซิ่งหยวน”
หลี่ไหวกับหลี่ฉังเล่อล้วนอยู่ในโถงใหญ่ หลี่ซั่นไม่สบาย ชายารัชทายาทต้องรั้งอยู่ตำหนักบูรพาดูแลหลี่ซั่น วันนี้ไม่อาจมาด้วยตนเองจึงสั่งให้คนของสำนักการกิจมาส่งของกำนัลแทน หลี่ไหวกับหลี่ฉังเล่อคารวะหลี่เจาเกอ หลี่เจาเกอก้มศีรษะให้เล็กน้อย “จ้าวอ๋อง ก่วงหนิง ไม่ต้องมากพิธี นั่งลงเถิด”
ตามธรรมเนียมปกติสตรีก่อนออกเรือนจะต้องคำนับลาบิดามารดา จากนั้นให้พี่ชายแบกออกจากบ้านเดิม พิธีแต่งงานขององค์หญิงมีความแตกต่างหลายอย่าง ทว่าหลักใหญ่ไม่ต่างกัน พิธีการครึ่งแรกทำในวังหลวง อู๋อ๋องหลี่สวี่จะต้องแบกหลี่เจินออกจากวัง ตอนนี้อู๋อ๋องกับชายาจึงอยู่ในวังร่วมเป็นสักขีพยาน ส่วนพวกหลี่เจาเกอเป็นน้องมารอร่วมพิธีการครึ่งหลังที่จวนองค์หญิงอี้อันได้เลย